บทที่ 234 ให้โอกาสข้ารักท่านสักครั้งได้หรือไม่

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 234 ให้โอกาสข้ารักท่านสักครั้งได้หรือไม่

“ไม่เป็นไร เพียงแค่ร้อนนิดหน่อย และก็ไม่รู้ไอ้สารเลวที่ไหนวางยาข้า หากให้ข้าจับได้นะต้องสับมันให้เป็นแน่ๆ” หยุนถิงกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดึงเข็มเงินที่เสียบมวยผมออกมาฝังเข็มให้ตนเองทันที

มีโม่เหลิ่งเหยียนอยู่ หยุนถิงไม่กังวลเลยสักนิด ถึงโลกภายนอกจะเล่าลือกันว่า โม่เหลิ่งเหยียนเย็นชาโหดเหี้ยม อำมหิตกระหายเลือด เป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าซื่อจื่อ แต่หยุนถิงรู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนสง่าเปิดเผย ดีกว่าโม่ฉือหานมากนัก

ซวนอ๋องได้ยินเสียงดังของนางแล้ว ก็รู้ว่านางไม่เป็นไร

“เจ้ามิใช่ร้อยพิษไม่กล้ำกรายรึ จะโดนวางยาได้ยังไง?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

หยุนถิงสีหน้าหงุดหงิด “ข้าร้อยพิษไม่กล้ำกรายจริง แต่ยานี้มันไม่ใช่พิษน่ะสิ ข้าล่ะเซ็งจริง ข้าไปโดนตอนไหนกัน ไม่รู้ตัวเลยสักนิด”

“งั้นเจ้ากินอะไรดื่มอะไรล่ะ?” สีหน้าโม่เหลิ่งเหยียนดำทะมึนขึ้นมาทันที

วินาทีนี้เขาดีใจยิ่งนักที่ตนรีบมา หากมาช้าอีกเพียงนิด โม่เหลิ่งเหยียนไม่กล้าคิดเลยว่า โม่ฉือหานจะทำอะไรหยุนถิง

หยุนถิงคิดๆดู “ข้ากินผลไม้ อาหาร และเหล้าในงานเลี้ยงน่ะแหละ อย่างอื่นไม่ได้กินเลย และเมื่อครู่ตอนไปปลดทุกข์ข้าก็ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษว่าไม่ได้กลิ่นอะไรเลยนะ”

“เช่นนั้นก็มีต้องมีคนเล่นตุกติกในเหล้าของเจ้าแล้วล่ะ” โม่เหลิ่งเหยียนพูดอย่างมั่นใจ

“ดูท่างานเลี้ยงคืนนี้จะไม่ธรรมดานะ” หยุนถิงถอนหายใจยาว

งานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรครั้งนี้ฮองเฮาเป็นผู้รับผิดชอบ นางสามารถนั่งมั่นตำแหน่งผู้นำวังหลังมาได้หลายปีนี้ น่าจะไม่ได้ไม่มีสมอง แต่เป็นลองแนวใหม่ หรือลองเสี่ยงดูสักตั้ง ก็ไม่รู้แล้วงานนี้

“หากเหล้ามีปัญหา เช่นนั้นซื่อจื่อเองก็ต้องดื่มด้วย ซวนอ๋องท่านเห็นจวินซื่อจื่อหรือไม่?” หยุนถิงถาม

โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว “ตอนข้าออกมา จวินหย่วนโยวไม่อยู่ในงานเลี้ยง”

“หรือว่าซื่อจื่อออกมาตามหาข้า?” หยุนถิงพลันรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก

หากมีใครจะจัดการเธอ ลงมือตามลำพังก็ได้แล้ว ในเมื่อกล้าเล่นตุกติกในเหล้าได้ หรือว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือตนเองกับซื่อจื่อ พอคิดถึงบทสนทนาของชายหญิงคู่นั้นที่ได้ยินที่แปรพระราชฐาน หยุนถิงพลันออกมาจากน้ำ

“ข้าจะไปหาซื่อจื่อ”

โม่เหลิ่งเหยียนรีบหมุนตัวกลับมา และฉุดนางขึ้นจากน้ำ “จวินหย่วนโยวจะเป็นอะไรได้”

