บทที่ 271 เหยาซูไปหาหลินเหราและตู้เหิง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 271 เหยาซูไปหาหลินเหราและตู้เหิง
บทที่ 271 เหยาซูไปหาหลินเหราและตู้เหิง

เหยาซูเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หลายวันนี้แม่นางตู้อยู่กับพ่อเจ้าตลอดเลยหรือไม่?”

อาจื้อมองไปทางเหยาซู ไม่เข้าใจว่าผู้เป็นแม่ที่คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาตลอดเมื่อครู่ เหตุใดจู่ ๆ นัยน์ตาของนางถึงได้แสดงความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ออกมา

เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของผู้เป็นแม่อย่างไร

เซี่ยหมิงที่อยู่ด้านข้างจึงได้เปล่งเสียงออกมา “สองสามวันนี้คุณชายหลินและคุณชายเหยาไปดูบ้านข้างนอกตลอด วันนี้ก็เช่นกัน แม่นางตู้มาที่นี่และเพิ่งแยกออกไป แม่นางตู้มาที่จวนหลายครั้งแล้ว ถ้าจะบอกว่าไปด้วยกัน ก็มีแค่ธุระในเช้าวันนี้เท่านั้นขอรับ”

มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเหยาซูค่อย ๆ กำหมัดแน่น จนเล็บจิกลงบนฝ่ามืออย่างอดไม่ได้

นางอยู่ในอำเภอเพียงลำพัง ดูแลลูก ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง แต่นางต้องคอยมอบหมายงานและจัดการเรื่องหยุมหยิมที่ซับซ้อนมากมายภายในร้าน

ประกอบกับที่แม่เฒ่าหลินบุกมาหาเรื่องถึงหมู่บ้านตระกูลเหยา บ้านในตัวอำเภอก็ต้องไหว้วานให้ผู้อื่นดูแล เกิดเรื่องสารพัดมากมายภายในครอบครัว…

เดิมทีคิดว่าการที่หลินเหราตรวจสอบคดีความอยู่ในเมืองหลวงคงจะตกอยู่ในสภาวะกดดันเช่นกัน ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะดึงตู้เหิงมาอยู่ด้วยกัน?

พริบตาเดียว ความคาดหวังที่จะได้เจอเขาเหมือนกับถูกน้ำอ่างหนึ่งสาดลงมาอย่างไร้ความปรานี

ความรู้สึกปวดหน่วงเช่นนั้นได้ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวโทสะที่ไม่อาจใช้คำไหนมาพรรณนาได้พลันผุดขึ้นมาในใจของเหยาซู

เขาให้สัญญาอะไรกับนางไว้? ทั้งสองคนพูดกันแล้วว่าต้องเปิดใจให้กันและกันไม่ใช่หรือ? เขาบอกเองว่าจะไม่ติดต่อใด ๆ กับตู้เหิงอีก?

ความร้อนรนเกิดขึ้นภายในใจของเหยาซู นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

หญิงสาวไม่อยากแสดงความไม่พอใจต่อหน้าคนภายนอก น้ำเสียงจึงไม่ได้ดูร้อนรนแต่อย่างใด เรียกได้ว่านุ่มนวลเลยทีเดียว นางเอ่ยถามเซี่ยหมิงว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้พวกเขาไปที่ใด?”

เพียงชั่วพริบตาที่เซี่ยหมิงลังเล จากนั้นก็พูดอย่างละเอียด “ถ้าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ก็น่าจะไปยังทิศตะวันตกของเมือง หากฮูหยินอยากไปละก็ ข้าน้อยจะจัดคนพาท่านไปด้วยกันขอรับ”

เหยาซูตอบ ‘อื้อ’ เบา ๆ พร้อมกับยกจอกน้ำชาขึ้นมา และดื่มเข้าไปเพื่อข่มความรู้สึกรุ่มร้อนภายใน

ภาพเรื่องราวราวต่าง ๆ ได้ผุดขึ้นมาในสมองของนางอย่างรวดเร็ว ความสุขและอบอุ่นที่ได้อยู่กับหลินเหรา นอกจากนี้ทางนิยายต้นฉบับก็ยังมีการเขียนถึงชีวิตคู่อันหวานหยดของหลินเหราและตู้เหิงอีกด้วย

