ตอนที่ 597 หญิงสามคนอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวายยิ่งนัก ตอนที่ 598 รบเร้าให้แต่งงาน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 597 หญิงสามคนอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวายยิ่งนัก / ตอนที่ 598 รบเร้าให้แต่งงาน
ตอนที่ 597 หญิงสามคนอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวายยิ่งนัก

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้ว่าคนที่เล่าเรียนหนังสือก็ลำบากไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นไม่มีความรู้สึกไม่ชอบซ่งสวินแต่อย่างใด

เพียงแต่ ปัจจุบันบ้านรองพัฒนาแล้ว ก่อนหน้าซ่งอิงซื้อที่ดินหมู่บ้านไร่สวนแห่งหนึ่ง มีคนขายที่ดินสี่ห้าผืนในหมู่บ้านนี้พอดี ที่ดินเหล่านั้นล้วนถูกทางด้านบ้านรองรับซื้อเอาไปแล้ว

ไม่ถึงขั้นเป็นที่นาอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ถือว่าแย่เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นที่ดินดอนผสมแหล่งน้ำอันเหมาะแก่การทำนาข้าว รวมๆ แล้วสามสิบหมู่เห็นจะได้!

แม้ซ่งจินซานกล่าวว่า เกรงว่าภายหลังจากนี้จะหาซื้อที่นาไม่ได้ จึงยืมเงินจากภายนอกมาจำนวนไม่น้อยจึงซื้อที่ดินนี้เอาไว้ได้ แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด รายรับแต่ละเดือนก็ไม่ใช่น้อยๆ และซ่งจินซานก็ไม่กล้ายืมเงินเรื่อยเปื่อยด้วยเช่นกันนี่!

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถอนหายใจ

คนเราพอเกิดการเปรียบเทียบกัน ก็เป็นอะไรที่สร้างความหงุดหงิดใจได้ดีจริงๆ

ส่วนซ่งสวิน หลังได้ยินถ้อยคำที่ป้าสะใภ้ใหญ่พูดเมื่อครู่ ตามจริงเขาก็รู้สึกได้รับความเอ็นดูจนประหลาดใจเล็กน้อย

แต่ไหนแต่ไรมาป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ชอบมารดาเขาและเขา ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้จะเอ่ยถ้อยคำลักษณะอย่างการให้กำลังใจกันขึ้นมาได้!

“ป้าสะใภ้ใหญ่วางใจได้ขอรับ ข้าอายุยังน้อย จะขยันขันแข็งเพื่อเตรียมตัวสอบแน่นอน จะไม่ทำตัวหย่อนยานโดยเด็ดขาดขอรับ” ซ่งสวินกล่าว

“ใช้ได้ เจ้ารู้จักประมาณตนอยู่ในใจก็พอ เพียงแต่ว่าอย่าลืมบรรดาน้องชายที่อยู่ถัดจากเจ้าด้วยเช่นกัน ปัจจุบันลูกเสี่ยนเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงไปแล้ว เจ้าก็คือพี่ใหญ่คนโตในครอบครัว จะอย่างไรก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้น้องๆ ไว้ภายภาคหน้าไม่ยุ่งมากมายแล้วก็ชี้นำสั่งสอนบรรดาน้องชายเจ้าอย่างละเอียดสักหน่อยนะ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“แน่นอนขอรับ หนังสือที่ข้าอ่านก่อนหน้านี้ล้วนเก็บเอาไว้แล้วทั้งสิ้น รู้เช่นกันว่าตอนนี้น้องห้าและน้องหกขยันขันแข็งกับการเล่าเรียน ไว้อีกสามสี่เดือนหลังข้าสอบเสร็จแล้วก็จะนำพวกหนังสือที่อ่านแล้วมาส่งให้เลยทีเดียว” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อซ่งสวินเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา เหยาซื่อก็ไม่หลงเหลือความไม่พอใจแล้วสักนิดเช่นกัน

แม้ว่าหร่วนซื่อมักทำให้นางรู้สึกโมโหอยู่เรื่อย แต่บุตรชายผู้นี้ของหร่วนซื่อก็ได้รับการสั่งสอนอย่างดีงามจริงๆ

