บทที่ 315 ท้อง

บทที่ 315 ท้อง

“คุณรู้ได้ยังไง?”

อวิ๋นจิ้งหว่านเงยหน้าขาวซีดของเธอขึ้น “ที่แท้ L ก็คือคุณ”

“คุณคิดจะทำอะไร?”

ลู่เฉินมองเธออย่างสบาย ๆ “ในใจคุณก็รู้ดี”

“อวิ๋นจิ้งหว่าน เด็กที่ยังไม่เกิดมาไม่ถือว่าเป็นคน หุ้นที่ตระกูลฮัวโอนให้ลูกของคุณยังไม่มีผลทางกฎหมาย สัญญาฉบับนี้จึงเป็นโมฆะ”

“อีกอย่าง คุณโอนหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดมาก มีเจตนาที่จะก่อกวนตลาดหุ้น ถ้าจะฟ้องขึ้นมาจริง ๆ เงิน 15,000 ล้านที่พ่อกับแม่ของคุณต้องรับผิดชอบมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

อวิ๋นจิ้งหว่านไม่เข้าใจเรื่องนี้งั้นเหรอ?

แน่นอนว่าเธอเข้าใจดีมากกว่าใคร ๆ ว่าเงินจำนวนนี้มีความเสี่ยงทางกฎหมาย ดังนั้นจึงได้มอบเงินส่วนนี้ส่งให้เพื่อนนำไปฟอกเงิน ให้ตำรวจไม่สามารถหาเงินพบ

แต่กลับถูกลู่เฉินขัดขวางเอาไว้

อวิ๋นจิ้งหว่านงอตัวเล็กน้อย “ประธานลู่ พ่อกับแม่ของฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”

ซูโย่วอี๋ยิ้ม “คุณเคยปล่อยหยินหยินไปบ้างไหมล่ะ เธอเองก็เป็นแค่ผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ?”

ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง

ซูโย่วอี๋เดินออกไปด้านนอกประตู พอเดินมาถึงหน้าประตูก็หยุดลง “คุณคิดเสมอว่าหยินหยินเป็นคนทำลายชีวิตคุณ แต่สาเหตุจริง ๆ ก็คือคุณคิดว่าถ้าไม่มีหยินหยินแล้วฮัวจิงจะรักคุณ”

“เรื่องจริงมันเป็นอย่างงั้นเหรอ?”

“ตื่นเสียทีเถอะ ฮัวจิงไม่เคยรักคุณเลยตั้งแต่แรก ความรักที่สวยงามของคุณกำลังทำลายตัวคุณเอง คุณมันก็เหมือนรังไหมที่เอาแต่ห่อหุ้มตัวเองเอาไว้”

“ที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะคุณทำร้ายตัวคุณเอง ไม่ได้เกี่ยวกับใครคนอื่นเลย”

เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ ซูโย่วอี๋รู้สึกหนาวนิดหน่อย ลู่เฉินจึงถอดเสื้อโคตออกและคลุมเธอเอาไว้ “คุณจะใจอ่อนไหม?”

“ไม่มีทาง”

ขนตาของเธอตกลงมาบดบังความเยือกเย็นในดวงตา “เงินพวกนั้นมอบให้ตำรวจ จะต้องจัดการยังไงก็ให้จัดการไป”

“ฉันไม่ใช่พระโพธิสัตว์นะ”

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษสองสามีภรรยาอวิ๋นที่มีลูกสาวเช่นนี้

วันต่อมามีการจัดงานแถลงข่าวที่สถานีตำรวจตามกำหนดการ

เนื่องจากการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่ซูหยินถูกลักพาตัวถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางราวกับว่าทุกคนในประเทศต่างก็รู้เรื่องนี้

เมื่อมีการจัดงานแถลงข่าวขึ้น ถนนต่างว่างเปล่า ทุกบ้านต่างเฝ้าดูกันอยู่ที่หน้าโทรทัศน์

ซูโย่วอี๋ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดแล้วอวิ๋นจิ้งหว่านจะยินยอมออกมาขอโทษต่อหน้ากล้องหรือไม่ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาใด ๆ กับซูหยิน เธอจึงไปที่ห้องโถงของโรงพยาบาล