ในนิยายต้นฉบับ ความเย็นชาของหลินเหรา ค่อย ๆ ถูกตู้เหิงทลายลง

เขาค่อย ๆ รักนาง เชื่อใจและปกป้องนางด้วยความเต็มใจ กระทั่งมีลูกกับนาง…

ในใจของเหยาซูเกิดความขัดแย้งกลับไปกลับมา

ในเมื่อหลินเหราอีกโลกหนึ่งได้เปิดใจกับตู้เหิงแล้ว เขาในโลกนี้ยังถูกตู้เหิงดึงดูดได้อีกอย่างนั้นหรือ?

แล้วนางล่ะ? นางต้องดูแลลูกของเขา เป็นห่วงเป็นใยเขา นางล่ะเป็นใคร?

อีกด้านหนึ่ง หลินเหราถูกนายหน้านำทางไป ดูบ้านขนาดเล็กที่มีทางเข้าสามประตูหลังหนึ่ง

ตู้เหิงยืนเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง บางครั้งก็พูดคุยกับหลินเหราด้วยเสียงเบาสองสามประโยค ส่วนใหญ่จะเป็นนางพูด และหลินเหราทำเพียงแค่ฟังเท่านั้น

หลังจากนายหน้าแนะนำเรียบร้อยแล้ว ก็ถามด้วยรอยยิ้มตาหยีว่า “ท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่าบ้านหลังนี้ตรงตามเงื่อนไขของท่านทั้งสองหรือไม่?”

หลินเหราเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอใช้ได้”

ในชาติที่แล้วตู้เหิงได้อยู่ข้างกายของหลินเหราเป็นเวลาเนิ่นนาน รู้ทุกอย่างอย่างชัดเจน รู้กระทั่งอารมณ์ที่ไม่ค่อยมีคนอื่นล่วงรู้ มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้วว่าในใจของเขานั้นไม่พอใจเอามาก ๆ

แต่เพราะมีนางอยู่ข้างกายตลอด เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ แต่ก็ยากที่จะพูดออกมาเท่านั้น

ตู้เหิงพูดกับหลินเหราด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ตำแหน่งของบ้านหลังนี้ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แต่ที่อยู่อาศัยเช่นนี้การมีต้นไม้ใบหญ้าที่มากเกินไป คงจะไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไรนัก”

นายหน้าจึงรีบพูดว่า “ไอหยา คุณหนูพูดเช่นนี้ความนิยมก็ใช่ว่าจะไม่มีคนอยู่ หากแต่ยังต้องซ่อมแซมบำรุงกันต่อไปไม่ใช่หรือ? อีกอย่างท่านทั้งสองก็ทั้งงามทั้งหล่อ ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างมา ต่อไปก็ต้องอยู่กันเป็นสามีภรรยาในบ้านหลังนี้ ยังต้องกังวลเรื่องความนิยมอีกหรือขอรับ?”

ตู้เหิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าอันงดงามวิจิตรก็แดงระเรื่อในทันที แม้แต่หูก็ยังแดงเถือกไม่น้อย

นางเงยหน้ามองหลินเหราอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดกับนายหน้าว่า “ข้ากับคุณชายเป็นแค่สหายกัน วันนี้ก็มาช่วยเลือกบ้านให้เขา ได้โปรดท่านนายหน้าระวังคำพูดด้วยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น นายหน้าหัวเราะออกมา

เขาพบเจอคนมานับไม่ถ้วน แม้ว่าแม่นางผู้นี้จะมีใบหน้านิ่งเฉย แต่ยามที่ดวงตาคู่สวยนั้นมองไปยังชายร่างสูง ความรู้สึกที่เก็บงำไว้ภายในเงียบ ๆ กลับไม่อาจปกปิดสายตาอันเฉียบคมของเขาไปได้

เพียงแต่แม่นางค่อนข้างหน้าบาง ส่วนนายหน้าก็ยังอยากทำธุระกับพวกเขา จึงไม่ได้หยอกเย้าอันใดอีก

