บทที่ 361 ตกลงซื้อ
ภายใต้การนำของเถ้าแก่โรงบ่ม ทั้งอู๋ฝานและหวังจื่อหมิงต่างก็ได้เดินเที่ยวชมทั่วโรงงาน ส่วนพวกคนงานเหล่านั้น หลังได้รู้ว่าชายหนุ่มต้องการซื้อที่นี่ พวกเขาจึงมองมาด้วยความหวังว่าอีกฝ่ายจะซื้อและกอบกู้สถานการณ์ของที่นี่
“นายน้อยอู๋ เป็นยังไงครับ พอใจกับที่นี่ไหมครับ?” เถ้าแก่โรงบ่มเอ่ยถามขึ้นมา
ไม่เพียงเหล่าคนงานที่คาดหวังให้อู๋ฝานซื้อที่นี่ แต่เถ้าแก่โรงบ่มเองก็คาดหวังเช่นเดียวกัน หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะเขาอับจนหนทางจะดำเนินกิจการต่อไปแล้ว ไม่นานก็คงต้องปิดตัวลง หากเสียหายได้น้อยที่สุดก็จะเป็นเรื่องดี ทว่าก็เหมือนที่ทุกคนในวงการรู้ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงหลายปีมานี้ค่อนข้างซบเซา ดังนั้นแม้เขาจะติดต่อผู้คนมากมาย แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครแสดงตัวว่าต้องการซื้อ ตอนนี้อู๋ฝานเป็นฝ่ายมาหาเองถึงที่ เขาย่อมหวังให้การค้าครั้งนี้สำเร็จด้วยดี
“ไม่เลวครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่พื้นที่ค่อนข้างเล็กไปหน่อย”
แต่พื้นที่ขนาดเล็กที่ว่า มันก็มากพอสำหรับโรงงานแห่งนี้แล้ว ทว่าเมื่ออู๋ฝานตัดสินใจก้าวเท้าเข้ามายังวงการนี้แล้ว เขาย่อมไม่คิดผลิตในระดับเล็กน้อย ชายหนุ่มจะหาทางขยับขยายมันอย่างเต็มที่! ดังนั้นพื้นที่ของที่นี่ จึงถือว่าค่อนข้างเล็กสำหรับตน
“ไม่ใช่ปัญหาครับ” หลังเถ้าแก่โรงบ่มเห็นอู๋ฝานกล่าวว่าสถานที่ค่อนข้างเล็กไปบ้าง เขาจึงรีบเอ่ยขึ้น “ผมยังมีที่ดินขนาดใหญ่ข้าง ๆ ที่นี่อยู่อีกสองผืน คิดว่าด้วยความสามารถของนายน้อยอู๋ การจะซื้อที่ดินว่างนั้นไม่ยากเลยครับ ไว้เมื่อไหร่ถึงเวลาที่โรงงานต้องขยับขยายพื้นที่ ก็สามารถวางใจได้ครับ”
เถ้าแก่โรงบ่มไม่คาดว่าอู๋ฝานจะไม่ได้มองว่าที่นี่ใหญ่เกินไป แต่มองว่าค่อนข้างเล็ก ก่อนหน้านี้ที่ติดต่อหาผู้ซื้อรับช่วงต่อ พวกเขาต่างมองว่าที่นี่ค่อนข้างใหญ่เกินไป เดิมพวกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็มักจะมีความระมัดระวังอยู่แล้ว แม้กระทั่งผู้ที่คิดอยากเข้ามาลองเสี่ยงโชคด้านนี้ ในช่วงเริ่มต้น พวกเขาต่างก็ไม่คิดลงทุนมากจนเกินควร ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการซื้อโรงบ่มขนาดใหญ่เช่นที่นี่
แต่อู๋ฝานที่มาเยี่ยมชมสถานที่ กลับมีความเห็นต่างออกไป เรื่องดีก็คือพื้นที่ข้าง ๆ ของที่นี่ยังว่างเปล่า ดังนั้นจึงสามารถซื้อเพื่อขยับขยายได้
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ตอนมาถึงที่นี่ เขาก็เห็นว่าที่ดินรอบด้านของโรงบ่มค่อนข้างว่างเปล่า หากซื้อรวมทั้งหมดได้ก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด
“ครับ เถ้าแก่ ลองบอกราคามาก่อนได้เลยครับ” อู๋ฝานตอบรับ
เถ้าแก่ที่คิดเรียกราคาสูงในตอนแรกนั้น เมื่อสบตากับหวังจื่อหมิงที่จ้องมองมาอีกครั้ง เขาจึงต้องกลืนราคาที่คิดเอาไว้ลงไป ก่อนจะตอบกลับมา “เห็นว่านายน้อยอู๋อยากซื้ออย่างจริงจัง ถ้าเป็นแบบนั้น รวมทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ สิบแปดล้านเป็นยังไงครับ?”