ในนี้มีคุณหมอ พยาบาล และคนไข้จำนวนมาก

ต่อให้มีข้อตกลงในการรักษาความลับ ข่าวที่ว่าซูหยินรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะเหล่าพนักงานได้พูดกันปากต่อปากไปแล้ว

เมื่อเห็นเธอมา ทุกคนเงียบลง

ในโทรทัศน์ ใบหน้าของเจ้าหน้าที่เหลียงจริงจังมาก คำพูดของเขาเสียงดังฟังชัด

“ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวซูหยิน อวิ๋นจิ้งหว่านถูกจับกุมแล้ว หลังจากที่อวิ๋นจิ้งหว่านจ้างวานคนอื่นไปหลอกล่อเหยื่อ เธอก็นำตัวเหยื่อไปไว้ที่ห้องใต้ดินภายในบ้านตระกูลฮัว ขณะที่ถูกกักขัง เหยื่อถูกทำร้ายทางวาจา ถูกทุบตี และถูกฉีดสารเสพติด ทำให้เหยื่อได้รับความทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง ข้อเท็จจริงของอาชญากรรมที่อวิ๋นจิ้งหว่านก่อนั้นชัดเจนมาก เธอยอมรับสารภาพในทุกความผิดที่ก่อขึ้น ศาลประชาชนชั้นสูงสุดของปักกิ่งจะดำเนินการพิจารณาคดีนี้ในวันพุธหน้า”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดไปว่างานแถลงข่าวนี้กำลังจะจบลง อวิ๋นจิ้งหว่านที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้ากล้องพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย

รอยดำคล้ำรอบดวงตา หน้าขาวซีด ราวกับตุ๊กตาที่ได้สูญเสียความมีชีวิตชีวาไปแล้ว

“ซูหยินไม่ใช่เมียน้อย ฉันเองที่ดื้อรั้นคิดว่าเธอทำลายการแต่งงานของฉันกับฮัวจิง และนำความเจ็บปวดของตัวเองรวมกับความแค้นเพื่อเอาคืนเธอ”

“ฉันขอโทษ”

“ฉันละอายใจที่ถูกพ่อกับแม่เลี้ยงดูมาด้วยความรัก ในวัยที่มีอายุมากขึ้นกลับไม่สามารถดูแลพ่อกับแม่ให้มีความสุขได้ ฉันทำให้ตระกูลอวิ๋นต้องอับอาย ถือเสียว่าพวกคุณไม่มีลูกสาวแบบฉันแล้วกันนะคะ”

ปากของอวิ๋นจิ้งหว่านสั่นเล็กน้อย แสงแฟลชทำให้เธอแทบหลั่งน้ำตาออกมา

มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากในกลุ่มคนพวกนั้น “สารเลว”

พร้อมกับมีไข่เน่ามากมายที่ลอยเข้ามาและกระทบเข้ากับใบหน้าและร่างกายของอวิ๋นจิ้งหว่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างตื่นตกใจ

และรีบพาตัวอวิ๋นจิ้งหว่านกลับไป

งานแถลงข่าวจบลงเพียงเท่านี้

ซูโย่วอี๋แอบอยู่ที่มุมและกำลังคิดว่าจะกลับไปยังห้องพักคนไข้ แต่พอได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าคนไข้ เธอจึงได้หยุดฝีเท้าลง

“โหดร้ายจริง ๆ”

“คุณพูดถึงใคร?”

“คนที่ทำร้ายคนอื่นกับคนที่ถูกทำร้ายต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น คนที่ทำร้ายคนอื่นต้องเข้าคุก คนที่ถูกทำร้ายก็ไม่ได้ดีไปมากกว่ากันเลย”

คนฟังไม่เข้าใจ “คนที่ถูกทำร้ายมีความผิดด้วยเหรอ?”

