บทที่ 338 เพิ่มความเร็วน้ำชะล้างตะกอน

เพียงบทสนทนาสั้น ๆ เซี่ยวั่งซูกลับรู้สึกประทับใจเสิ่นหงเหวินสองคนพ่อลูกขึ้นมาไม่น้อย

นางเคยเห็นขุนนางที่เสแสร้งอ้างว่าทำเพื่อราษฎรมาไม่น้อย แม้แต่ในเผ่าต่าง ๆ ของถู่เจีย สามารถยอมเสียหน้าเพื่อแสร้งทำเป็นคนจนได้ แต่หากพิจารณาและสังเกตดูดี ๆ ก็จะพบว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

หากว่าสองพ่อลูกตระกูลเสิ่นเสแสร้งแกล้งทำจริง เช่นนั้นก็คงแสดงได้สมจริงอย่างมาก จนมองไม่เห็นพิรุธใด ๆ เลย

เมื่อมาถึงบนเนินเขาก็พบว่ามีชาวบ้านมารวมตัวกันอยู่ที่นี่จำนวนมาก ต่างล้อมวงเข้ามาพูดคุยกับเสิ่นหงเหวิน ดูเหมือนว่าทุกคนจะคุ้นเคยแล้ว และต่างก็กำลังทอดถอนใจ

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าเองก็คงต้องย้ายตามไปด้วย ที่แบบนี้จะอยู่ได้อย่างไรกัน”

จากทางเส้นนี้ไปทางทิศตะวันออก มีตะกอนทับถมทำให้แม่น้ำตื้นเขินขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหมือนมังกรดินตัวหนึ่ง รอให้สวรรค์เอาตะกอนนี้กลับไปอย่างนั้นหรือ? นั่นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

ไม่มีที่ดินทำกิน ชาวไร่ชาวนาอย่างพวกเขายังจะมีความหวังอะไรอีก จะไปเรียนล่าสัตว์ ทอผ้า ก็ล้วนไม่ใช่เรื่อง

ขณะที่กำลังพูดกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน ต้นไม้สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับมังกรดินพลิกตัวไปมา แม้แต่คนก็ยังไม่สามารถยืนให้มั่นคงได้

ทหารเกราะเหล็กรีบคุ้มกันเซี่ยวั่งซูกับเผยจี้ฉือไปในที่ปลอดภัย ทำเป็นวงล้อมป้องกันพวกเขาเอาไว้ ชาวบ้านที่ขึ้นมาหลบอยู่รอบ ๆ ย่อมมองมาที่พวกเขาเป็นธรรมดา เพราะกลัวว่าจะเป็นโจรภูเขาอะไรทำนองนั้น

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับชาวบ้าน กลับกันยังเป็นฝ่ายช่วยจับไก่และหมูที่วิ่งหนีให้ด้วย

มีแม่ม่ายพาเด็กสองสามคนวิ่งขึ้นมา พวกเขาก็ช่วยรับเอาไว้ ทั้งยังอุ้มปลอบอยู่ในอ้อมแขนอีกด้วย

“ทุกท่านไม่ต้องกังวล พวกเราล้วนเป็นชาวบ้านที่ซื่อสัตย์สุจริต เพียงแต่คนรับใช้ที่บ้านข้าร่างกายกำยำไปหน่อย แต่ข้ารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่คุกคามพวกท่านอย่างแน่นอน”

เซี่ยวั่งซูเอ่ยขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ ทุกคนจึงค่อย ๆ ยอมรับพวกเขา

ไม่มีใครกล้ากลับบ้านเวลานี้ ดังนั้นจึงมารวมตัวกันที่นี่ ทั้งยังมีคนสร้างเพิงไม้ขึ้นมา คืนนี้พวกเขาจะค้างคืนอยู่ที่นี่ รอน้ำลดแล้วค่อยกลับบ้าน

หากว่าที่บ้านมีเงินหรือมีบ้านอยู่ในเมือง คงไม่กล้าผลีผลามออกมาตอนนี้แน่

คนสำเนียงแตกต่างกันมารวมกันอยู่ที่นี่ภายใต้แสงไฟ เสิ่นหงเหวินสองพ่อลูกกลับเงียบผิดปกติ

เผยจี้ฉือมองดูอาหารแห้งในมือ แล้วจึงยื่นไปให้พวกเขา

ออกมาครั้งนี้ จี้จือฮวนกลัวว่าพวกเขาจะกินอาหารไม่ดี ดังนั้นจึงเตรียมอาหารแห้งมาให้อย่างเพียงพอ และยังฝึกหัวหน้าทหารอีกสามสี่คนเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นฝีมือการทำอาหารของพวกเขาสามารถไปเป็นพ่อครัวในภัตตาคารได้เลยทีเดียว

