ตอนที่ 343 เจอลิฟต์ขัดข้อง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 343 เจอลิฟต์ขัดข้อง

พอออกจากบ้านครอบครัวฝาน มู่เถาเยาก็เรียกรถไปที่ถนนคนเดิน

เธอคิดไว้ว่าจะซื้อชุดชั้นในสักหน่อย แล้วก็คอเป็ด เท้าไก่ ขนม ของกินเล่นอื่นๆ เอาไปแช่ใส่ตู้เย็นไว้แล้วค่อยทยอยกิน

ซังชั่วกับครอบครัวฝานจะมาส่ง แต่เธอปฏิเสธ

ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กสาว แต่ก็เป็นเด็กสาวที่ใจกล้าและชาญฉลาด

ซังชั่วกับคนครอบครัวฝานก็วางใจให้เธอไปเดินซื้อของคนเดียว

มู่เถาเยาลงจากรถอย่างอารมณ์ดี เดินจากทางเข้าถนนคนเดินไปทางขวา

ด้านซ้ายของถนนคนเดินเป็นสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก ด้านขวาเป็นโซนศิลปะสมัยใหม่

ถึงแม้ทางตะวันออกของเมืองจะเป็นโซนเมืองเก่า แต่กลับเป็นโซนที่คึกคักบรรยากาศครึกครื้นมากที่สุดของเมือง

คนท้องถิ่นชอบอาศัยอยู่ทางนี้

แต่ใครก็ตามที่มีบ้านอยู่ทางตะวันออกของเมืองล้วนไม่อยากย้ายไปที่ไหน เว้นเสียแต่สมาชิกในครอบครัวเยอะ บ้านไม่พออยู่จริงๆ

มู่เถาเยาเดินไปห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันออกแล้วขึ้นลิฟต์ตรงไปชั้นหกแผนกเสื้อผ้าสตรี

เธอไม่เลือกแบบ ดูแค่เนื้อผ้าสบายกับสีเรียบๆ จึงซื้อชุดชั้นในเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลือกซื้อเสื้อผ้าสไตล์ชุดกีฬาที่ลู่จือฉินชอบใส่

ลงลิฟต์ด้วยความพอใจ เตรียมไปซื้อของกินเล่นตรงถนนคนเดิน

ภายในลิฟต์มีคุณแม่คนหนึ่งมากับลูกแฝดสามวัยห้าหกขวบ และยังมีชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน

เด็กทั้งสามคนเรียกพี่สาวอย่างมีมารยาท

มู่เถาเยายิ้มให้พวกเขา จากนั้นก็ยิ้มให้แม่ของเด็กอย่างเป็นมิตร

แม่เด็กอายุประมาณสามสิบเห็นสองมือของมู่เถาเยาถือของอยู่จึงถามว่าเธอจะไปชั้นไหนอยากช่วยกดลิฟต์ให้

“ชั้นหนึ่ง ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ”

ชายวัยกลางคนที่ถือกระเป๋าเอกสารพอได้ยินเสียงของมู่เถาเยาก็เอาโทรศัพท์มือถือลงแล้วพูดด้วยความดีใจ “จอมยุทธ์หญิง!”

“เอ่อ…สวัสดีค่ะคุณลุง!”

“จอมยุทธ์หญิง ระยะนี้ผมตามหาคุณมาตลอดเลยครับ! ทางหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลให้ผมเลยสักนิด!”

“แค่ช่วยเล็กน้อยเองค่ะคุณลุง ไม่ต้องคิดมากนะคะ”

“มันดูเล็กน้อยสำหรับคุณ แต่สำหรับพวกเรามันเป็นบุญคุณใหญ่หลวง ตอนนี้จอมยุทธ์หญิงว่างไหมครับ ผมอยากเลี้ยงข้าว”

“เอ่อ…ฉันกินข้าวแล้วค่ะ”

“งั้นดื่มชาก็ได้ จริงสิ ผมชื่อหลิงอวิ๋นครับ”

“ลุงหลิง”

เวลานี้ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งแล้ว แต่ประตูไม่เปิด

มู่เถาเยาขมวดคิ้ว วางของในมือไว้ที่มุมหนึ่ง เปิดกล่องยาใบน้อยหยิบขวดเล็กออกมาขวดหนึ่งแล้วเทยายื่นให้หลิงอวิ๋น

