ตอนที่ 341 จริงจัง แสดงความน่าเกรงขามอีกครั้ง (1)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 341 จริงจัง แสดงความน่าเกรงขามอีกครั้ง (1)

ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงมั่นใจว่า ระหว่างซูซูและซูชี ต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน นางลอบคาดเดา หรือว่าในอดีตพวกเขาสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน หรือว่าผู้ใหญ่ของทั้งตระกูลใหญ่ได้หมั้นหมายพวกเขาทั้งสองคนตั้งแต่เด็กๆ

อย่าหาว่านางน้ำเน่า นิยายล้วนเขียนเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

รักแรกพบในวัยเด็ก นับจากนั้นความทรงจำก็ฝังรากลึกเอาไว้ในหัวใจ หรือว่าอาจจะเป็นคู่รักคู่แค้น ตอนเด็กๆ ไม่ถูกกัน เมื่อเติบโตขึ้น ต้นรักผลิบาน จึงเก็บคนคนนั้นเอาไว้ในหัวใจ

ช่างเป็นเรื่องราวที่งดงามยิ่งนัก!

แตกต่างกับนางและหนิงเซ่าชิง ทะลุมิติมาเป็นเจ้าสาวแก้เคล็ด หลังจากนั้นก็ถูกรังแก ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก… แม้นางจะดื่มด่ำและเพลิดเพลินกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็มีเรื่องเสียใจอยู่บ้าง!

แต่ว่าหากนางไม่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของมั่วเชียนเสวี่ย เช่นนั้นย่อมไม่อาจได้พบเจอหนิงเซ่าชิง ไม่อาจได้รักกับหนิงเซ่าชิงที่ตอนแรกเย็นชาราวกับน้ำแข็งกระทั่งเวลานี้รู้ใจกันและรักกัน…

อื้ม…แท้จริงแล้วเมื่อคิดให้ถี่ด้วน นี่ก็เป็นอีกเรื่องราวที่แสนจะน้ำเน่าไม่ใช่หรือ

ฉากเริ่มต้นที่แสนจะน้ำเน่า การได้รู้จักกันที่เกินจริง สุดท้ายรักกันอย่างน้ำเน่า

มั่วเชียนเสวี่ยนึกถึงหนิงเซ่าชิง คิดถึงดวงตาสีดำลุ่มลึกยามมองมาที่ตน นึกถึงกลอนรักเหล่านั้นที่หลายวันนี้ได้รับ จิตใจของมั่วเชียนเสวี่ยลอยล่องไปไกล!

ทะลุมิติมายังโลกประหลาดไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ความลำบากต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการเดินทางมาที่โลกใบนี้อย่างสูญเปล่า สุดท้ายไม่ได้พบเจอคนที่รู้ใจ ไม่ได้พบเจอคนรัก สุดท้ายกลายเป็นเรื่องน่าเศร้า เสียใจชั่วชีวิต!

มั่วเชียนเสวี่ยมีความสุข เพราะชีวิตของนางมีบุรุษนามว่าหนิงเซ่าชิงเดินเข้ามา ทั้งยังหยุดอยู่ในชีวิตของนาง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดขวางกั้น เขาก็ยืนเคียงข้างนาง เดินข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปพร้อมกับนาง ผ่านวันดีๆ และวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน

มั่วเชียนเสวี่ยไม่กลัวปัญหา แต่นางก็ไม่อยากจะสร้างปัญหา เดิมทีคิดว่างานชมดอกไม้ในครั้งนี้ อย่างน้อยด้านกลอนกวีต่างๆ น่าจะไม่มีเรื่องของนาง นางไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวโดดเด่น ใช้อุบายทำตัวโอ้อวด

งานเลี้ยงดอกท้อที่องค์หญิงอวี้เหอจัดขึ้น นางโดดเด่นมากแล้ว เกรงว่าในงานชมดอกไม้นี้ ไม่น่าจะมีผู้ใดรนหาเรื่องโดยการมาแข่งกลอนกวีกับนาง ทำให้ตนเองต้องเจ็บใจ