ครั้นตู้เหิงเห็นหลินเหราไม่ปริปากพูดตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ คิ้วรูปดาบขมวดเข้าหากันแน่น รู้ว่าตอนนี้เขาไม่สบอารณ์อย่างมาก จึงได้พูดกับนายหน้าว่า “วันนี้รบกวนท่านมากแล้ว เพียงแต่เรายังต้องปรึกษาเป็นการส่วนตัวอีกสักหน่อย”

นายหน้าหัวเราะเหอะ ๆ “แน่นอน แน่นอน หากไม่ชอบหลังนี้ เรายังมีหลังอื่น! ท่านทั้งสองค่อย ๆ คุยกันเถิด”

ขณะพูด เขาเดินมายังอีกด้านหนึ่งของสวนอย่างเข้าใจ ยืนรอพวกเขาคุยกันให้จบอยู่ที่ไกล ๆ

หลินเหรากำลังเหม่อมองไปยังที่แห่งหนึ่งด้วยสีหน้านิ่งเฉยดั่งปกติ ขณะที่กำลังจะเอ่ยเตือนนายหน้าก็เห็นเขาเดินออกไปแล้ว

หลังจากที่ตู้เหิงรอให้เขาเดินออกไปแล้ว จึงถอดผ้าคลุมหน้าครึ่งหนึ่งออก เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างอันงดงาม

นางเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณชายหลินรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ใหญ่เกินไปใช่หรือไม่?”

ตู้เหิงเดาความคิดของหลินเหราออกอย่างแม่นยำ ชายหนุ่มพยักหน้าและพูดว่า “แม่นางตู้ ขอโทษด้วย ความเข้าใจผิดของนายหน้า ข้าจะไปอธิบายเดี๋ยวนี้ เพียงแต่บ้านหลังนี้ … ข้าไม่ค่อยอยู่บ้าน อาจื้อเองก็ไปร่ำเรียน ในบ้านมีแค่อาซูและเด็กอีกสองคน ใหญ่เกินไปคงไม่สะดวก”

ตู้เหิงได้ยินหลินเหราพูดเพียงครึ่งประโยค รอยยิ้มบนใบหน้าที่แข็งค้างไปก็กลับมาเป็นปกติ

นางคล้อยตามจุดประสงค์ของหลินเหราเสมอ หากแต่วันนี้กลับส่ายหน้า และพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “คุณชายหลินมาเมืองหลวงครั้งแรก คงจะไม่ได้สนใจอะไร แต่ต่อไปคุณชายหลินจะต้องไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ถึงตอนนั้นก็ต้องเปลี่ยนบ้านให้ใหญ่ขึ้นไปอีก จะไม่ยุ่งยากหรือ?”

หลินเหราพูดแค่ว่า “วันข้างหน้าเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ตอนนี้อาซูเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพัง บ้านหลังใหญ่เกินไปมันจะกลายเป็นภาระเสียเปล่า ๆ ”

ตู้เหิงคลี่ยิ้ม ทว่ามือทั้งสองข้างกลับกำหมัดแน่น พยายามข่มความรู้สึกไม่พอใจที่ปั่นป่วนอยู่ในจิตใจ

เลือกบ้าน ก็ยังเอ่ยถึงเหยาซูทุกคำ!

เขาจะใส่ใจกับผู้หญิงคนนั้นทำไมนักหนา? ชาติที่แล้วก็เห็น ๆ อยู่ว่าผู้หญิงคนนั้นตายจากโลกนี้ไปแล้ว!

ตู้เหิงรู้ว่าหลินเหรารู้ทันคน จึงไม่กล้าคิดมาก กลัวว่าความรู้สึกของตัวเองจะเปิดเผยออกมาจนถูกเขาจับได้

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนออกอย่างช้า ๆ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราไปอีกที่กันเถิด”

เมื่อสองสามวันก่อนตู้เหิงช่วยพวกเขาจัดการเรื่องราวในวังได้มากทีเดียว บัดนี้เมื่อรู้ว่าเขากำลังหาที่อยู่ในเมืองหลวง จึงทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่

หลินเหราไม่ใช่ผู้ที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ จึงพูดอย่างเกรงใจว่า “ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของแม่นางตู้ แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูบ้าน แม่นางไม่ต้องรบกวนอยู่เป็นเพื่อนข้าตลอดเวลาหรอก”