“รีบกินค่ะ”

หลิงอวิ๋นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ไม่พูดพล่ามทำเพลงส่งยาเข้าปาก ขณะเดียวกันก็วางกระเป๋าข้างกล่องยาของมู่เถาเยา

มู่เถาเยาปิดกล่องยา ลุกไปพูดกับแม่เด็กแฝดสามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พี่คะ วางของในมือไว้ด้านนี้นะคะ กอดเด็กๆ ไว้ ลิฟต์น่าจะขัดข้องค่ะ”

เธอพูดพลางกดแต่ละชั้น

หลิงอวิ๋นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอยากกดเบอร์ฉุกเฉินยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อยู่บนป้ายตรวจซ่อมประจำปีบนตัวลิฟต์

เพียงแต่ไม่มีสัญญาณเลย โทรออกไม่ได้

มู่เถาเยากดปุ่มฉุกเฉินตลอด ก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน

คุณแม่วัยสาวมองพวกเขาที่กำลังพยายามหาทาง จากนั้นก็รีบวางของไว้ด้านหนึ่งแล้วโอบลูกๆ ไว้

“จริงสิ พี่กับลูกๆ แข็งแรงดีใช่ไหมคะ” ถ้ามีโรคประจำตัวเธอจะได้เตรียมยาให้ก่อน

คุณแม่วัยสาวพยักหน้า

“ไม่ต้องกลัวนะคะ ทำตามพี่นะ”

มู่เถาเยาโอบเด็กผู้หญิงสองคนเข้ามา ศีรษะกับหลังแนบผนังลิฟท์ ย่อตัวนั่งยองแล้วดึงเด็กทั้งสองมาแนบชิดตัวด้านหน้าของเธอ

“คนเก่ง รีบเอามือวางที่คอแล้วหลับตาสิจ๊ะ เดี๋ยวไฟดับลงพี่สาวจะเล่นเกมกับพวกเธอนะ”

เด็กผู้หญิงทั้งสองเงยหน้ามองแม่

คุณแม่วัยสาวพยักหน้าแสร้งทำเป็นไม่ตื่นตระหนก จากนั้นก็ทำตามวิธีของมู่เถาเยา โอบลูกชายเข้ามาแล้วย่อตัวนั่งลงแนบชิดผนังลิฟท์

หลิงอวิ๋นก็นั่งยองแนบชิดผนังลิฟท์อีกด้านหนึ่ง

“เธอ…” คุณแม่วัยสาวกำลังจะพูดกับมู่เถาเยา แต่ทันใดนั้นไฟในลิฟท์ก็ดับลง

“คนเก่ง พวกเราเริ่มเล่นเกมแล้วนะ รีบหลับตาเร็ว”

พอมู่เถาเยาพูดจบลิฟท์ก็เริ่มโคลงเคลงแล้วร่วงทันที

“กรี๊ดดด…”

มู่เถาเยารีบพูดห้าม “อย่ากรี๊ดค่ะพี่” เด็กๆ จะกลัว

คุณแม่วัยสาวกัดริมฝีปากแน่นท่ามกลางความมืด ความหวาดกลัวในดวงตาทะลักออกมาเต็มทั่วลิฟท์

เด็กผู้ชายเริ่มยุกยิก “แม่…”

“เสี่ยวเหิงไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่” คุณแม่วัยสาวพยายามทำให้ร่างกายตัวเองไม่สั่น

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มู่เถาเยากอดอยู่พูดขึ้น “พี่ ขนาดเสี่ยวหานยังไม่กลัวเลย”

ลิฟท์หยุดร่วงแล้ว แต่ไฟยังไม่ติด ประตูก็ไม่เปิด

มู่เถาเยาถาม “ทุกคนโอเคไหมคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม”

หลิงอวิ๋นกับคุณแม่วัยสาวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่บาดเจ็บ

“ตอนนี้น่าจะอยู่ตรงชั้นใต้ดิน คงไม่หล่นลงไปอีกแล้วค่ะ ลุงหลิงเอามือถือมาส่องไฟหน่อยค่ะ ฉันจะดูเด็กๆ”