เถ้าแก่โรงบ่มอยากขายในราคาสูง เพียงแต่เขาไม่กล้าเสนอราคาที่จะเป็นการยั่วยุหวังจื่อหมิง กระทั่งตอนนี้ยังกลัวด้วยซ้ำว่าราคาที่พูดออกไปนี้จะสูงจนเกินไป จนทำให้อู๋ฝานตกใจและสุดท้ายขายไม่ออก เพราะการหาผู้ซื้อรายใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากอีกฝ่ายถอยกลับ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาทางหลุดพ้นจากที่แห่งนี้ได้สักที
“สิบแปดล้านเหรอครับ?” อู๋ฝานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราคานี้ไม่ได้แพงจนเกินไป อย่างไรแล้วที่แห่งนี้ก็มีพื้นที่สองพันตารางเมตร ที่ดินข้าง ๆ ก็น่าจะมีพื้นที่ราวห้าถึงหกพันตารางเมตร ต่อให้เถ้าแก่โรงบ่มซื้อที่ดินมาด้วยราคาถูก แต่ก็คงไม่มีทางขายต่อให้ถูก เพียงแค่ที่ดินก็สามารถขายได้หลักสิบล้านแล้ว ส่วนอุปกรณ์ทั้งหลายภายในโรงงานและตัวสิ่งปลูกสร้าง อีกฝ่ายเรียกแค่แปดล้านจึงถือว่าไม่ได้แพง หรือว่าไม่ได้ต่ำจนเกินไป อย่างไรอุปกรณ์ของที่นี่ก็ซื้อและใช้งานมาแล้วหลายปี มันย่อมมีการเสื่อมสภาพ
โดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นราคาที่ยอมรับได้
“ถ้านายน้อยอู๋มองว่ายังสูงไปบ้าง ก็เจรจากันอีกครั้งได้ครับ” ขณะเถ้าแก่โรงบ่มเห็นอู๋ฝานนิ่งงันครุ่นคิด เขาจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่พอใจในราคา และอาจมองว่าสูงเกินไป ตอนนี้เขาต้องการขายที่นี่ทิ้ง เพื่อลดทอนความเสียหายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ราคาที่ดินรวมแล้วจะราวสิบล้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาผู้ซื้อได้ง่าย ๆ หากอยู่ใกล้เมืองเจียงโจว เช่นนั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องการขาย ทว่าที่นี่อยู่ไกลห่างจากตัวเมือง เรียกว่าค่อนข้างห่างไกลความเจริญซะด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่จะสนใจที่นี่ ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยสถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ ที่ดินทั้งสองด้านของโรงงานมีหรือจะยังไม่ถูกขายออกไป?