“คุณไม่รู้งั้นเหรอ ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าผู้หญิงคนที่ถูกทำร้ายเป็นบ้าไปแล้ว แถมยังถูกคนทำมิดีมิร้ายด้วย ความบริสุทธิ์ก็ไม่มีเหลือ จะมีคนดี ๆ บ้านไหนต้องการเธออีกล่ะ?”

“อ่า น่าสงสารจริง ๆ”

“นั่นสิ ฉันว่านะ ผู้ชายคนไหนที่ยินยอมขอคนบ้าติดยาแต่งงาน วันเวลาในการใช้ชีวิตก็คงไม่ต้องมีแล้วแหละ”

“ผู้หญิงที่ถูกทำร้ายก็หน้าตาสวยอยู่นะ”

“ใคร ๆ สวยกันหมดนั่นแหละ ใครจะยอมน้อยหน้า”

ทีมงานไม่กล้ามองสีหน้าของซูโย่วอี๋ ทำได้เพียงรีบพาตัวคนไข้ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้นออกไป

ซูโย่วอี๋หายใจเข้าลึก ๆ และบอกกับตัวเองว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องโกรธ

คนพวกนี้ไม่มีความสำคัญอะไรเลย

แต่เธอที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ยังเจ็บปวดมากขนาดนี้ แล้วหยินหยินจะเผชิญหน้ากับมันยังไง?

เสียงฝีเท้าดังขึ้น ซูโย่วอี๋หันกลับไปมอง พยาบาลหอบหายใจเหนื่อย “แย่แล้วค่ะคุณซู ไม่รู้ว่าซูหยินไปเห็นภาพงานแถลงข่าวจากที่ไหน ตอนนี้เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พวกเราเองก็ควบคุมเธอไม่ไหวค่ะ”

ซูโย่วอี๋รีบก้าวขาวิ่งไปยังห้องพักคนไข้

เธอผลักประตูออก ข้าวของกระจายเต็มพื้น ซูหยินจับหัวของตัวเองและตะโกนออกมา “เธอจะฆ่าฉัน”

“พวกแกมันเป็นคนเลว ไสหัวไป”

“ผู้หญิงเลว ๆ ไปตายซะ”

ใบหน้าของพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ ดูไม่ค่อยดี เธอมองซูโย่วอี๋ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

ซูโย่วอี๋หยิบกล้วยขึ้นมาลูกหนึ่ง “หยินหยิน คุณดูสินี่ นี่อะไร?”

“มานี่ พวกเรามากินกล้วยด้วยกันดีไหม?”

ซูหยินร้องไห้อย่างหนักจนน้ำมูกเข้าปากไปโดยไม่รู้ตัว “โย่วอี๋”

“มีผู้หญิงเลวอยู่”

“ฉันกลัว”

“พวกเขาจะฆ่าฉัน”

ซูโย่วอี๋อ้ามือทั้งสองข้างออก “ให้ฉันกอดหน่อยได้ไหม? แค่กอดก็ไม่กลัวแล้ว”

เธอค่อย ๆ ก้าวออกมาใกล้ ๆ และรับตัวซูหยินเข้าไปไว้ในอ้อมแขน

ร่างกายที่สั่นเทาของซูหยินค่อย ๆ ผ่อนคลายลงจนเธอหยุดร้องไห้

พยาบาลต่างถอนหายใจออกมาและเก็บข้าวของที่พื้นให้สะอาดเหมือนเก่า

ซูโย่วอี๋เล่นเป็นเพื่อนกับซูหยินอยู่นานมาก จึงทำให้เธอลืมเรื่องราวที่พบเห็นก่อนหน้านี้ไปได้

ตอนที่กู่อวี๋เฉิงเข้ามาดูเธอ ซูหยินเรียกเขาขึ้นมาก่อน “กู่กู่”

“คุณเอาขนมมาให้ฉันหรือเปล่า?”