กล่าวถึงงานเลี้ยงดอกท้อเมื่อคราวก่อน นางไม่อยากทำตัวโดดเด่นเช่นนั้น! ทั้งหมดล้วนถูกองค์หญิงอวี้เหอบีบต้อน องค์หญิงอวี้เหอขัดขาตนหลายต่อหลายหน แม้จะเป็นมนุษย์ดินเผาก็คงขุ่นเคือง นับประสาอะไรกับนาง ดังนั้นจึงแสดงตัวออกไปเช่นนั้น ทว่าคิดไม่ถึง บนโลกใบนี้มักจะมีคนเกลียดชังเราอย่างไร้เหตุผล คอยหาเรื่องทุกอย่าง

“ได้ยินว่าบุตรีจวนกั๋วกง คุณหนูมั่วเชียนเสวี่ยช่ำชองกลอนกวี เก่งกาจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าข้ามีเกียรตินี้หรือไม่ เชิญคุณหนูมั่วเขียนกวีหนึ่งบท”

ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยเลี่ยงเรื่องวุ่นวายแล้วพูดคุยกับซูซูสองคนอย่างออกรส จู่ๆ ก็มีเสียงหวานของสตรีดังขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า หันไปมองคนที่กำลัพูด

นางเข้าใจเนื้อความที่พูด แม้เวลานี้เสียงของผู้พูดจะอ่อนหวานและอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับมีความประชดประชันและเย้ยหยันที่ไม่อาจมองข้าม นางไม่ใช่คนโง่ นางฟังออก

นางฟังออก เช่นนั้นคนอื่นๆ ก็ย่อมฟังออก

หลังจากเสียงนี้เงียบลง แทบจะทุกคนในงานชมดอกไม้ ต่างพากันหยุดพูด สายตาของพวกเขามองมาทางนางอย่างพร้อมเพรียง มีบางคนมองมาที่มั่วเชียนเสวี่ยอย่างมีเลศนัย มีบางคน มองคนที่พูดเสียงดังด้วยความสงสัยใคร่รู้ ทั้งยังมีคนยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบแล้วทำทีราวกับกำลังดูเรื่องสนุก

มั่วเชียนเสวี่ยมองไปตามต้นเสียง เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่ข้างดอกโบตั๋น

นางสวมเสื้อสีขาวเรียบง่ายตัวยาว ใช้ด้ายสีน้ำตาลเย็บปักเป็นรูปกิ่งไม้ที่งดงาม ด้ายสีชมพูดอกท้อถักร้อยเป็นรูปดอกเหมยบานสะพรั่ง ไล่จรดไปถึงเอว ผ้าผูกเอวสีม่วงผืนใหญ่รัดเอวบางแน่น เผยให้เห็นร่างอรชรของนาง ทำให้คนรู้สึกถึงความสง่างามทว่าไม่คลายความหรูหรา

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าของนาง หน้าม้าที่ทั้งบางและยาวปล่อยลงมาอย่างเรียบร้อย คิ้วที่วาดด้วยถ่าน ขับผิวขาวของนางให้นวลเนียนยิ่งขึ้น ดวงตาหงส์ชวนหลงใหล ผิวอมชมพูด ริมฝีปากแดงระเรื่อ

มั่วเชียนเสวี่ยชะงัก…

พูดตามตรง สตรีงดงามเช่นนี้ นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก งดงามยิ่งกว่าซูซู งดงามยิ่งกว่าหลันรั่วเมิ่ง กล่าวได้ว่า งดงามยิ่งกว่าเจี่ยนชิงโยวถึงสามส่วน!