ดังนั้นเถ้าแก่โรงบ่มจึงหวังว่าจะขายที่นี่ให้อู๋ฝานได้
“สิบแปดล้านงั้นเหรอ? เสนอออกมาได้ดี ถ้าให้ฉันพูดนะ ขายที่นี่ได้สิบล้านยังต้องจุดธูปแล้วด้วยซ้ำ” หวังจื่อหมิงเอ่ยขึ้น
แม้อู๋ฝานมองว่าสิบแปดล้านเป็นราคาที่ยอมรับได้ แต่ถ้าราคามันจะถูกลงได้อีกเขาก็ยินดี
“นายน้อยหวัง แบบนั้นไม่ไหวครับ สิบล้านค่อนข้างน้อยเกินไปมาก” เมื่อเห็นหวังจื่อหมิงกดราคาจนต่ำในคราวเดียว เถ้าแก่โรงบ่มถึงกับต้องตื่นตระหนกตกใจ
“สิบล้านก็ถือว่ามากแล้วนะ ถ้าอู๋ฝานไม่ซื้อที่นี่ แค่หาผู้ซื้อยังเป็นเรื่องลำบากเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเวลาผ่านไป ค่าแรงของคนงานที่ต้องจ่ายทุกวัน ค่าเสื่อมสภาพวัสดุอุปกรณ์อีก หักลบแล้วเป็นเงินมหาศาลไม่ใช่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ” หวังจื่อหมิงกล่าวเหตุผลออกมา
ในเมื่อหวังจื่อหมิงเป็นคนออกหน้าเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาย่อมเข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อรอง อย่างไรแล้วคนซื้อที่นี่ก็เป็นอู๋ฝาน ดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบดูแลจนถึงที่สุด ตอนนี้จึงเป็นฝ่ายก้าวออกมาช่วยชายหนุ่มหาทางกดราคา
เถ้าแก่โรงบ่มเปลี่ยนสีหน้าไปหลายครั้ง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่หวังจื่อหมิงพูดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่รีบขายที่นี่อย่างเร่งด่วน แต่การต่อรองราคาที่หายไปแปดล้านในครั้งเดียวนั้นออกจะมากเกินไป มันทำให้เขารู้สึกว่ายากจะยอมรับ
“เอาแบบนี้แล้วกันครับ คนละครึ่งทาง สิบสี่ล้าน ถ้าตกลงตามนี้ ผมก็ซื้อ ถ้าไม่ตกลง ผมก็ไปแล้ว” อู๋ฝานบอกกับเถ้าแก่โรงบ่ม
“คือ…” เถ้าแก่โรงบ่มกำลังลังเลอยู่ในใจ แต่เขาได้เห็นแล้วว่าสีหน้าท่าทีของอู๋ฝานไม่มีการล้อกันเล่น และในเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาแล้ว ก็เห็นชัดว่าไม่ต้องการต่อรองอีก เรียกว่าเป็นข้อเสนอสุดท้ายแล้วก็ไม่ผิด
เถ้าแก่โรงบ่มรู้ดีว่าต่อให้อีกฝ่ายต้องการซื้อโรงงานขนาดไหน ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อโรงงานนี้ของเขา ด้วยสัมพันธ์ระหว่างอู๋ฝานและหวังจื่อหมิง รวมกับเส้นสายในเจียงโจว หากคิดหาโรงงานอื่นเพื่อติดต่อขอซื้อก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ผู้ซื้อที่ต้องการซื้อ อย่างไรก็สามารถหาซื้อได้ ทว่าตอนนี้อู๋ฝานเลือกที่นี่เป็นที่แรก
“ครับ! ตกลงที่สิบสี่ล้าน!” เถ้าแก่โรงบ่มไม่ใช่คนโง่ เพียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมรับได้ว่าราคาที่อู๋ฝานเสนอยังพอรับไหว
จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงร่างสัญญากัน หลังดำเนินการตามขั้นตอนจนครบ สถานที่แห่งนี้จะเป็นของอู๋ฝานโดยสมบูรณ์
“จะว่าไปแล้ว ผมก็ค่อนข้างผูกพันกับที่นี่พอสมควรเลย” หลังทำสัญญากัน เถ้าแก่โรงบ่มก็มองรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะรำพึงรำพันออกมา “ตอนแรก ผมก้าวเข้าวงการนี้ด้วยความทะเยอทะยาน คิดว่าจะได้รับเงินถุงเงินถัง นายน้อยอู๋ ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ ขอให้ยืนหยัดในวงการนี้อย่างมั่นคงและยิ่งใหญ่มากขึ้น”
“ไม่ต้องกังวลครับ ครั้งถัดไปที่จะได้ยินชื่อโรงบ่มนี้ คุณจะต้องประหลาดใจที่พบว่ามันต่างออกไปแล้วอย่างสิ้นเชิงแน่นอนครับ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมั่นใจ
แม้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะค่อนข้างซบเซามาหลายปี มีเพียงแบรนด์ใหญ่ที่สามารถครองตลาดได้ อีกทั้งแบรนด์เล็กต่าง ๆ ก็ประสบปัญหาทางธุรกิจและการเงิน แต่อู๋ฝานก็มีความมั่นใจ ด้วยความสามารถที่มี เขาจะสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา พร้อมเริ่มยึดตลาดอุตสาหกรรมนี้ในประเทศ กระทั่งส่งออกไปนอกประเทศก็ยังไม่ใช่เรื่องเกินจริง