บทที่ 272 ไม่เข้าใจอารมณ์ของเหยาซู
บทที่ 272 ไม่เข้าใจอารมณ์ของเหยาซู
การปรากฏตัวของเหยาซู เป็นสิ่งคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง
อย่าว่าแต่ตู้เหิงที่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองเลย แม้แต่หลินเหราเองก็ยังคาดไม่ถึง เมื่อสองสามวันก่อนเหยาซูยังเขียนจดหมายตอบเขาอยู่เลย หากแต่บัดนี้ได้ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของตัวเอง
เขาเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว มาหยุดข้างกายของนาง ดวงตาฉายแววดีใจอันไร้เดียงสา “อาซู!”
ตู้เหิงเก็บสายตาที่เอาแต่จับจ้องใบหน้าของหลินเหรากลับมา ในใจของนางรู้สึกเหมือนถูกของบางอย่างทิ่มแทงลงมาอย่างโหดเหี้ยม
ไม่ว่านางจะพยายามเข้าใกล้เขาอย่างไร ต่อหน้านาง หลินเหรายังคงแสดงความเกรงใจและเย็นชาอยู่เสมอ
แต่ว่าเหตุใดเมื่อเผชิญหน้ากับเหยาซู เขาถึงได้แสดงสีหน้าที่อ่อนโยนเช่นนั้น?
ใบหน้าของเหยาซูไร้ซึ่งรอยยิ้ม นัยน์ตาพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างไว้ และมองไปยังหลินเหราโดยไม่พูดไม่จา
หลินเหราขยับเข้าใกล้อีกหญิงสาวเล็กน้อย ร่องรอยความเย็นชาบนใบหน้าราวกับถูกสายลมพัดผ่านจนปลิวหายไป เหลือเพียงความอ่อนโยนที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก
แม้แต่นายหน้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ ยามที่เห็นชายผู้นี้เผชิญหน้ากับพวกเขาเมื่อครู่ กลับดูเหมือนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
เขาเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและแฝงไปด้วยความดีใจภายใต้ความนิ่งสงบ “มาตั้งแต่เมื่อใด? เอ้อเป่าและคนอื่น ๆ ล่ะ? เหตุใดจะมาถึงไม่บอกข้าสักคำ ข้าจะได้ส่งคนไปรับพวกเจ้า…”
เหยาซูคล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม แพขนตาที่ดำสนิทสั่นไหวเล็กน้อย ยิ่งขับให้ความรู้สึกอันรุนแรงภายในดวงตาของนางชัดเจนมากขึ้น
นางยิ้มอย่างเย็นชา “ไฉนเลยจะกล้ารบกวนการนัดหญิงของคุณชายล่ะเจ้าคะ”
นายหน้าถึงกับปวดหัวอย่างรุนแรง นี่มันฉากละครที่หญิงสองคนกำลังแย่งชายหนึ่งคน
หากเป็นเช่นนี้ บ้านที่เขาจะเสนอหลังต่อไปจะทำอย่างไรเล่า?
ครั้นเห็นหญิงสาวที่ดูอ่อนหวาน แต่ฝีปากกลับจัดจ้าน…
หลินเหราจึงได้สติกลับมาทันใด ความคิดประหลาดเมื่อครู่ของเหยาซูมาจากที่ไหน
เขากำลังจะอ้าปากพูด กลับได้ยินตู้เหิงที่อยู่ข้างกายพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม่นางเหยาเข้าใจผิดแล้ว วันนี้คุณชายแค่มาดูบ้านกับข้าเท่านั้น ไม่ได้มีอย่างอื่น”
นายหน้าเริ่มใจไม่ดี ดูท่าคงไม่ใช่ฉากหญิงสองแย่งชายหนึ่งแล้วล่ะ ที่แท้ภรรยาหลวงตัวจริงมาหานี่เอง?