พวกเขาจัดการตั้งหม้อใบใหญ่ ก่อนจะเริ่มหั่นผักและเตรียมเครื่องปรุงอย่างชำนาญ จนคนทั้งหมดจ้องมองไปที่หม้อของพวกเขาตาปริบ ๆ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามีคนมาก จึงไม่มีใครกล้าเข้าไป

“ทำให้มากหน่อย” เซี่ยวั่งซูกำชับ

“ขอรับ”

“ทุกท่าน วันนี้พวกเรามีวาสนาได้มาพบกันที่นี่ โชคดีที่พวกเราเตรียมมาพร้อม หากไม่รังเกียจก็มากินข้าวกับพวกเราได้เลยนะ”

มีเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้พวกเขาจะกล้ารังเกียจได้อย่างไร เนื้อเช่นนี้จะได้กินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น

“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านคงเป็นคนเมืองหลวงกระมัง ฟังจากสำเนียงแล้วดูเหมือนจะใช่”

“ใช่แล้ว”

เผยจี้ฉือเดินมาที่ข้างกายของสองพ่อลูก ก่อนจะนำกล่องของว่างของตัวเองยื่นให้พวกเขา “ข้าวยังไม่เสร็จ รองท้องก่อนเถอะ ลูกพลับแห้งที่แม่ข้าทำอร่อยมากเลยนะ”

เสิ่นหงเหวินจึงได้สติขึ้นมา เขาพิจารณาหนุ่มน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหรี่ตาแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าว่าเจ้าดูหน้าคุ้น ๆ นะ”

เผยจี้ฉือปล่อยให้เขาพิจารณาอยู่อย่างนั้น “ข้าอายุยังน้อย ท่านผู้ว่าการน่าจะไม่เคยเห็นข้านะขอรับ”

“ก็จริง เจ้าอายุไล่เลี่ยกับลูกสาวข้า พรุ่งนี้รอน้ำลดแล้ว พวกเจ้าก็รีบไปเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย” เสิ่นหงเหวินย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า

เผยจี้ฉือจึงผลักลูกพลับแห้งไปข้าง ๆ เสิ่นเยี่ยนชิว “กินเถอะ”

เสิ่นเยี่ยนชิวเห็นท่านพ่อไม่ปฏิเสธ จึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ขอบคุณพี่ชายเจ้าค่ะ”

มือเล็กเอื้อมไปหยิบลูกพลับแห้งนั่น และเริ่มกินคำเล็ก ๆ

“อร่อยหรือไม่?” เผยจี้ฉือถาม

“อืม ฝีมือของแม่ข้าก็อร่อยมาก เพียงแต่ตอนนี้นางอยู่บ้านคนเดียว…”บราวนี่ออนไลน์

เสิ่นเยี่ยนชิวเผยสีหน้าเศร้าหมองออกมา เผยจี้ฉืออดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปถึงสตรีท่าทางอ่อนแอที่ยืนมองอยู่ที่ประตูบ้าน

แต่ใครจะไปคิดว่าพริบตาต่อมา จะได้ยินเสียงแม่เสือคำรามขึ้นมา “เสิ่นหงเหวิน! อยากตายหรืออย่างไร ขึ้นมาบนเขื่อนนี่อีกแล้วหรือ แล้วยังให้ข้ามาส่งข้าวให้อีก!”

เผยจี้ฉือสะดุ้งขึ้นมาทันที จนเกือบจะทำลูกพลับแห้งหลุดมือ ทหารเกราะเหล็กที่กำลังหั่นผักก็เกือบจะเฉือนโดนนิ้วตัวเอง

ก่อนจะเห็นว่าเป็นสตรีหน้าตาสะสวยที่มีใบหน้าคล้ายเสิ่นเยี่ยนชิวเจ็ดถึงแปดส่วน ผมสีดำโพกเอาไว้ด้วยผ้าป่านสีเทา นางหิ้วเถาอาหารเดินมาทางนี้พลางส่งเสียงต่อว่าไปด้วย ก่อนจะเดินตรงไปทางเสิ่นหงเหวิน บิดหูเขาอย่างแรงและต่อว่าเขาต่อทันที

“เจ็บ ๆ ๆ มีคนอยู่มากเพียงนี้ ไว้หน้ากันหน่อยสิ”

“ไว้หน้าหรือ? เจ้ายังอยากรักษาหน้าตาอีกหรือ!? มีใครที่ยังไม่ชินอีก กินข้าว!” หม่าซานเหนียงตะคอกเสร็จก็นั่งลง ถึงได้มองเห็นเผยจี้ฉือที่นั่งอึ้งอยู่

“โอ๊ะ หนุ่มน้อยบ้านใดกันถึงหน้าตาดีเพียงนี้ จะมาเป็นลูกเขยข้าหรืออย่างไร?”