กู่อวี๋เฉิงยกถุงในมือของเขาขึ้น “มีแต่ของที่คุณชอบกินทั้งนั้นเลย”

“ว้าว” ซูหยินมีความสุขมาก

เธอรับถุงมาเปิดดู พอเจอของที่ชอบก็รีบหยิบขึ้นมาแบ่งกับซูโย่วอี๋

“ฉันชอบกู่กู่มาก ๆ เลย ชอบเป็นลำดับที่สอง”

“ผมเองก็ชอบคุณ”

กู่อวี๋เฉิงยกยิ้มเล็กน้อย

ตลอดทั้งวัน กู่อวี๋เฉิงเล่นเป็นเพื่อนกับซูหยินอย่างใจเย็น ตอนที่เธออาการกำเริบเขาก็เรียกหมอและพยาบาลเข้ามาอย่างคุ้นชินและไปห้องบำบัดพร้อมกับเธอ

ซูโย่วอี๋ไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรเลย

กู่อวี๋เฉิงเป็นผู้ชายที่ดีที่สามารถทำให้คนอื่น ๆ วางใจ เพียงแค่ไม่รู้ว่าการทำสิ่งต่าง ๆ ของเขาในตอนนี้มันมาจากใจของเขาจริง ๆ หรือทำลงไปเพราะหน้าที่

แต่ช่วงนี้เธอมีเรื่องให้คิดทบทวนมากมาย ความไว้วางใจต่อผู้คนก็ลดเหลือน้อยลงเช่นกัน

เธอพยายามป้องกันอันตรายซึ่งอาจทำร้ายซูหยินได้อีกครั้ง

เพียงแค่เธอไม่คิดว่าคนในตระกูลฮันจะมาดูซูหยินด้วย

ตอนที่ฮันเจ๋อเหยียนปรากฏตัวขึ้นในห้องพักคนไข้ ซูโย่วอี๋ไม่ได้มีปฏิกิริยาแสดงออกอะไรเลย “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”

“ประธานลู่บอกพี่มา”

“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะแบกรับอยู่คนเดียวได้ยังไง”

ฮันเจ๋อเหยียนลูบที่หัวของเธอราวกับว่าเธอเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง

เมื่อเห็นชายแปลกหน้า ซูหยินรู้สึกกลัวนิดหน่อยและมีน้ำเสียงประหม่า “โย่วอี๋ เขาเป็นใคร?”

“พี่ชายของฉัน ฮันเจ๋อเหยียน”

ซูหยินเอียงหัวของเธอ “เธอมีพี่ชายด้วยเหรอ แล้วฉันมีไหม?”

ใบหน้าเย็นชาของฮันเจ๋อเหยียนมีรอยยิ้ม เขาพยายามทำตัวเป็นมิตรให้ได้มากที่สุด

“มีสิ พี่เองก็เป็นพี่ชายของเธอนะ”

ซูหยินมองซูโย่วอี๋ด้วยความไม่แน่ใจ “แต่ฉันไม่รู้จักคุณ”

ฮันเจ๋อเหยียนหยิบตุ๊กตาขึ้นมาจากกระเป๋าทำงานของเขา “ของขวัญให้เธอ หวังว่าเธอจะชอบนะ”

ซูหยินนิ่งไปครู่หนึ่งและมุ่ยปาก “ฉันไม่ชอบหมาตัวสีขาว ฉันอยากได้ตัวสีเทา”

“งั้นครั้งหน้าพี่ชายคนนี้จะเอาตัวสีเทามาให้เธอเอง”

ซูหยินดูดีใจขึ้นมานิดหน่อยและเอาขนมที่กู่อวี๋เฉิงเอามาให้ยื่นให้เขากิน

ฮันเจ๋อเหยียนชื่นชมขึ้นมา “หยินหยินเก่งมากจริง ๆ”

ซูหยินแอบอยู่ด้านหลังของซูโย่วอี๋อย่างเขิน ๆ แต่ก็อยากเล่นกันฮันเจ๋อเหยียนมาก เธอเอาหัวออกมาจากหลังของซูโย่วอี๋เป็นครั้งคราว เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อดึงดูดความสนใจของฮันเจ๋อเหยียน

คุยกันสักพัก ซูโย่วอี๋ให้กู่อวี๋เฉิงดูแลซูหยินต่อ และตัวเองไปส่งฮันเจ๋อเหยียน

“ซูหยินเปลี่ยนไปมาก”