กระทั่งเห็นเหยาซูส่ายหน้า และพูดกับตู้เหิงว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำลายความบริสุทธิ์ใจของแม่นางตู้หรอกนะ แต่การที่แม่นางออกจากบ้านเหตุใดถึงไม่พาสาวใช้หรือแม่นมข้างกายมาด้วยเล่า? มาดูบ้านกับบุรุษเพียงลำพัง เกรงว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก”
แม้ว่าเหยาซูจะถูกความโกรธครอบงำจิตใจแล้ว แต่นางก็ยังดึงเหตุผลที่พึงมีออกมา ควบคุมไม่ให้ตัวเองโพล่งคำพูดที่มันเกินไป
ประโยคที่โพล่งออกมา ได้โจมตีตู้เหิงอย่างเหมาะสม
แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้นางละอายแก่ใจมากทีเดียว
คาดไม่ถึงว่าตู้เหิงจะไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเหยาซู ตรงกันข้ามกลับหันไปทางหลินเหรา และพูดเสียงเบาว่า “ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องที่ข้าไม่อยากเห็น หวังว่าคุณชายหลินจะค่อย ๆ อธิบายกับแม่นางเหยา ไม่ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนะเจ้าคะ”
ในใจของเหยาซูรู้สึกโกรธเคืองมาก เดิมทีคิดว่าหลินเหราจะไม่ตอบโต้ ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะเอ่ยปากพูดจริง ๆ
ชายหนุ่มมองไปทางเหยาซู และพูดอย่างจริงจัง “อาซู ข้าและแม่นางตู้ไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ วันนี้นางไม่พาสาวใช้มา เพราะ…”
“พอแล้ว!”
เหยาซูเอ่ยขึ้นตัดบทสนทนาของหลินเหรา
ต่อหน้าตู้เหิง นางไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมา แต่ก็ไม่อยากฟังหลินเหราเอ่ยถึงหญิงสาวอีกคน
เขาควรจะอยู่ข้างนาง ควรจะเข้าข้างนาง ตอนนี้กลับอธิบายแทนตู้เหิง?
หรือว่านางทำผิดต่อพวกเขา?
เมื่อครู่ไม่ใช่เพราะพวกเขาพูดคุยกันสนุกสนาน แถมยังเดินเคียงข้างกันต่อหน้าคนภายนอก ชมว่าหล่อ ชมว่าสวยอย่างเต็มที่ ดั่งสวรรค์สรรค์สร้างอย่างนั้นหรือ?
ยิ่งเหยาซูคิด เพลิงโทสะที่ไม่ทราบสาเหตุก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นภายในใจ แม้แต่ในจมูกก็ยังรู้สึกแสบร้อนไปทั่ว
นางพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ลืมตัว จากนั้นก็พูดกับหลินเหราด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณชายหลินมาดูบ้านไม่ใช่หรือ? ในเมื่อต้องการให้แม่นางตู้อยู่เป็นเพื่อนเพียงลำพัง ข้าก็คงไม่มีอะไรจะพูด”
หลินเหราขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ เหยาซูถึงได้เปลี่ยนเป็นคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
เขามองออกว่าเหยาซูพยายามข่มอารมณ์ไว้ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงคู่นั้น ได้สะท้อนความผิดหวังและความโกรธเคืองของนางออกมา
เหยาซูมักจะอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว ไม่เคยแสดงความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน
นัยน์ตาของนางควรต้องสดใสและอบอุ่นอย่างกว้างขวางเหมือนกับท้องฟ้าในต้นวสันตฤดู
บัดนี้เหมือนกับทะเลสาบอันอ้างว้าง ทำให้เขาเห็นแล้วอดปวดใจไม่ได้
หลินเหราปล่อยวางความคิดที่ต้องการจะอธิบายให้กับเหยาซู แต่พูดปลอบนางด้วยเสียงเบาว่า “ที่ข้ากำลังดูคือบ้านที่เราจะอาศัย อาซู ข้าเชื่อฟังเจ้าทั้งนั้น”
เหยาซูไม่ได้เอ่ยเอื้อนคำใด นางได้แต่หลุบตามองต่ำ
ตู้เหิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีผ้าปิดหน้าไว้อยู่ นางคงเสียภาพลักษณ์ไปแล้ว
“คุณชายหลินพูดถูก” นางพยายามจะฝืนยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ แต่นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นได้ฉายแววเจ็บปวด นางจ้องมองไปหลินเหราโดยตรง และพูดอย่างอ่อนโยน “เช่นนั้นวันนี้ก็ดูถึงแค่นี้ก่อนดีไหม?”