“ของบ้านข้าเอง เขายังเด็กเกินกว่าที่จะเป็นลูกเขยเจ้านะ” ท่านป้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หม่าซานเหนียงจึงได้สังเกตเห็นพวกเขา นางมีนิสัยตรงไปตรงมาและคุ้นเคยกับชาวบ้านละแวกนี้ดี คุยกันไม่เท่าไรก็ตีเนียนไปอยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่ และเรียกเสิ่นหงเหวินสองพ่อลูกมาด้วย

“พ่อของข้าเป็นผู้บัญชาการกว่างซี เป็นคนไม่มีการศึกษาอะไร ข้าไม่รู้จักหนังสือด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะแต่งกับเจ้าคนหัวโบราณผู้นี้ ข้าคงใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่กว่างซี แต่โบราณกล่าวว่าออกเรือนกับไก่ก็ต้องอยู่ตามไก่ ออกเรือนกับสุนัขก็ต้องอยู่ตามสุนัข ข้าหม่าซานเหนียงอยู่ที่ใดก็ได้ ไม่มีอะไรที่รับไม่ได้ ตำแหน่งผู้ว่าการไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร ก็แค่ราชสำนักตาบอดก็เท่านั้นเอง”

มีชาวบ้านอดไม่ได้จึงเอ่ยขึ้นมา “เสิ่นฮูหยิน คำพูดนี้จะสร้างปัญหาได้นะ”

“ข้าจะดูสิว่าเจ้าเมิ่งซื่อนั่นจะกล้าหรือไม่ ข้าจะฟันให้ยับเลย รังแกผู้ชายของข้ายังไม่พอ คิดจะรังแกข้าด้วยอย่างนั้นหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่า เหตุใดพวกท่านถึงผ่านมาทางนี้ได้เล่า ช่างโชคร้ายจริง ๆ เลย”

“ข้าเองก็คิดไม่ถึง แต่เพราะได้ยินคนพูดกันว่าหลูโจวมีทิวทัศน์ที่งดงาม จึงอยากผ่านมาดูว่ามีการค้าอะไรให้ทำหรือไม่ ใครจะรู้ว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้ได้”

“โอ๊ย เช่นนั้นท่านก็โชคร้ายแล้ว ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่แย่ที่สุด เทพแห่งแม่น้ำอารมณ์เกรี้ยวกราด เขื่อนที่นี่มักจะแตกทุกปี คนที่ส่งมาก็แก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม ๆ ทรายในแม่น้ำจึงมากขึ้นทุกที ท่านดูสิเจ้าคะ เหมือนแม่น้ำที่ใดกัน!”

เผยจี้ฉือรู้สึกประหลาดใจ เสิ่นหงเหวินผู้นี้ในเมื่อมีตระกูลภรรยาเช่นนี้ เหตุใดถึงตกต่ำได้กัน

เสิ่นเยี่ยนชิวเอ่ยเบา ๆ ขึ้นมา “ทำนบพังไปแล้วสี่ครั้ง น้ำไม่กลับคืนสู่แม่น้ำ ตอนนี้อาจเป็นเพียงหายนะในหลูโจว แต่ภายหน้าเกรงว่าแม่น้ำทั้งสองสายนั่นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เกิดการปิดกั้นเส้นทางน้ำขึ้น หากคิดจะไปทำการขุดลอกอีกก็คงจะยากแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ราชสำนักส่งมาทุกปีล้วนแต่มีความทะเยอทะยาน วิธีแก้ไขก็ใช้เพียงการระบายตะกอนออกเท่านั้น ซึ่งแก้ต้นตอของน้ำท่วมไม่ได้ ดูจากการที่ช่วงนี้ของทุกปีทำนบมักจะพังเห็นได้ชัดว่าวิธีการนี้ใช้ไม่ได้ผล”

“ทุกวันนี้การเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ล้วนต้องอาศัยการขนส่งทางน้ำ หากแม่น้ำตื้นเขินมิเท่ากับว่าจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่หรอกหรือ?” ทันใดนั้นเผยจี้ฉือก็คิดขึ้นมาได้ จึงหยิบถุงผ้าที่พกติดกายที่จี้จือฮวนให้เขาออกมา

เขาเปิดถุงผ้าใบเล็กอย่างช้า ๆ ด้านบนมีประโยคหนึ่ง “เพิ่มความเร็วน้ำชะล้างตะกอน”

เสิ่นหงเหวินที่นั่งเงียบ ๆ เมื่อได้ยินเผยจี้ฉือพึมพำเบา ๆ ก็ตบต้นขาทันที “วิธีการนี้ในตำรามีบันทึกเอาไว้ แต่ไม่มีใครกล้าไปทำ!”

เป็นเพราะแนวคิดเรื่องการจัดการน้ำที่แตกต่างกัน จึงทำให้การจัดการน้ำของหลูโจวล่าช้ามาจนถึงตอนนี้