ตอนที่ 342 จริงจัง แสดงความน่าเกรงขามอีกครั้ง (2)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 342 จริงจัง แสดงความน่าเกรงขามอีกครั้ง (2)

อีกด้านหนึ่ง แม้ฮ่องเต้จะมอบสมรสพระราชทานให้นางกับหนิงเซ่าชิง ทว่า ตระกูลหนิงไม่เคยทาบทามสู่ขออย่างเป็นทางการ คนที่ทราบเรื่องนี้จึงมีไม่มาก พวกคนที่ไม่มีการศึกษา ไม่สนใจการเมือง ก็ยิ่งน้อยที่จะรู้

ด้วยเหตุนี้ พวกปัญญาชนที่ไม่รู้ฐานันดรศักดิ์ของมั่วเชียนเสวี่ยจึงพูดขึ้น “คุณหนูมั่วไม่รู้สึกว่าตนเองพูดเกินไปหรือ”

บรรดาคุณชายเสเพลส่วนหนึ่งที่หน้ามืดหลงใหลไปกับความงดงามชั่วขณะพูดขึ้น “จริงด้วย! คุณหนูท่านนี้เชิญคุณหนูมั่วเขียนบทกวี นั่นเป็นเพราะให้เกียรติท่าน ท่านช่างไม่ให้คุณค่าผู้อื่นจริงๆ!”

ทั้งยังมีพวกคนที่ไม่รู้ความ ไม่เข้าใจสถานการณ์ “สตรีเช่นนี้ ควรค่าแก่การมาที่นี่ได้อย่างไร เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ศักดิ์สิทธิ์! เป็นการหยามเกียรติ!”

บรรดาซิ่วไฉ ปัญญาชนที่โง่เขลาเหล่านี้หลังจากเห็นความงดงามของสตรีคนนั้น ก็กลายเป็นทาสรับใช้ของสตรีคนนั้นไปนานแล้ว! แน่นอนว่าย่อมทำทุกอย่างเพื่อสตรีคนนั้นเป็นธรรมดา!

ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยปฏิเสธคำขอของหญิงงามของพวกเขา ไม่รู้จักเจียมตนเลยจริงๆ! แล้วพวกเขาจะยอมได้อย่างไร

ดังนั้น ชั่วขณะหนึ่งงานชมดอกไม้จึงเต็มไปด้วยเสียงดังเอะอะโวยวาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเสียงบรรดาคุณชายด่าทอมั่วเชียนเสวี่ย

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใส่ใจ

หากนางใส่ใจคำพูดของทุกคน เช่นนั้นนางตายไปนานแล้ว!

ท่านหญิงซูซูมองซ้ายมองขวารอบหนึ่ง ลอบยกนิ้วโป้งให้มั่วเชียนเสวี่ย

ไม่ว่าจะได้รับคำชื่นชมหรือด่าทอล้วนนิ่งเฉย! น่าเกรงขามยิ่งนัก!

มั่วเชียนเสวี่ยส่งยิ้มบางๆ ให้ซูซู โดยไม่ได้พูดสิ่งใด

นางเป็นคนวางตัวดี สาเหตุที่วันนี้นางไม่ไว้หน้ากัน เป็นเพราะสตรีคนนี้พูดจาโอหังเกินไป แล้วมั่วเชียนเสวี่ยคนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอดทนแต่อย่างใด เวลานี้เกียรติของนาง ไม่ใช่แค่ของนางเท่านั้น แต่เป็นเกียรติของหนิงเซ่าชิงด้วย

คนจิตใจดีถูกรังแก ม้าเชื่องถูกคนขี่!

นางอยากจะเป็นคนที่อยู่เหนือผู้คน ไม่จำเป็นต้องยโสโอหัง แต่เรื่องบางเรื่อง ต้องมีความทระนงระดับหนึ่ง วางตัวอย่างเหมาะสม!

สตรีเช่นนี้ ให้เกียรตินาง ถือว่าใจดีแล้ว

เดิมทีอวี่เหวินหันเหล่ยเพียงอยากให้มั่วเชียนเสวี่ยอับอายขายหน้าก็เท่านั้น!