ตู้เหิงรู้ว่าลึก ๆ ชายหนุ่มชอบให้ใช้ไม้อ่อน แม้ว่าภายนอกจะดูเย็นชาและชอบตีตัวออกห่างเพียงใด แต่ลึก ๆ ในใจของเขานั้นอ่อนโยนมาก

ดวงตาของนางโค้งเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ใบหน้าเผยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “ได้ช่วยคุณชาย ข้าก็ดีใจมากแล้ว”

หลินเหรากำลังจะปฏิเสธ แต่กลับถูกตู้เหิงตัดบทเสียก่อน “นายหน้ายังมีบ้านที่มีขนาดเล็กอีกหนึ่งหลัง คุณชายบอกว่าอยากหาที่อยู่ที่เงียบสงบไม่ใช่หรือ? ที่นั้นน่าจะเหมาะสมนะเจ้าคะ”

ครั้นนึกขึ้นได้ว่าอยากหาที่อยู่ให้ได้โดยเร็ว จะได้รับภรรยาและลูกมาอยู่ที่นี่

หลินเหราก็ทำได้แค่พยักหน้า

หลายวันที่ไม่ได้เจอกัน เขาไม่ชอบที่ต้องเขียนจดหมายไปมากับนาง อยากจะไปพาตัวเหยาซูและเด็ก ๆ มาอยู่ข้างกายเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มพูดกับตู้เหิงอย่างเกรงใจว่า “วันข้างหน้าหากแม่นางมีเรื่องให้ช่วย ข้าน้อยจะทำอย่างสุดความสามารถ”

ตู้เหิงยกยิ้ม ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปในดวงตาของหลินเหรา และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณชายก็เกรงใจเกินไป”

ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันต่อไป ตู้เหิงคิดเงียบ ๆ อยู่ในใจ ถ้าครานี้ช่วยเขาหาบ้านที่เหมาะสมได้ ก็ถือว่ามีข้อผูกมัดกับเขามากขึ้นใช่หรือไม่?

หลินเหรามักจะเย็นชา ก่อนที่เหยาซูจะมานางจะต้องคิดหาโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับหลินเหราให้มากขึ้น

นางคือเทพธิดาที่ได้รับความโปรดปรานจากสรวงสวรรค์ ยอมบากบั่นไปด้วยกันกับหลินเหราได้ มาดูบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความไว้วางใจและความต่างที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขาแล้ว

นางเชื่อว่าขอแค่ได้อยู่กับนางมากกว่านี้ หลินเหราจะต้องเห็นในความดีของตนแน่นอน

นายหน้าเห็นทั้งสองคนเดินออกมาข้างนอก จึงเดินขึ้นหน้าเข้ามาถาม “ท่านทั้งสอง ปรึกษากันว่าอย่างไรบ้างขอรับ?”

ตู้เหิงใส่ปิดหน้าครึ่งหนึ่งไว้อีกครั้ง เผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่สวยคู่นั้น จากนั้นก็ส่ายหน้ากับนายหน้า และพูดเสียงเบาว่า “คงลำบากท่านที่พาเราสองคนมาดูแล้วล่ะ”

นายหน้าตอบรับ ‘อือ’ จากนั้นก็พาพวกเขาออกไปข้างนอก พลางพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “บ้านหลังต่อไปจะต้องเหมาะสมกับเงื่อนไขของแม่นางโดยสมบูรณ์แน่นอน ทำเลดี เงียบสงบ แม้ว่าบ้านจะไม่ใหญ่มาก แต่กลับงดงามประณีตมากทีเดียว ไม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลในทุกวัน”

ตู้เหิงพยักหน้า “ใช่ที่สุด”

นายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมไปเลย! ท่านทั้งสองระวังธรณีประตูด้วย…ที่ดินด้านล่างของเรา นอกจากจะราคาสูงแล้ว อย่างอื่นจะต้องทำให้ท่านทั้งสองพอใจอย่างแน่นอน”

หลินเหราพยักหน้า “เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา”

เขากำลังครุ่นคิดว่าจะพูดอย่างไร ถึงจะไม่ทำลายความบริสุทธิ์ใจของตู้เหิง และอธิบายถึงความสัมพันธ์ของเขาสองคนได้อย่างชัดเจน

