ตอนที่ 427 เป็นฝีมือสือเจินอีกแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 427 เป็นฝีมือสือเจินอีกแล้ว

อำเภอหลิงและเมืองหลีอยู่ไม่ไกลกัน ปลาเฉินเจียงของท้องถิ่นเองก็ยอดเยี่ยม กว่าจะได้มาสักครั้ง ย่อมต้องลิ้มรสดูสักหน่อย

ส่วนวัดหนี่ว์วาจะสำคัญไปกว่าการเติมท้องให้อิ่มได้อย่างไร

ไม่มีทางอยู่แล้ว

พวกเขากินปลากันอย่างมีความสุข เพียงแต่ยังไม่ทันกินหมดก็ต้องหยุดชะงัก

“ท่านอาจารย์ ท่านดูนั่น” เถิงเจาชี้ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ชั้นล่าง พลางขมวดคิ้ว พวกนั้นไม่ใช่กลุ่มคนที่กำลังจะตายเมื่อวันก่อนหรือ

ฉินหลิวซีมองตามสายตาของเขา เมื่อเห็นชายร่างผอมสวมเสื้อคลุมสีม่วงทองทาแป้งหนาๆ ผู้นั้นแล้วนางก็หรี่ตาลง

“อะไรกันหรือ” เฟิงซิวยื่นหน้ามองลงไป เมื่อมองเห็นพวกเสเพลเกรพวกนั้นแล้ว ก็ส่งเสียงจิ๊ปากออกมาด้วยความรังเกียจ “พวกขี้เหร่นี่มีอะไรน่ามองกัน หากจะมองบุรุษ มองข้าก็ได้”

ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขาทันที “ท่านมองคนที่สวมชุดม่วงนั่นสิ มองออกหรือไม่”

เฟิงซิวไม่อยากจะมองสักนิด ของขี้เหร่พรรค์นั้น ให้มองนานๆ ก็ระคายตา อะไรกัน

ทว่าเมื่อฉิวหลิวซีเอ่ยเช่นนั้น ย่อมแปลว่าพบอะไรบางอย่าง ไม่แน่นางอาจจะกำลังทดสอบเขาอยู่ก็ได้

เฟิงซิวตั้งใจมอง หากมองให้ดีก็จะเห็นว่าดวงตาของเขามีแสงสีแดงเพลิงวาบผ่าน เขาเปิดดวงตาปีศาจแล้ว

พอมองไป เขาก็เห็นสิ่งผิดปกติ “พวกอายุสั้นนี่ทำไมยังมีชีวิตอยู่อีก? โหงวเฮ้งเขาก็อายุสั้น ร่างกายเขาก็ถูกล้วงจนกลวงไปหมดแล้ว อยู่ตั้งไกลขนาดนี้ ข้ายังได้กลิ่นอายแห่งความตายเลย เขาต้องตายไปนานแล้วสิถึงจะถูก”

เถิงเจา “…”

ปีศาจเฒ่าปากคอเราะรายยิ่งกว่าอาจารย์อีก

ฉินหลิวซีเยาะ “มีคนต่ออายุให้เขา”

คนตรงหน้ามิใช่ใคร แต่เป็นหม่าเซี่ยวเว่ยบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านนายอำเภอหม่าที่ฉินหลิวซีเคยปฏิเสธการรักษาไปก่อนหน้านี้

หม่าเซี่ยวเว่ยถูกผีสาวหลายตนและผีทารกตนหนึ่งตามรังควาน เขาจะต้องตายไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงจะถูกต้อง แต่ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้เป็นอะไรเลย ส่วนข้างกายเขาก็สะอาดสะอ้าน ไม่เห็นมีวิญญาณแค้นตนไหนอีก

และบนร่างของหม่าเซี่ยวเว่ยยังมีปราณที่เป็นของคนอื่น มีคนเอาชีวิตของคนอื่นมาต่ออายุเขา

วิญญาณแค้นหายไป และเขาก็ได้ยืดอายุขัย แย่แล้ว วิญญาณแค้นพวกนั้นอาจถูกกักขังไว้

“คนบาปเช่นนี้ยังมีคนต่ออายุให้เขาอีก ใครมันคิดไม่ได้เพียงนั้น ไม่กลัวว่าจะถูกฟ้าผ่าเอาบ้างหรือ” เฟิงซิวส่ายหน้า ตราบใดที่ยึดมั่นในความยุติธรรม จะไม่มีทางทำลายกฎแห่งกรรมอย่างนี้ หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะต้องรับผลสะท้อนอย่างแน่นอน