จากข้อมูลที่นางได้รับ มั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนอ่อนแอ แม้หลังจากกลับเข้าเมืองหลวงตลอดหนึ่งเดือนมานี้จะทำเรื่องน่าตกตะลึงหลายอย่าง ทว่าอวี่เหวินหันเหล่ยไม่ได้สนใจ

นางคิดว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงการกระทำของคนที่อยู่รอบตัวมั่วเชียนเสวี่ยเท่านั้น

ทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่า พี่เซ่าชิงคอยจัดแจงอยู่เบื้องหลัง

นางไม่เชื่อว่า สตรีอ่อนแอไร้ความสามารถ หลังจากหายตัวไประยะหนึ่งเมื่อกลับมาปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้ง จะเปลี่ยนเป็นคนละคน

คนที่อยู่รอบตัว ล้วนช่วยนางร้องเรียนความไม่ยุติธรรม สิ่งนี้ทำให้อวี่เหวินหันเหล่ยลำพองใจยิ่งนัก!

พี่เซ่าชิงหลงใหลหญิงชั่วช้าคนนี้ อีกทั้งมั่วเชียนเสวี่ยก็เคยโชคดีช่วยพี่เซ่าชิงเอาไว้ ดังนั้นจึงทูลขอสมรสพระราชทานที่ตำหนักจินหลวนเป่า

วันนี้นางจะบดขยี้มั่วเชียนเสวี่ย ให้มั่วเชียนเสวี่ยรับรู้สิ่งใดคือการรู้ว่ายากแล้วยอมพ่ายแพ้!

ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่า นางไม่ควรค่าที่จะเป็นนายหญิงของตระกูลหนิง

ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่า มีแค่นาง อวี่เหวินหันเหล่ยเท่านั้น คู่ควรที่จะเป็นสตรีที่อยู่เคียงข้างพี่เซ่าชิง!

“คุณหนูเชียนเสวี่ยพูดเช่นนี้ หมายความว่าหันเหล่ยไม่มีสิทธิ์เชิญคุณหนูเขียนกลอนหรือเจ้าคะ”

คนที่พูดถ้อยคำนี้ ต้องเป็นคนมีวาทศิลป์เพียงใด!

ตอบหรือไม่ตอบเป็นเรื่องของมั่วเชียนเสวี่ย แต่สตรีที่ชื่อหันเหล่ยกลับโยงถึงคำว่า ‘สิทธิ์’ คำพูดของนางไม่ชวนฟังเลยจริงๆ!

ถึงแม้ ภายในใจของมั่วเชียนเสวี่ยจะคิดเช่นนี้ แต่นางไม่อาจพูดออกไปได้

คนฉลาดอาจจะรู้ว่านี่คือหลุมพรางที่อวี่เหวินหันเหล่ยขุดเอาไว้ให้นาง คนโง่เขลา ก็จะบอกว่ามั่วเชียนเสวี่ยหยิ่งยโส อาศัยที่ตนเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลหนิงแล้ววางมาดยิ่งใหญ่ข่มเหงผู้อื่น…

สายตาคมเฉียบของมั่วเชียนเสวี่ยมองไปที่อวี่เหวินหันเหล่ย หากสตรีคนนี้ไม่อาจสร้างเรื่อง เกรงว่านางคงไม่ยอมแพ้กระมัง

“วาจาของคุณหนูท่านนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก เชียนเสวี่ยไม่ได้อยากเขียนกลอนกวีแต่อย่างใด เหตุใดคุณหนูกลับบอกว่ามีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์”

ในเมื่อเจ้าอยากจะถกเถียงเอาชนะข้าให้ได้ เช่นนั้นเราก็มาประชันกัน!

เมื่ออวี่เหวินหันเหล่ยได้ยินเช่นนี้ แสงสว่างแล่นผ่านดวงตาของนางครู่หนึ่ง คล้ายตกใจกับการบีบต้อนของมั่วเชียนเสวี่ย

นางมีความรู้ความสามารถด้านการแต่งกลอนกวี ถือว่าเป็นคนมีความสามารถโดดเด่น

ทว่ากับคนอย่างมั่วเชียนเสวี่ย ไม่ใช่คู่แข่งของนาง!