หลินเหราไม่ได้สังเกตถึงความปั่นป่วนในด้านอารมณ์ของตู้เหิง จิตใจของเขามาหยุดอยู่ที่เหยาซูทั้งหมดแล้ว คิดแต่จะพานางกลับไป ไม่มีอารมณ์จะดูบ้านอีกแล้ว
เขาหันกลับไปพูดกับตู้เหิงว่า “เรื่องในวันนี้ ขอบคุณแม่นางตู้มาก”
ตู้เหิงรออย่างเงียบ ๆ ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ไม่เคยแสดงออกอย่างที่หวังไว้แต่อย่างใด
นางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคาดหวังอะไร
บางทีอาจเป็นสายตาที่มองนางอย่างจริงจัง หรืออาจเป็นการขอโทษที่เหยาซูทำให้นางลำบากใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย
ตู้เหิงฝืนยิ้ม พร้อมกับมองไปทางเหยาซูที่ไม่ปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็พูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนค่อย ๆ เดินนะเจ้าคะ”
เหยาซูพยักหน้าให้นางอย่างนิ่งสงบ
แม้ว่าในใจจะไม่ชอบและหวั่นเกรงตู้เหิงมากเพียงใด เหยาซูก็ไม่เคยแสดงกิริยาหยาบคายต่อหน้านาง
หลินเหราเป็นฝ่ายจูงมือของเหยาซูก่อน ใบหน้าอันหล่อเหลาได้แสดงความดีใจโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นโดยง่าย จากนั้นก็พูดกับนางด้วยเสียงเบาว่า “ไปกันเถอะ เรากลับกันเถอะ”
นายหน้าทอดถอนใจอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าไม่ใช่โอกาสที่จะเอ่ยปากพูด เขาและตู้เหิงจึงทำได้แค่ยืนส่งหลินเหราและเหยาซูจากไปด้วยกัน
เขาเห็นสีหน้าของตู้เหิงไม่สู้ดีนัก ทำได้แค่ฝืนถามว่า “แม่…แม่นางตู้ บ้านหลังต่อไปของเรา ยังอยากดูอีกหรือไม่ขอรับ?”
ตู้เหิงรู้สึกแย่มากจนสุดจะทนได้ และไม่อยากโทษกล่าวความเย็นชาของหลินเหรา เพียงแต่เกลียดชังตัวตนของเหยาซู
ถ้าเหยาซูจากโลกนี้ไปเหมือนกับวัฏจักรในชาติที่แล้ว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลินเหราก็คงไม่มีทางที่จะมองข้ามนางแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ ตู้เหิงจึงอดกำหมัดแน่นไม่ได้
เล็บมืออันสวยงามได้จิกลงบนฝ่ามือตนเอง ความเจ็บปวดทำให้นางได้สติว่าตัวเองนั้นลืมหายใจไปนานมากเพียงใด
ต่อหน้านายหน้า นางพยายามรักษาหน้าตาอย่างเต็มที่ ก่อนจะพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านที่ดูให้คุณชายหลินและแม่นางเหยา ในเมื่อแม่นางเหยาไม่ชอบ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”
นายหน้าทอดถอนใจ “แม่นางตู้ต้องคิดมากถึงเพียงนี้ บัดนี้บอกจะไม่ดูก็ไม่ดูเสียอย่างนั้น ช่างน่าเสียดายจริง ๆ …”
ใบหน้าของตู้เหิงไม่แสดงความรู้สึก แต่ในใจกลับโกรธแค้นเหยาซูมากทีเดียว
ถ้านางไม่มา สุดท้ายบ้านที่จะไปดู หลินเหราต้องชอบแน่นอน