ทว่า เมื่อมองอย่างพิจารณาอีกครา แม้สตรีคนนี้จะมีรูปโฉมงดงาม แต่มีความงดงามเสมือนมารเล็กน้อย ขาดความสง่า

แต่ว่าสตรีคนนี้คือใครกันแน่ เหตุใดจึงเกลียดชังตนเล่า

มีเสียงร้องดังขึ้นในกลุ่มคนเป็นครั้งคราว คล้ายเพิ่งเห็นสตรีที่งดงามราวกับเทพเซียนบนท้องฟ้า

เมื่อสตรีคนนั้นได้ยินผู้คนชื่นชมในความงดงามของนาง นางยิ่งลำพองใจมากกว่าเดิม!

แม้จะยังคงเป็นสีหน้าอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ตาบอด นางเห็นความทระนงและลำพองใจที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าในใจ สตรีรูปโฉมงดงามเช่นนี้ แต่กลับโง่เขลา ช่างน่าเสียดายจริงๆ นางไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน มองไปที่สตรีคนนั้นด้วยแววตานิ่งสงบ พูดเสียงเรียบ “ขอโทษด้วย เจ้าไม่มีเกียรตินี้!”

เทียบกับการเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนอ่อนโยนของสตรีคนนั้น มั่วเชียนเสวี่ยดูสง่างามและสูงส่ง

แม้สตรีคนนี้จะงดงาม แต่มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่นักแสดงที่จะให้คนมาท้าทายพร่ำเพรื่อ ออกคำสั่งตามต้องการ

สตรีคนนี้ ไม่มีสิทธิ์!

สิ้นเสียงของมั่วเชียนเสวี่ย งานชมดอกไม้เดือดพล่านทันที!

คนทั่วทั้งเทียนฉีต่างรู้ดีว่ามั่วเชียนเสวี่ยบุตรีจวนกั๋วกงเป็นสตรีดื้อรั้น! ใจกล้าถึงขั้นกล้าสังหารผู้คน ในท้องพระโรง นางพูดจาฉะฉาน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความสามารถ หากจะบอกว่าที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่เป็นที่ตกตะลึง เช่นนั้นฐานะว่าที่นายหญิงตระกูลชั้นสูงตระกูลหนิง เรียกได้ว่าโดดเด่นและเจิดจรัสยิ่งนัก!

นางมีสิทธิ์จะเย่อหยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเย่อหยิ่งเช่นนี้!

บรรดาสตรีต่างยินดียินร้ายในหายนะของผู้อื่น ในความคิดของพวกนาง หญิงงามที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ทำให้พวกนางริษยาจนแทบคลั่ง!

เวลานี้ พวกนางอยากจะให้หญิงงามกับมั่วเชียนเสวี่ยฆ่าฟันกัน หลังจากนั้นให้มั่วเชียนเสวี่ยข่วนหน้าสุนัขจิ้งจอกตนนี้ให้เสียโฉม! ให้นางไม่กล้ามาสร้างปัญหาอีก

แน่นอน สุดท้ายทางที่ดีที่สุดคือฮ่องเต้สั่งประหารมั่วเชียนเสวี่ย! เช่นนี้พวกนางก็จะยิ่งมีความสุข!

ทำลายรูปโฉมของหญิงงาม อีกหนึ่งสตรีผู้โดดเด่นและเจิดจริสก็ดับสูญ แน่นอนว่าพวกนางจะเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์!

บางคน ถึงขั้นคิดว่า หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยตาย บางทีพวกนางอาจจะกลายเป็นนายหญิงในอนาคตของตระกูลชั้นสูง นั่นเป็นเรื่องที่ดีจนไม่อาจบรรยาย!

บรรดาสตรีคิดเช่นนี้ แต่บรรดาบุรุษกลับคิดอีกแบบ!

บรรดาบุรุษโดยมากไม่จุ้นจ้านเหมือนสตรี มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่แต่งเข้าเรือน พวกเขาเพียงเคยได้ยินชื่อของคุณหนูมั่ว แล้วจะคิดเชื่อมโยงมั่วเชียนเสวี่ยที่ถ่อมตนกับว่าที่ภรรยาหัวหน้าตระกูลหนิงประสานเข้าด้วยกันได้อย่างไร

———————————————-