เมื่อเป็นเช่นนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนยโสโอหัง แล้วเมื่อพ่ายแพ้ให้กับกลอนกวีของตน…กลอนสองบนนั้นอวี่เหวินหันเหล่ยอ่านแล้ว เป็นกลอนที่ไพเราะมาก นางไม่คิดว่าสตรีคนหนึ่งจะแต่งกลอนได้ไพเราะเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นกลอนที่พี่เซ่าชิงแต่งตามความรู้สึกของตนตอนอยู่ข้างนอกก็ได้ แล้วยกให้มั่วเชียนเสวี่ย

หากทำให้มั่วเชียนเสวี่ยอับอายต่อหน้าผู้คน ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพี่เซ่าชิงแล้ว ค่อยอ้างเจตนาของเหล่าฮูหยินแล้วปฏิเสธนาง! แต่นี่เหนือความคาดหมายของตนอย่างเห็นได้ชัด!

“สามหาว! เจ้าเอาความกล้ามาจากที่ใดจึงกล้าพูดเช่นนี้กับคุณหนูของเรา เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูของเราเป็นญาติผู้น้องของตระกูลหนิง! สตรีเช่นเจ้า ยังไม่รีบก้มคำนับยอมรับความผิดกับคุณหนูอีก!”

ทุกคนยังไม่ได้พูดถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น จู่ๆ สาวใช้ที่ยืนข้างอวี่เหวินหันเหล่ยก็พูดโพล่งออกมา ใช้คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผลและวาทะสัจธรรมในการโจมตีมั่วเชียนเสวี่ย

ตระกูลหนิง? ตระกูลหนิงที่เป็นตระกูลขุนนางใหญ่เช่นนั้นหรือ

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ เต็มไปด้วยเสียงเกรียวกราวทันที!

เพียงแค่คิด ไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลใด รูปโฉมงดงามเช่นนี้ ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้! เป็นถึงญาติผู้น้องของตระกูลขุนนางใหญ่เยี่ยงตระกูลหนิง!

เพียงครู่หนึ่ง ผู้คนที่เดิมทีล้อมวงดูเรื่องสนุก พวกคุณหนูที่ทราบเรื่องภายในต่างพูดคุยกัน สถานการณ์ฮือฮาไปชั่วขณะ!

พวกนางคิดว่า ว่าที่นายหญิงตระกูลหนิงอย่างมั่วเชียนเสวี่ยนั้นน่าสนใจอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราวเท่านั้น วันข้างหน้าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ผู้ใดจะล่วงรู้

ผู้ใดจะรู้ว่าวันข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดหรือไม่

เมื่อก่อนฮูหยินคุณชายรองหนิง ได้ยินว่าหมั้นหมายกับคุณชายใหญ่ แต่ในตอนหลัง กลับตบแต่งเข้าเรือนไปเป็นฮูหยินของคุณชายรอง ไม่เพียงแค่นี้ ได้ยินว่าตอนนี้ไม่เป็นที่โปรดปรานของคุณชายรองแม้แต่น้อย

ในที่แห่งนี้ผู้มีฐานันดรศักดิ์คนใดบ้างที่จะไม่กระจ่างชัดเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก เป็นไปได้อย่างไรที่นายท่านและฮูหยินที่คอยดูแลตระกูลจะไม่เล่าให้พวกนางฟัง

การแต่งงานของมั่วเชียนเสวี่ยและหนิงเซ่าชิง เป็นความหวาดกลัวของฝ่าบาท

จบพิธีปักปิ่นและทาบทามสู่ขอ หลังจากผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วจะแต่งเข้าตระกูลเช่นนั้นหรือ ผู้ใดบ้างจะรับประกันว่าวันใดวันหนึ่งมั่วเชียนเสวี่ยจะไม่ตายกะทันหัน

ดังนั้น แม้ฐานันดรศักดิ์ของมั่วเชียนเสวี่ยในตอนนี้จะน่าอิจฉา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึง ในทางตรงกันข้าม! ญาติผู้น้องตระกูลหนิงคนนี้ต่างหากคือหงส์ที่แท้จริง!

คนตระกูลหนิง แม้วันข้างหน้าตบแต่งออกเรือน ก็ยังคงเป็นสายเลือดของตระกูลหนิง แม้ผูกมิตรกับนางจะไม่ทำให้มั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี!

———————————————-