บัดนี้ถูกเหยาซูก่อกวนเรียบร้อย อย่าว่าแต่ความคิดในการหาบ้านให้หลินเหราที่ต้องยกเลิกกลางคันเลย ความพยายามทั้งหมดของนางในสองสามวันนี้ ก็อาจจะสูญสิ้นทุกอย่าง
ตู้เหิงจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ในใจของนายหน้ารู้ดีว่าตู้เหิงกลัวจะอารมณ์ไม่ดี จึงพูดว่า “แม่นางตู้ บ้านหลังนั้นเดิมทีคนถามกันเข้ามาเยอะ ข้าจะเก็บไว้ให้แม่นางอีกสองสามวันแล้วกัน อีกห้าวันหากแม่นางยังไม่ตัดสินใจ ข้าก็จนปัญญา”
ตู้เหิงฝืนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางหมุนตัวและขึ้นรถม้าของตัวเอง เสี้ยวนาทีที่ปิดม่านลง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเย็นชาทันใด
คนขับรถม้าไม่เห็นฉากวุ่นวายนั้น จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “คุณหนู ต้องการไปดูอีกสถานที่หนึ่งหรือไม่ขอรับ?”
ตู้เหิงถอดผ้าที่คลุมหน้าออก เล็บมืออันงดงามได้ขย้ำผ้าคลุมหน้าอย่างรุนแรง พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “กลับจวน”
ฝั่งนี้ตู้เหิงกำลังหงุดหงิดอยู่ในใจ ส่วนเหยาซูอีกด้านก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน
เมื่อขึ้นรถม้าแล้ว เหยาซูก็สะบัดมือที่หลินเหราจูงมือของนางออก และนั่งอยู่ในมุมโดยไม่พูดไม่จา
หลินเหราขานเรียกนางเบา ๆ “อาซู”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดเลือนราง คิ้วรูปดาบได้ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหมือนกับไม่เข้าใจอารมณ์ของเหยาซู
เหยาซูสูดลมหายใจเข้าปอด ใบหน้าอันงดงามนั้นได้แสดงสีหน้าเย็นยะเยือก ไม่สนใจเขา
“อาซู” หลินเหรานั่งลงใกล้นาง พลางยื่นมือออกไปกุมมือขวาของนางไว้ พลางเอ่ยถามอย่างเบา ๆ “เจ้าเป็นอะไร?”
ชายหนุ่มมักจะเย็นชาไร้ความรู้สึก เกรงว่าคงจะมีแค่ต่อหน้าเหยาซูเท่านั้นที่ทำให้เขามีความอดทนมากเพียงนี้
เครื่องหน้าที่ชัดเจนของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนในอดีต เขาพยายามยับยั้ง เหมือนกับสัตว์ร้ายที่พยายามซ่อนกรงเล็บอย่างเงียบเชียบเมื่ออยู่ต่อหน้ากลีบดอกไม้ที่งดงามและอ่อนโยน อยากดอมดมแต่ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นท่าทางของนังตู้แล้วก็ขัดหูขัดตายิ่งนัก อยากลากมาประจานกลางสี่แยกให้รู้ไปถึงวงศ์ตระกูลและวังหลวง เป็นนางเอกนิยายแล้วยังไง อย่าผยองว่าไม่มีใครทำอะไรเธอได้นะหล่อน อยากเห็นจุดจบอันน่าเวทนาของนางจริงๆ
ปวดหัวกับอาเหราแท้ ช่างไม่เข้าใจจิตใจสตรีเลย แค่ไปทำธุระกับหญิงอื่นก็คือผิดแล้ว จำไว้นะ
เป็นตอนที่หงุดหงิดจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)