“ได้ครับ”

หลิงอวิ๋นล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดไฟฉาย

มู่เถาเยาก้มถามเด็กสองคนที่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดเธอก่อน “คนเก่ง เกมนี้ไม่ค่อยสนุกเลยใช่ไหมจ๊ะ”

เด็กผู้หญิงที่สวมชุดสีชมพูพยักหน้า พูดด้วยเสียงของเด็กน้อย “พี่คะ เสี่ยวตันอยากเล่นซ่อนหา”

อืม พูดคุยได้ปกติไม่น่าเป็นอะไร

“จ้ะ พี่รู้ว่าเสี่ยวตันชอบเล่นซ่อนแอบ” หันไปถามอีกคน “แล้วเสี่ยวหานล่ะ”

“เสี่ยวหานก็ชอบเล่นซ่อนแอบ”

“โอเค เดี๋ยวพอออกไปพวกเราเล่นซ่อนแอบกัน”

มู่เถาเยาส่งเด็กสองคนให้หลิงอวิ๋นไปโอบไว้ จากนั้นก็ย่อตัวลงค่อยๆ ตรวจเช็กร่างกายของเด็กทั้งสองแล้วจับชีพจร

เสี่ยวตันถามด้วยความสงสัย “พี่ทำอะไรคะ”

“พี่เป็นหมอจ้ะ ช่วยตรวจเสี่ยวตันอยู่ว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เสี่ยวตันไม่เจ็บเลยค่ะ”

“จ้ะ เสี่ยวหานเจ็บไหมจ๊ะ”

“เสี่ยวหานก็ไม่เจ็บค่ะ”

“อืม งั้นไปดูพี่ชายเราหน่อย”

มู่เถาเยาลูบศีรษะเด็กทั้งสองแล้วลุกขึ้น หันไปนั่งยองตรงหน้าสองแม่ลูก “เสี่ยวเหิง เจ็บตรงไหนไหมจ๊ะ”

เด็กผู้ชายส่ายหน้า “พี่สาว เสี่ยวเหิงก็ไม่เจ็บ”

“จ้ะ”

มู่เถาเยาดึงมือเด็กผู้ชายมาจับชีพจร

ร่างกายไม่เป็นอะไร แต่มีอาการตกใจเล็กน้อย

“เสี่ยวเหิงมีรถของเล่นไหมจ๊ะ”

“มีฮะ! พ่อซื้อรถให้เยอะแยะเลย!”

“แล้วมีรถคันที่เล่นมานานแล้วไหมจ๊ะ”

เสี่ยวเหิงขมวดคิ้วพูด “เล่นนานแล้ว ไม่ขยับแล้ว” ไม่ขยับก็ไม่สนุกแล้ว

มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขา ยิ้มพลางพูด “ใช่จ้ะ รถที่วิ่งนานๆ ก็จะเหนื่อย เหนื่อยบ่อยๆ ก็จะขัดข้อง อย่างเช่นล้อหลุด หรือหน้าต่างพัง…”

เสี่ยวเหิงพยักหน้า “ใช่ครับๆ” รถของเขาพังไปแล้วสองคัน!

พี่สาวเก่งมากเลย! รู้ด้วยว่ารถของเขาล้อหลุด!

“นี่ก็เหมือนกัน ลิฟต์ที่เราโดยสารอยู่ตอนนี้ มันต้องรับคนบ่อย เมื่อกี้ก็เลยเดี๋ยวเคลื่อน เดี๋ยวหยุด เดี๋ยวพุ่งลง ตอนนี้พวกเรากำลังรอมันพักอยู่ พอมันพักผ่อนเสร็จไฟจะสว่าง ประตูก็จะเปิด”

เด็กผู้ชายยิ้ม “พี่สาว เมื่อกี้ผมกับแม่ น้องๆ เดินเหนื่อย ก็เลยพักที่ชั้นบนตั้งนาน”

“ใช่จ้ะ เสี่ยวเหิงฉลาดมาก!”

เด็กผู้หญิงทั้งสองคนก็พูดว่าตัวเองฉลาดกับมู่เถาเยา

สีหน้าของแม่เด็กกับหลิงอวิ๋นก็พลอยโล่งอกไปด้วย