พูดจาอ่อนน้อมและไม่เจ้าอารมณ์ใส่ผู้อื่น เป็นเด็กที่ชวนให้ผู้คนชื่นชอบจริงๆ

“เรียนหนังสือก็ส่วนเรียนหนังสือ ณ ตอนนี้ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญยิ่งอีกด้วย” เหล่าซื่อเอ่ยปากกล่าวขึ้นมากะทันหัน

ครั้นสิ้นเสียงถ้อยคำนี้ เจียวซื่อที่แอบฟังอยู่ข้างๆ ก็เริ่มเขยิบเข้ามาทันที “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน การเรียนหนังสือหรือจะสำคัญไปกว่าเรื่องการมีผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล หลานสวิน เจ้าอายุตั้งสิบแปดปีแล้วกระมัง สมควรแต่งงานได้แล้วละ!”

“…” ซ่งสวินเบิกตากว้างทันที

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถลึงตาใส่เจียวซื่อแวบหนึ่ง “ทางด้านครอบครัวมารดาข้า…”

“โอ๊ย พี่สะใภ้ใหญ่ ตระกูลเหยาพวกท่านแต่งเข้ามาตั้งสองคนแล้ว ขืนแต่งเข้ามาอีกคนนี่จะไหวหรือ คนที่เขาไม่รู้คงได้นึกว่าลูกสาวของตระกูลเหยาพวกท่านเหมาคนตระกูลซ่งเรากันพอดี!” เจียวซื่อรีบกล่าวทันควัน

เหยาซื่อสะใภ้สามได้ยินก็ไม่พอใจทันที “พี่สะใภ้สามพูดก็พูดไปสิ จะดึงข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยทำไม ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่เป็นวงศ์ตระกูลเดียวกันก็จริง แต่ก็มิใช่คนในครอบครัวเดียวกันสักหน่อย!”

เจียวซื่อส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

ตอนนี้ครอบครัวน้องสี่มีเงินเหลือเฟือแล้วเช่นกัน นางไม่อาจสร้างความบาดหมางกันขึ้นมาได้เชียว!

“หลานสาวฝั่งครอบครัวมารดาข้าก็ดีไม่น้อย มีท่านพ่อข้าคอยสั่งสอนดูแลจนเติบใหญ่ รู้หนังสือรู้จักเหตุและผล พูดคุยกับหลานสวินได้ ดูถูกตระกูลเหยาข้าแล้วตระกูลเจียวของเจ้าใช้ได้หรือ! อย่างหลานสาวสามสี่คนทางด้านตระกูลมารดาเจ้า แต่ละคนดำคล้ำราวกับถ่านฟืนก็ไม่ปาน หากยืนคู่กับหลานสวิน ใครเป็นหญิงใครเป็นชายจะแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถูกเจียวซื่อเหน็บแนมจึงตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์

เจียวซื่อถูกทำให้รู้สึกอับอายขายหน้า ในใจคุกรุ่นไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าก็รู้ว่าเจ้าชอบดูถูกตระกูลเจียวข้า!”

“ทำไมล่ะ มีแค่ตระกูลเหยาของพวกเจ้าที่เก่งกาจนักหนาแค่นั้นหรือ! เมื่อก่อนก็ไม่ได้ดีไปกว่าตระกูลเดิมข้าสักเท่าไรนี่! ก็แค่มีผู้เฒ่าเกียรติคุณถงเซิงปรากฏขึ้นมาคนหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ ทั้งชีวิตท่านพ่อเจ้าก็ได้แค่นั้นแล้ว แต่เจ้าดูหลานสวินสิ เขาเพิ่งอายุเท่าไรเอง ภายภาคหน้าจะต้องเป็นจวี่เหรินเหล่าเหยียแน่นอน ตระกูลพวกเจ้ามีความสามารถแค่นั้นก็ถือว่าเป็นผู้มากวิชาความรู้แล้วหรือ!” เจียวซื่อกล่าวขึ้นทันที

นางรู้สึกมาโดยตลอดว่าทางด้านครอบครัวเดิมเป็นเหมือนตัวถ่วง ไม่เคยเป็นหน้าเป็นตาให้นางได้เลย นางจึงนึกตําหนิอยู่ในใจ

แต่จะตำหนิสักเพียงใด นั่นก็เป็นตระกูลเดิมของนาง แล้วจะยอมให้พี่น้องสะใภ้มากระแนะกระแหนได้เสียที่ไหนกันเล่า

หญิงสามคนอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวายยิ่งนัก ตอนนี้ก็มีปากเสียงกันขึ้นมาเสียแล้ว

ซ่งสวินรีบก้าวถอยหลัง มองดูสถานการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาวุ่นวายสับสน…

ตอนที่ 598 รบเร้าให้แต่งงาน

ที่ผ่านๆ มา ซ่งสวินไม่เคยคิดเรื่องสร้างครอบครัวเลยเช่นกัน แต่ ณ ตอนนี้ เขารู้สึกว่าจะสู่ขอภรรยาลักษณะเช่นไรก็ได้ ยกเว้นแต่หญิงที่ช่างเอะอะโวยวายและมีจิตใจที่ขี้อิจฉาริษยา

ดูอย่างป้าสะใภ้ใหญ่และอาสะใภ้สามที่อยู่ตรงหน้านี้สิ สถานการณ์นี้ชวนให้ตระหนกตกใจกลัวเล็กน้อยจริงๆ

“พวกท่านโต้เถียงอันใดกันอยู่หรือ” ซ่งอิงเดินเข้ามาถาม

ครั้นเสียงของนางดังขึ้น สถานการณ์ตรงหน้าก็พลันเงียบลง

หลังจากเงียบลง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกขายหน้า จึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “ไม่มีอันใด ก็แค่คิดกันว่าหลานสวินโตแล้ว สมควรแต่งภรรยาได้แล้ว”

“ใช่ๆๆ ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” เจียวซื่อกล่าวขึ้นทันควัน

ซ่งสวินถอนหายใจและมองซ่งอิงแวบหนึ่ง

ประหลาดมาก ช่วงเวลาที่เขาเล่าเรียนอยู่ในตัวอำเภอ สรุปแล้วทางบ้านเกิดเรื่องราวมากน้อยเพียงใดกันแน่ จึงทำให้ทั้งสองคนที่ไม่ใช่ย่อย ครั้นเห็นน้องสาวก็เหมือนหนูเห็นแมวไปเสียได้!

ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่มีเกียรติคุณทางราชการแล้ว ทั้งสองท่านนี้ล้วนยังคงไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด แต่กลับ…เกรงอกเกรงใจน้องสาวถึงเพียงนี้

“เรื่องการแต่งงานให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าเป็นผู้เดือดเนื้อร้อนใจก็พอ พวกท่านจะร้อนใจอะไรกันเจ้าคะ ไว้ท่านแม่ข้าเห็นผู้ใดเหมาะสมแล้ว ถึงตอนนั้นก็คงบอกพวกท่านเองกระมัง” ซ่งอิงกล่าวยิ้มๆ

ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมานี้ ทั้งสองคนล้วนเข้าใจได้ ก็คือการบอกพวกนางว่าเรื่องนี้ให้พวกนางทั้งสองยุ่งวุ่นวายน้อยๆ หน่อย“เอ้อร์ยา เช่นนั้นข้าก็ไม่ดื้อดึงแนะนำหลานสาวผู้นั้นของข้าให้แล้วละ อย่างไรเสียเด็กๆ ของตระกูลเหยาก็มิใช่ว่าจะไม่มีคนมาสู่ขอเช่นกัน” เหยาซื่อเอ่ยอย่างสั้นง่ายได้ใจความ ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เพียงแต่พ่อแม่เจ้าจะได้เรื่องหรือ ท่านพ่อเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่หัวช้าตามคนอื่นไม่ทัน เป็นคนซื่อๆ พูดจาไม่เก่ง จะหาคนอย่างไรให้พี่ชายเจ้าได้ แล้วก็แม่เจ้า ว่ากล่าวไม่กี่ประโยคก็ร้องห่มร้องไห้ ลูกสะใภ้ครอบครัวไหนจะกล้าคบหาสมาคมกับแม่สามีเช่นนี้หรือ”

“ปัจจุบันท่านพ่อท่านแม่เข้มแข็งกว่าเมื่อก่อนมากแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว “พวกท่านก็อย่าได้ดูถูกพวกเขาเกินไปเช่นกัน”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่นิ่งอึ้งไป