“อีกฝ่ายลงมือหนักกับข้าเช่นนี้ ข้ากลัวว่าซื่อจื่อจะมีอันตรายเช่นกัน” หยุนถิงบอก

เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบร่างหยุนถิง เผยให้เห็นเรือนร่างอรชร โม่เหลิ่งเหยียนสูงกว่าหยุนถิงครึ่งหัว พอเขาก้มหน้าก็มองเห็นเสื้อผ้าตรงหน้าอกนาง

บนเสื้อชั้นในสีแดงปักดอกเหมยเอาไว้ ตอนนี้มันแนบติดหน้าอกหยุนถิง ทำเอาสายตาโม่เหลิ่งเหยียนทุ้มขึ้น

“ฮัดเช้ย!” หยุนถิงพลันลุกขึ้นจากน้ำ ลมหนาวพัดมา เธอฮัดเช้ยทันที

“เจ้าจะไม่สบายเอาได้นะ” โม่เหลิ่งเหยียนจับมือหยุนถิงไว้ และใช้กำลังภายในช่วยทำให้เสื้อผ้านางแห้ง

“ขอบคุณซวนอ๋องมาก”

“เจ้าช่วยพี่สาวและหลานชายข้า ก็เป็นผู้มีพระคุณของข้า ไม่ต้องเกรงใจข้าดอก” โม่เหลิ่งเหยียนพาหยุนถิงกลับไป

ถึงฤทธิ์ยาในตัวนางจะโดนระงับไว้ชั่วคราว แต่เรี่ยวแรงยังไม่กลับมา หากพบเจออันตราย หยุนถิงกลัวจะรับมือไม่ไหว

“ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรรึ ต้องโทษที่ข้าเผอเรอเกินไป?” พวกหลงเอ้อร์รีบพุ่งเข้ามา

“ข้าไม่เป็นไร มีซวนอ๋องคุ้มครองข้าอยู่ เจ้ารีบพาคนไปตามหาซื่อจื่อ ข้ากลัวซื่อจื่อจะมีอันตราย” หยุนถิงบอก

หลงยีสีหน้าเคร่งเครียด “ฮูหยิน ซื่อจื่อให้พวกข้ามาปกป้องท่าน”

“มีคนเล่นตุกติกในเหล้าของพวกเรา เมื่อครู่ซวนอ๋องบอกว่าซื่อจื่อไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง ดังนั้นข้ากลัวว่าเขาจะเกิดเรื่อง พวกเจ้ารีบไปตามหาซะ” หยุนถิงบอกอย่างกังวล

“ได้ เช่นนั้นรบกวนซวนอ๋องคุ้มครองฮูหยินของเราด้วย” หลงยีรีบพาคนจากไป

หลงเอ้อร์ไม่ได้ไป แต่ยังอยู่ เขาเป็นห่วงหยุนถิง

ทางนี้ จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงออกมานานแล้วยังไม่ได้กลับมา พอคุยธุระกับฮ่องเต้เสร็จก็ลุกขึ้นเดินไปข้างนอก

พอซ่างกวนหรูเห็นจวินหย่วนโยวจากไป จึงรีบตามไปทันที

จวินหย่วนโยวผ่านช่องทางเดินสองช่อง กำลังจะไปทางนั้น พลันมีขันทีน้อยโผล่มาขวางไว้ “จวินซื่อจื่อ ท่านตามหาคุณหนูหยุนอยู่กระมัง เมื่อครู่ข้าน้อยเห็นคุณหนูหยุนกับคุณหนูโม่ไปทางอุทยาน”

จวินหย่วนโยวเหล่มองขันทีน้อยนั่น เห็นสีหน้าเรียบเฉยนอบน้อมของเขา สายตาไม่หลุกหลิกเลยสักนิด ถึงได้เลี้ยวไปทางอุทยาน

เพียงแต่พอจวินหย่วนโยวไปถึง วนอุทยานรอบหนึ่งก็ยังไม่เจอหยุนถิง สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นชาลง และพลันเห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไม่ไกล ชุดนั้นเป็นชุดที่หยุนถิงใส่มาในคืนนี้

“หยุนถิง!” จวินหย่วนโยวร้องเรียก แต่คนผู้นั้นไม่ได้หยุดลง แต่ยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไป

บางทีอาจเพราะอยู่ไกลเกินไป ดังนั้นนางเลยไม่ได้ยิน

จวินหย่วนโยวรีบเดินตามไปทันที พอเห็นนางเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง จวินหย่วนโยวก็เปิดประตูตามเข้าไป

ในห้องไม่ได้จุดตะเกียง มืดมาก อาศัยแสงจันทร์เห็นสิ่งของในห้องได้กลายๆ

“หยุนถิง เจ้าอยู่ที่ไหน?” จวินหย่วนโยวเรียกเสียงเบา

ทันใดนั้นมีคนเข้ามากอดจวินหย่วนโยวจากด้านหลัง และแนบร่างกับร่างเขา เสนอตัวก่อนยิ่งนัก

แววตาจวินหย่วนโยวฉายแววยิ้ม นังหนูนี่ช่างใจกล้าจริง กล้าทำเช่นนี้ในพระราชวัง “ว่าง่ายนะ กลับก่อนค่อยทำ ฝ่าบาทยังรออยู่เลยนะ”

เสียงทุ้มน่าฟัง เต็มไปด้วยความอ่อนโยนกับรักใคร่

คนด้านหลังไม่ได้หยุด แต่กลับยื่นมือไปแกะสายรัดเอวของจวินหย่วนโยว ท่าทางดูรีบร้อนนัก

มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวจับสองมือที่โอบเอวไว้ เพียงแต่สัมผัสนั้นทำให้เขาได้สติขึ้นมาฉับพลัน

เขาเคยลูบมือของหยุนถิงนับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะเรียบลื่นนุ่ม แต่ก็มีความแข็งกระด้างอยู่บ้าง แต่มือที่เอวนี่กลับราวกับไร้กระดูก สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นชาลงฉับพลัน สะบัดมือที่เอวออกโดยพลัน และหมุนตัวกลับมาบีบคอคนผู้นั้นอย่างแรง

“เจ้าเป็นใคร?”

เสียงเย็นเยียบ ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด

ซ่างกวนหรูมองจวินหย่วนโยวอย่างไม่อยากจะเชื่อและตกใจ นางไม่คิดว่าเขาจะจำได้ว่าตนไม่ใช่หยุนถิงรวดเร็วปานนี้

“ซื่อจื่อ ข้าเอง” ซ่างกวนหรูตอบอย่างเย้ายวน

ดวงตาดำขลับของจวินหย่วนโยวคมปลาบดุจใบมีด มือที่บีบคอหอยนางออกแรงหนักขึ้น “หยุนถิงอยู่ที่ไหน?”

“หยุนถิงอยู่ที่ไหน ข้าจะรู้ได้อย่างไร” ซ่างกวนหรูตอบอย่างริษยา

“น่าตายนัก!” จวินหย่วนโยวสะบัดนางออก ยกเท้าจะจากไป แต่เรี่ยวแรงกลับพลันเหือดหายไปหมด ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา เหมือนโดนเตาเผาสุมก็ไม่ปาน

ซ่างกวนหรูล้มลงกับพื้น เจ็บปวดยิ่งนัก แต่นางไม่มีเวลาสนใจ คืบคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างอดทนความเจ็บปวด และโผเข้าอ้อมกอดจวินหย่วนโยวทันที

“ซื่อจื่อ ข้ารักท่าน ข้ารักท่านมาตั้งแต่เด็ก เหตุใดท่านมองไม่เห็นข้าเลย ข้ามีสิ่งใดสู้หยุนถิงไม่ได้กันแน่ ข้ารักท่านมากจริงๆนะ

เพื่อให้คู่ควรกับท่าน ข้าร่ำเรียนท่องกลอนบทเพลงเต้นรำแต่เล็ก พิณหมากหนังสือภาพ พยายามทำให้ตนโดดเด่น ให้ตนสามารถมีความสามารถยืนเคียงข้างท่านได้อย่างไม่อายใคร

ซื่อจื่อขอท่านได้โปรดให้โอกาสข้าสักครั้งได้หรือไม่ ให้โอกาสข้าได้รักท่านสักครั้ง ข้ารับรองว่าจะดีกับท่านยิ่งกว่าหยุนถิงเสียอีก” ซ่างกวนหรูอ้อนวอน ยื่นมือจะไปถอดเสื้อผ้าจวินหย่วนโยว