บทที่ 362 รับสมัครคน
“นี่นายเตรียมก้าวเข้าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยงั้นเหรอ?” หลังเถ้าแก่ของโรงบ่มออกไป หวังจื่อหมิงจึงถามอู๋ฝาน
แม้เขาจะทำเพียงแค่ช่วยอู๋ฝานกดราคา แต่ในใจของหวังจื่อหมิงนั้นไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายเปิดโรงบ่ม เพราะเขามองว่าธุรกิจส่วนนี้ในปัจจุบันยังทำกำไรได้น้อย การแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นการตัดสินใจเข้าร่วมอุตสาหกรรมดังกล่าวในเวลานี้จึงไม่ค่อยฉลาดนัก
“โรงบ่มก็ซื้อมาแล้ว ผมคงไม่ซื้อมาดูเฉย ๆ หรอกครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ผมรู้ว่าพี่หวังกังวลอะไรนะครับ แต่ผมตัดสินใจซื้อโรงงานแห่งนี้ไม่ใช่เพื่อการเล่นสนุก ตอนนี้ก็ได้แนวคิดมากมายแล้วด้วยซ้ำ”
“ในเมื่อนายตัดสินใจแล้ว ฉันคงไม่พูดอะไรอีก” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ยังไงก็เถอะ ต่อให้นายล้ม ก็แค่เงินสิบกว่าล้าน ไม่ใช่วันฟ้าถล่มของนายหรอก”
“สิบกว่าล้านก็ถือว่าเยอะมากแล้วนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “นายน้อยตระกูลใหญ่อย่างพี่หวัง อาจไม่รู้ความยากลำบากของคนธรรมดาอย่างพวกเรา”
“ไม่เอาน่า คิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ ไปแข่งรถครั้งก่อน นายทำกำไรมาได้ห้าถึงหกสิบล้านเลยมั้ง ซื้อโรงบ่มสิบล้าน ก็แค่เงินเล็กเงินน้อยไม่ใช่หรือยังไง?” หวังจื่อหมิงค่อนแคะ
“รู้ด้วยเหรอครับ?” อู๋ฝานหัวเราะตอบแก้เขิน
“ในบรรดาทายาทรุ่นที่สองของเจียงโจว ใครบ้างไม่รู้ว่าคนที่ชื่ออู๋ฝาน ใช้เงินหนึ่งหยวนคว้าเอาเงินเดิมพันสามสิบล้านมาครอบครอง?” หวังจื่อหมิงหัวเราะตอบ “ให้ตายสิ เรื่องตลกหนึ่งหยวนนี่แพร่กระจายเป็นวงกว้างแล้วมั้ง ตอนนี้คงกระจายต่อไปถึงเมืองหลิวแล้วด้วย นายทำได้เจ็บแสบดีจริง ๆ!”
“พูดเกินไปครับ” อู๋ฝานนึกเขินอายขึ้นมา
เรื่องเงินเดิมพันหนึ่งหยวนครั้งก่อน เขาไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ำ จึงไม่ได้คาดถึงขนาดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเล่าขานโด่งดัง
“เกินกว่าที่ฉันเล่าเมื่อกี้เยอะเลยด้วยซ้ำ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “แต่ว่านะ ฉันก็ไม่คิดว่าฝีมือการขับรถของนายจะดีถึงขนาดนั้นได้ อดีตนักแข่งรถมืออาชีพสองคนยังเทียบนายไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำเรื่องให้ฉันประหลาดใจได้ตลอดจริง ๆ บางทีนายอาจจะยืนหยัดในแวดวงเหล้าไวน์นี่ก็ได้”
“ยืนหยัดอะไรกันล่ะครับ? เมื่อก้าวเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้แล้ว ผมก็ต้องขึ้นไปบนจุดสูงสุดเหมือนอย่างร้านโลกในแหวนสิครับ แค่ยืนหยัดมั่นคงอะไรนั่น ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ขั้นต่ำของผมเลยด้วยซ้ำ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมั่นใจ
“ก็ดี ทะเยอทะยานเป็นเรื่องที่ดี!” หวังจื่อหมิงยกนิ้วโป้งให้อู๋ฝาน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันจะรอชิมไวน์ที่นายบ่มก็แล้วกัน”