ซูโย่วอี๋เองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ปกติหยินหยินเป็นคนเปิดเผย แต่ตอนนี้กลายเป็นคนเชื่อฟังทุกสิ่ง

น่าจะเป็นเพราะในใจลึก ๆ ของหยินหยินยังรู้สึกถึงปมด้อยของตัวเองอยู่โดยหวังว่าคนอื่นจะชอบและยอมรับในตัวเธอ

เพียงแต่โลกของผู้ใหญ่ไม่สามารถยอมรับความใจดีและความไร้เดียงสามากเกินไปได้ คนเราจึงเหมือนมีหน้ากากของตัวเอง

“โย่วอี๋ พาซูหยินกลับบ้านตระกูลฮันเถอะ พ่อกับแม่จะดูแลเธออย่างลูกสาวแท้ ๆ เอง”

“นี่ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะบังคับให้เธอกลับไปยังตระกูลฮัน แต่นี่คือการตัดสินใจหลังจากที่พ่อกับแม่และพี่คิดทบทวนมาอย่างดีแล้ว”

“แม้ว่าเธอจะสามารถดูแลซูหยินได้ แต่เธอไม่สามารถใช้แค่มิตรภาพ เธอต้องการครอบครัว ต้องการเพื่อน และต้องการความรัก ตระกูลฮันสามารถทดแทนทุกสิ่งที่เธอขาดไปได้”

ซูโย่วอี๋เงยหน้ามองฮันเจ๋อเหยียนพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “พี่ชาย พี่เป็นคนช่างพูดจริง ๆ”

ทุก ๆ คำพูดมันเข้าไปถึงจิตใจของเธอจนเธอใจอ่อน

“อาการป่วยของหยินหยินอาจไม่ดีขึ้น”

แต่ขอแค่ระบบยังคงอยู่ อาการป่วยของหยินหยินก็มีทางหาย

“ช่วงเวลาจะยาวหรือสั้น ไม่มีใครรู้”

ซูโย่วอี๋เลี่ยงที่จะมองดวงตาอันกระตือรือร้นของฮันเจ๋อเหยียน “ฉันรู้ พี่ให้เวลาฉันคิดทบทวนหน่อยเถอะ”

อาการของซูหยินดีขึ้นเรื่อย ๆ อาการอยากยาที่เคยปรากฏสองครั้งต่อวันก็เริ่มกลายเป็นสามครั้งต่อสองวัน ผลการรักษานั้นดีมาก

ซูโย่วอี๋เชื่อมั่นมากว่าหยินหยินจะสามารถเลิกเสพยาได้ เช้ารุ่งขึ้น เธอจึงโทรศัพท์ไปหาลู่เฉิน “บางทีพวกเราอาจจะพาหยินหยินกลับไปกินข้าวมื้อค่ำวันปีใหม่ที่บ้านได้นะคะ”

ลู่เฉินเห็นด้วย “ผมจะให้คนรับใช้เตรียมของไว้ให้ พวกเราสามคนมามีความสุขด้วยกันในวันปีใหม่นะ”

ตอนบ่าย ผลการตรวจร่างกายครั้งล่าสุดของซูหยินออกมาแล้วและพบว่าเธอท้อง

ตอนที่ซูโย่วอี๋หยิบผลตรวจขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมา

ทำไมถึง…ท้องได้ล่ะ

เธอจำได้อย่างว่าซูหยินเคยพูดเอาไว้ว่ากู่อวี๋เฉิงเป็นพวกหัวโบราณ ก่อนการแต่งงานเขาไม่กล้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว

ท้องได้อย่างไรกัน?

พยาบาลช่วยพยุงตัวของเธอเอาไว้อย่างเห็นใจ “คุณซู คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

จะไม่เป็นไรได้อย่างไร!

ตอนนี้ซูโย่วอี๋โกรธเกลียดจนแทบทนไม่ไหวที่จะรีบไปหาอวิ๋นจิ้งหว่าน และเข้าไปบีบคอเธอเพื่อถามให้แน่ใจว่าเธอได้ให้คนข่มขืนซูหยินหรือเปล่า!