ฉินหลิวซีเอ่ย “ตราบใดที่รางวัลตอบแทนมากพอ ย่อมมีคนไม่กลัวตายอยู่เสมอ”

นางเคาะโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ย “อำเภอหลิงนี่น่าสนใจนะ มีวัดหนี่ว์วานั่น แล้วยังมีคนที่สามารถต่ออายุให้สวะเช่นนี้ได้ด้วย เก่งกล้าสามารถจริงๆ”

“เลวไม่เปลี่ยนเลย” เถิงเจามองกลุ่มของหม่าเซี่ยวเว่ยที่กำลังหยอกล้อนางคณิกาด้วยสายตารังเกียจ

ฉินหลิวซีเคาะโต๊ะ ก่อนจะหันไปดุเฟิงซิว “รีบไปยุ่งเรื่องชาวบ้านสิ”

เฟิงซิว “ไม่ได้สิ ปลานี้ถ้าไม่รีบกินอีกจะเย็นแล้วนะ…ได้ๆๆ ข้าทำให้บรรพชนอย่างท่านไม่พอใจไม่ได้จริงๆ”

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วโยนลงไปที่หม่าเซี่ยวเว่ยทันที

ตะเกียบไม่ได้หนักอะไร เฟิงซิวแค่ขว้างลงไปส่งๆ เท่านั้น แต่ตะเกียบนั้นกลับเหมือนมีความคิดของมันเอง ตกลงบนปลายจมูกของหม่าเซี่ยวเว่ยเข้าอย่างจัง จนทำให้เขาสะดุ้งโหยง

“โอ๊ะ ตะเกียบของข้า” เฟิงซิวแสร้งพุ่งตัวไปที่ราวบันได แถมยังยื่นมือออกไปทำท่าเหมือนจะคว้าตะเกียบไว้ด้วย

เสียงอุทานปลอมๆ ของเขาทำให้ขนของเถิงเจาลุกซู่

ฉินหลิวซีจับขาของตนเองไว้ พยายามอดกลั้นให้ตัวเองไม่เตะเขาลงไป

ส่วนคนกลุ่มนั้นที่อยู่ชั้นล่าง หม่าเซี่ยวเว่ยได้ยินเสียงนั้นแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาหดเล็กลงทันที

คนงามที่อยู่ชั้นบนนั่นสวมชุดสีแดงเพลิงทั้งตัว ผมดำหล่นลงมาปอยหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับปีศาจ ดวงตาแคบยาวนั้นดึงดูดจับใจคนยามมองดูผู้คน

“งาม งดงามมาก” ลิ่วล้อที่ติดตามด้านหลังหม่าเซี่ยวเว่ยน้ำลายไหลลงจากมุมปาก

หัวใจของหม่าเซี่ยวเว่ยเต้นรัวเร็ว เขาเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่รู้ตัว

ขอถามหน่อยเถิดว่า ใครจะต้านทานเสน่ห์ของจิ้งจอกได้?

เฟิงซิวยิ้มเยาะ เขาจงใจมองหม่าเซี่ยวเว่ยราวกับจงใจ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้รออย่างสงบ

ฉินหลิวซีมองเขาเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง “ไม่เลว พลังปีศาจล่อลวงคนลึกล้ำมาก ตายเรียบทั้งบุรุษสตรี!”

“ดูพูดเข้าสิ ท่านยังเป็นคนอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะยอมเสียสละรูปร่างหน้าตาของข้าหรือ” เฟิงซิวขึงตาใส่นาง สองมือวางลงบนหน้าอกตนเอง “ข้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่นะ”

เถิงเจารู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที ปีศาจใหญ่เป็นเช่นนี้กันหมดเลยหรือ

“เอาเถิด หยุดเล่นละครเถิด เขามาแล้ว” ฉินหลิวซีมองไปทางบันได

หม่าเซี่ยวเว่ยเดินเข้ามาพร้อมกับลิ่วล้อของเขาอย่างที่คาดไว้ สายตาคู่นั้นติดตรึงอยู่ที่เฟิงซิวด้วยความหลงใหล

“คนงาม…”

เฟิงซิวมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาคู่นั้น เกือบจะสำรอกปลาออกมาแล้ว เขาเลิกเสแสร้ง ก่อนจะกะพริบตา แล้วก็มีแสงแปลกๆ วาบขึ้น “งามกับมารดาเจ้าสิ อย่ามาพูดอะไรให้ข้าขยะแขยง ถามอะไรเจ้าก็ตอบมา”

ทันใดนั้นหม่าเซี่ยวเว่ยก็ตะลึงงั้นไปเล็กน้อย และพยักหน้า

ฉินหลิวซีหันหน้าและถามเข้าประเด็นทันที “ใครต่ออายุให้เจ้า”

หม่าเซี่ยวเว่ยหันกลับมาด้วยสายตาว่างเปล่า “ผู้วิเศษสือเจิน”

สีหน้าของฉินหลิวเย็นเยียบขึ้นมาทันที

บังเอิญอย่างนั้นเชียว เป็นฝีมือของผู้วิเศษสือเจินผู้นั้นอีกแล้ว?

“นางเป็นคนปราบวิญญาณแค้นที่อยู่ข้างกายให้เจ้าหรือ”

หม่าเซี่ยวเว่ยดูหวาดกลัวเล็กน้อยราวกับว่าเขาตกใจอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ผ่อนคลายและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ท่านปรมาจารย์ร้ายกาจมาก จับพวกนางทั้งหมด แล้วทุบตีจนวิญญาณแตกสลาย เหอะๆ สมน้ำหน้า ใครใช้ให้พวกนางกล้ามารังควานข้าเล่า”

เฟิงซิวรู้สึกรังเกียจ “ตบปากตัวเอง แรงๆ หน่อย”

เพียะๆๆ

หม่าเซี่ยวเว่ยโบกมือตบตัวเองทันที หลังจากตบไปหลายที เขาก็มองดูมือที่ไม่สามารถควบคุมได้ของตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

“หยุด”

หม่าเซี่ยวเว่ยหน้าบวม เขาผงะถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วมองพวกเขาด้วยสายตาหวาดกลัว “พวกท่าน?”

“ขอถามอีกครั้ง สือเจินนั่นต้องการรางวัลอะไรตอบแทนที่ต่ออายุให้เจ้า” ฉินหลิวซีถาม

เดิมทีหม่าเซี่ยวเว่ยไม่อยากเอ่ย แต่ปากของเขากลับเอ่ยออกมาแต่โดยดี “ทองคำหนึ่งพันตำลึงและเด็กหญิงพรหมจารีที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบเก้าคน”

ปัง

ฉินหลิวซีตบโต๊ะอย่างแรง

เฟิงซิวเองก็มีสีหน้าเข้มขึ้น “พวกเจ้าไปเอาเด็กผู้หญิงพวกนั้นมาได้อย่างไร”

“ครอบครัวชาวนามีเด็กผู้หญิงที่ไม่มีค่าถมไป แค่ให้เงินไม่กี่ตำลึง ก็เอาคนมาให้แล้ว บางคนไม่ยินยอม ก็บอกว่าส่งไปเป็นเซียนรับใช้ของเจ้าแม่ประทานบุตร ต่างก็ยินดีกันหมด” หม่าเซี่ยวเว่ยปิดปากตน ตัวสั่นอย่างรุนแรง

“ไปให้พ้น!”

หม่าเซี่ยวเว่ยพาลิ่วล้อของเขาออกไปทันที เมื่อคนทั้งกลุ่มออกจากร้านอาหารไปแล้ว พอสติแจ่มชัดก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาทำอะไรลงไป

“คุณชายหม่า หน้าท่านเป็นอะไร”

หม่าเซี่ยวเว่ยกุมใบหน้าที่บวมแดงของเขา ดวงตาเขาพลันเบิกกว้าง แย่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเอาเรื่องปรมาจารย์สือเจินไปบอกคนอื่น

หม่าเซี่ยวเว่ยรีบกลับบ้านทันที

“ท่านอาจารย์ จะปล่อยเขาไปอย่างนี้หรือ” เถิงเจาแปลกใจเล็กน้อยที่ฉินหลิวซีปล่อยหม่าเซี่ยวเว่ยไป

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเย็นชา “จะทำลายวิชาต่ออายุบนตัวเขาไม่ได้ หากมันถูกทำลาย สือเจินผู้นั้นจะต้องรู้ตัวและตอบโต้ วางใจเถิด พอสือเจินจบสิ้น วิชาบนตัวของหม่าเซี่ยวเว่ยก็จะจบสิ้นไปด้วย ถึงตอนนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ก็ปล่อยให้เขาหายใจต่อไปอีกหน่อย เราไปวัดหนี่ว์วากันเถิด”