“รับประกันความพึงพอใจเลยครับ!” อู๋ฝานตอบรับ
เมื่อเรื่องของโรงบ่มเรียบร้อย หวังจื่อหมิงก็ไม่คิดอยู่ต่อนาน อย่างไรเขาก็มีธุระส่วนตัวต้องไปจัดการเช่นกัน ดังนั้นไม่นานจึงกลับไป ส่วนอู๋ฝานนั้นไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด
หลังหวังจื่อหมิงกลับไปแล้ว อู๋ฝานก็เรียกรวมเหล่าคนงานของโรงบ่ม รวม ๆ แล้วมีคนราวสามสิบถึงสี่สิบคน คาดว่าถ้าที่นี่ยังต้องเผชิญสภาพเดิมต่อไป คนงานทั้งหมดเกือบสี่สิบคนเหล่านี้คงถูกเชิญให้ออก
“เหมือนที่ทุกคนได้เห็นกันไปแล้ว ตอนนี้ผมซื้อโรงบ่มที่นี่เรียบร้อยแล้ว นับจากวันนี้ผมเป็นเถ้าแก่ของพวกคุณครับ” อู๋ฝานบอกกับกลุ่มคน
“คำนับเถ้าแก่!” เหล่าคนงานตะโกนเสียงดังออกมา
พวกเขาต่างก็ได้เห็นเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ ตอนนี้โรงบ่มเปลี่ยนมือแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกคาดหวังว่าอู๋ฝานจะนำพาพวกเขาผ่านพ้นวิกฤตและก้าวหน้าไปต่อได้
อู๋ฝานพยักหน้ารับพร้อมตอบคำกลับ “ผมจะไม่ไล่พวกคุณออกแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่แค่ไม่ไล่ออก แต่ยังต้องรับสมัครคนเพิ่มด้วย เรื่องของงานทรัพยากรบุคคล เดิมใครเป็นคนรับหน้าที่เหรอครับ?”
“เถ้าแก่ ฉันเองค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวยี่สิบต้น ๆ ก้าวออกมาด้วยท่าทีประหม่า “ผู้จัดการของพวกเราลาออกไปได้หลายวันแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันเลยเป็นแผนกบุคคลเพียงคนเดียวของที่นี่ค่ะ”
โรงบ่มแห่งนี้ไม่ได้รับสมัครคนเพิ่มมานานแล้ว กระทั่งว่าลดน้อยลงทุกวัน แผนกบุคคลจึงไม่มีงานให้ทำนอกจากการคัดเลือกคนงานออก ดังนั้นการเก็บคนแผนกบุคคลเอาไว้มากเกินไปจึงไม่ใช่เรื่องดี ยกเว้นผู้หญิงคนนี้ คนอื่นต่างก็ลาออกหรือไม่ก็ถูกเชิญให้ออกกันไปหมดแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ให้คุณรับผิดชอบงานทั้งหมดของแผนกบุคคลนะครับ ก่อนอื่นเลยคือการรับสมัครคนเพิ่ม เริ่มจากการรับสมัครคนที่ทำงานแผนกบุคคล เรื่องการรับสมัครคนงาน ก็ขอให้เป็นคนที่มีประสบการณ์มาบ้าง ลองติดต่อหาคนงานเดิมที่ออกไปก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ ถ้าพวกเขายังอยากทำงานเดิม ก็เรียกพวกเขากลับมาให้ทำงานต่อได้ครับ เงินเดือนนั้นให้เพิ่มขึ้นหนึ่งในสิบจากเงินเดือนเดิม ส่วนพวกคุณที่ทำงานออฟฟิศเบื้องหลังก็รวมอยู่ด้วยครับ แน่นอนว่าผมจะรับผิดชอบค่าแรงที่ค้างจ่ายไว้สองเดือนให้ด้วยครับ”
อู๋ฝานต้องการคนงานเดิมกลับมา ประการแรกนั้นเพราะพวกเขามีประสบการณ์ ส่วนสาเหตุที่สองเป็นเพราะพวกเขาเคยทำงานที่นี่มานาน ไม่มากก็น้อยจะต้องมีความรู้สึกผูกพันอยู่บ้าง ดังนั้นการให้โอกาสพวกเขาได้ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องแย่
คำพูดของอู๋ฝานทำให้กลุ่มคนส่งเสียงฮือฮาโห่ร้องยินดีกันออกมา พวกเขาไม่คิดว่าหลังเถ้าแก่คนใหม่เข้ามารับช่วงต่อ ไม่เพียงพวกเขาจะยังได้ทำงานต่อ แต่ยังได้รับการขึ้นเงินเดือน เถ้าแก่เช่นนี้ถือว่าดีเกินความคาดหวังไปมาก!