เมื่อนายหน้าเห็นหลินเหรายังคงสุขุมและเยือกเย็น เอาแต่เงียบมาตลอด

แสดงความคิดเห็นเป็นครั้งคราว พูดเพียงไม่กี่คำ แต่ตู้เหิงกลับใส่ใจมากเป็นพิเศษ

เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคือคนที่ทำการตัดสินใจ นายหน้าจึงยิ้มและพยายามพูดคุยผูกสัมพันธ์กับเขา “มองแวบแรกก็เห็นถึงความโดดเด่นของคุณชาย รู้ทันทีว่าไม่ใช่เจ้านายที่ขัดสนเรื่องเงิน แม้ว่าลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์จะมีอยู่เกลื่อนเต็มเมืองหลวงของเรา แต่ก็สู้ความสง่าอย่างคุณชายและรูปโฉมงดงามเหมือนแม่นางผู้นี้ไม่ได้ ท่านทั้งสองมาดูบ้าน ไฉนเลยจะใส่ใจเรื่องราคา!”

ตู้เหิงถูกเขาหยอกเย้าจนต้องขบขันออกมา ก่อนจะพูดอย่างอดไม่ได้ “ความสง่าราศีและรูปโฉมงดงาม จะมีเงินติดตัวหรือไม่ ก็ไม่เห็นเกี่ยวกัน”

นายหน้าเอาแต่พูดยกยอปอปั้นทั้งสองคน คลี่ยิ้มจนเป็นรอยย่น “แม่นางก็พูดตลกเกินไป! เงินไม่มีก็ไร้รสนิยมเกินไป ยามที่ท่านทั้งสองเดินด้วยกัน ใครเห็นใครก็ชมว่าเหมาะสมและเข้ากันดีทั้งนั้นไม่ใช่หรือขอรับ? คนหนึ่งก็สูงโปร่ง อีกคนก็สวยประณีต สวรรค์สรรค์สร้างโดยแท้จริง…”

ขณะพูด เขากลับเห็นทั้งสองคนหยุดก้าวเดินชั่วขณะ จึงมองไปอีกด้าน

ชายหนุ่มมีสีหน้าฉงน ราวกับไม่อยากจะเชื่อก่อนจะขานเรียก “อาซู…”

นายหน้ามองกลับไปด้วยความสงสัย กระทั่งเห็นหญิงสาวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาสีอ่อนผู้หนึ่ง ยืนอยู่ริมทาง

เพียงแต่ใบหน้าอันงดงามที่เห็นแล้วยากจะลืมเลือนนั้น ดูซีดเผือดลงเล็กน้อย

นางก้าวขึ้นหน้าอย่างช้า ๆ นัยน์ตาดุจลูกท้อคู่นั้นกลับค่อย ๆ เย็นเยือกตามฝีเท้าที่เข้ามาใกล้

เมื่อมาถึงตรงหน้าของทั้งสามคน นางส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตาคู่นั้นเย็นเยือก พร้อมกับจับจ้องไปยังชายหนุ่ม “เหมือนกับสวรรค์สรรค์สร้าง…หลินเหรา ข้าไม่ยักจะรู้ว่าสวรรค์จะสรรค์สร้างใครมาคู่กับท่านอีก”

………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

อยากลากนังตู้ไปกลางจัตุรัสแล้วแหกปากร้องประจานจริง ๆ ค่ะ เจ้าข้าเอ๊ย…มาดูบุตรีเจ้าอาลักษณ์ไร้ยางอายผู้นี้แย่งสามีชาวบ้านกันเร้ววว นังงูเหลือมผู้นี้คิดจะแย่งกินไก่ชาวบ้านแล้ววว

อาซูจัดการตบเรียกสติสามีให้หนัก ๆ เลยค่ะ เอาให้ท่อนไม้ผู้นี้รู้สึกเสียทีว่ากำลังจะโดนงูเหลือมงาบแล้ว แล้วก็ฟาดหนังหน้านังตู้ให้ไม่มีหน้าจะสู้ใครไปเลย พวกผู้ดีนี่หน้าบางจะตาย

ไหหม่า(海馬)