จะว่าไปก็ใช่ เปิดร้านค้ามาตั้งนานเพียงนี้แล้ว มีหรือจะไม่เคยพบเคยเจอปัญหาพิลึกพิลั่นอะไรพวกนั้นบ้างเลย ย่อมต้องมีการพัฒนาบ้างแล้วเป็นแน่

แต่พูดถึงเรื่องว่าพวกเขาจะหาคู่ครองดีๆ ให้หลานสวินได้ นางยังคงไม่เชื่ออยู่ดี

“ตอนนี้ข้า…ยังไม่ได้อยากจะแต่งงานเช่นกัน รออีกหน่อยก็ไม่มีปัญหาขอรับ” ซ่งสวินซึ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยพูดเสียงอ่อน

หญิงในครอบครัวล้วนน่ากลัวเกินไป เขาไม่กล้ามีเรื่องด้วยจริงๆ

“นี่ก็อายุสิบแปดเข้าไปแล้ว เจ้ายังไม่อยากแต่งงานอีกหรือ! ลูกของน้องสาวเจ้าก็เติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ทึ่ง

“…” ซ่งอิง

นั่นไม่ใช่เด็กที่นางให้กำเนิดเสียหน่อย ย่อมอายุไม่น้อยแล้วเป็นธรรมดา…

“เมื่อก่อนข้าเคยพูดคุยกับท่านแม่ข้าไว้แล้วเช่นกัน ตอนนี้จึงขอยึดเรื่องการเรียนเป็นสำคัญขอรับ” ซ่งสวินกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เป้าหมายของเขา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเป็นเพียงแค่เกียรติคุณซิ่วฉายเท่านั้น อย่างแย่สุดก็ต้องคว้าเกียรติคุณจวี่เหรินมาให้จงได้ ขอเพียงได้เกียรติคุณจวี่เหรินแล้วก็จะมีสิทธิ์ในการเป็นขุนนาง แม้ว่าความเป็นไปได้ในการเป็นขุนนางไม่มากนัก แต่ก็นับว่ามียศถาบรรดาศักดิ์มากพอตัว ก็คงจะปกป้องคนในครอบครัวได้บ้างเช่นกัน

เขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าหากสอบได้ก่อนอายุยี่สิบห้านั่นจะเป็นการดีที่สุด หากถึงตอนนั้นแล้วยังสอบไม่ได้ก็ค่อยพิจารณาถึงเรื่องแต่งงาน

นอกจากนั้น…

เขาไม่รู้เช่นกันว่าตัวเองมีศักยภาพมากน้อยเท่าไร

พูดในระดับที่เห็นแก่ตัวหน่อย หากเขาสอบจวี่เหรินได้จริงและไปถึงขั้นจิ้นซื่อ[1] ฐานะตระกูลพ่อตาในอนาคตจะต้องไม่แย่เกินไปเป็นแน่ นับแต่สมัยโบราณเรื่อยมา ท่ามกลางตระกูลผู้สูงศักดิ์ก็มีหญิงที่ถูกตาต้องใจบุรุษจากความสามารถและคุณธรรมจึงยอมแต่งงานด้วย หากเขามีโชควาสนา…

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซ่งสวินก็เยาะหยันตัวเองในใจยกใหญ่

น้องลู่เสียนมักชมเชยเขาว่าดูสง่าและมีความใสซื่อจริงใจมาก แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ใช่บุรุษที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนั้นแต่อย่างใด

เขาเล่าเรียนแสวงหาความก้าวหน้า ซึ่งนั่นก็เพื่อชื่อเสียงและอำนาจอิทธิพล

ด้านซ่งอิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย

พี่ชายนางสมองไม่ทำตามคำสั่งเอาเสียเลย

กระทั่งเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเจียวซื่อแยกย้ายไปกันแล้ว ซ่งอิงจึงมองซ่งสวินด้วยแววตาจริงจังแล้วกล่าว “ท่านพี่ มิใช่ว่าท่านถูกตาต้องใจบุตรสาวในตระกูลลู่เข้าแล้วกระมัง ท่านกับลู่ข่ายคบหาสมาคมกันคงมิใช่เพราะมีความตั้งใจอื่นแฝงอยู่ด้วยกระมัง”

[1] จิ้นซื่อ (进士) บัณฑิตชั้นสูง