อู๋ฝานมองสีหน้าท่าทียินดีของกลุ่มคน พลางนึกถึงสมัยตนเองยังทำงานพาร์ทไทม์ ค่าแรงในตอนนั้นไม่ได้มากมายอะไร ต่อให้เพิ่มเพียงแค่หนึ่งในสิบ ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าทึ่ง แต่การใช้เงินเล็กน้อยเหล่านี้ก็สามารถซื้อใจคนได้ มันถือเป็นการใช้เงินที่ถูกต้อง
“ถ้าทำได้ดี ไว้ผมจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการแผนกบุคคลให้ครับ” อู๋ฝานบอกกับหญิงสาว
“ขอบคุณเถ้าแก่ค่ะ ขอบคุณค่ะ!” หญิงสาวพูดคำขอบคุณซ้ำไปมาด้วยความตื่นเต้นยินดี กระทั่งใบหน้าแดงระเรื่อ
หญิงสาวคนนี้เพิ่งเข้าทำงานที่โรงงานแห่งนี้ได้ไม่ถึงสามเดือน เธอยังไม่ใช่พนักงานประจำซะด้วยซ้ำ เธอที่เป็นก็แค่มดงานตัวจ้อย คอยจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแผนกบุคคล เธอที่เป็นเพียงหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่ถึงหกเดือนด้วยซ้ำ สาเหตุที่เถ้าแก่คนเดิมจ้างงานเธอและเก็บเอาไว้ ก็เพราะเงินเดือนของเธอต่ำที่สุด อย่างไรแผนกบุคคลก็ไม่อาจปล่อยให้ว่าง ไม่เช่นนั้นแล้วใครกันจะคอยจัดการเรื่องคัดคน เชิญออก และขั้นตอนทั้งหลาย?
ขณะที่มองสถานการณ์ของโรงบ่ม เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเมื่อไหร่จัดการเชิญคนออกหมดแล้ว เธอเองก็คงต้องไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้คิดว่าวันนี้เรื่องจะเปลี่ยนผัน ไม่เพียงไม่ถูกไล่ออก แต่ยังได้รับโอกาสแต่งตั้งเป็นผู้จัดการแผนกบุคคล ท่าทียินดีของเธอจึงไม่ใช่เรื่องเกินเลย มันเป็นประหนึ่งขึ้นจากนรกสู่สวรรค์ซะด้วยซ้ำ
“ก็ตามนี้นะครับ ก่อนอื่นขอให้ทุกคนช่วยเก็บกวาดโรงงานให้เรียบร้อย กระบวนการผลิตจะกลับมาเริ่มดำเนินงานอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ครับ” อู๋ฝานบอกกับทุกคน
ทุกคนต่างเร่งรีบตอบรับ พวกเขากำลังตื่นเต้นยินดี ตอนนี้จึงเตรียมความพร้อมเพื่อเริ่มการทำงาน อย่างไรมีงานทำก็ดีกว่าไม่มี ถ้าเป็นโรงงานแต่ไม่มีงานให้ทำ พวกเขาก็คงไม่มีที่อยู่ให้ทำงานกันอีกแล้ว
“อาจารย์หลี่ ขอเชิญสักครู่ครับ” อู๋ฝานเรียกอาจารย์หลี่มาพูดคุย
“เถ้าแก่ มีเรื่องอะไรเหรอครับ” อาจารย์หลี่ถามอู๋ฝานด้วยท่าทีสุภาพ
“อาจารย์หลี่ โรงงานแห่งนี้จะเริ่มเดินสายการผลิตอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่ผมจะไม่สานต่อการผลิตไวน์แบบเดิมนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นจะผลิตอะไรครับ? เถ้าแก่มีสูตรการทำใหม่เหรอ?” อาจารย์หลี่เอ่ยถาม
สูตรการทำไวน์ขาวไม่ใช่อะไรที่วิเศษเลิศล้ำ ถ้าเป็นครอบครัวที่พอมีความรู้ก็สามารถหมักบ่มในครัวเรือนได้ด้วยซ้ำไป ดังนั้นการที่อู๋ฝานบอกว่ามีสูตรในครอบครองจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด