บทที่ 276 เป็นผู้หญิงที่ชีวิตขมขื่นเหมือนฉินเซียงเหลียนเลย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 276 เป็นผู้หญิงที่ชีวิตขมขื่นเหมือนฉินเซียงเหลียนเลย

บทที่ 276 เป็นผู้หญิงที่ชีวิตขมขื่นเหมือนฉินเซียงเหลียนเลย

ตอนซูเสี่ยวเถียนได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมาก

นี่มันอะไรกันเนี่ย? ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของอาเขยหรือ?

แล้วอาใหญ่คืออะไรล่ะ?

ไม่ ไม่สิ ไม่ควรคิดแบบนี้ อาเขยกับอาใหญ่แต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วนะ ไม่มีข้อสงสัยใดในเรื่องนี้เลย

แต่จดทะเบียนแล้ว ไม่น่าเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า?

ในตอนที่เสี่ยวเถียนคิด ก็ได้ยินเสียงของเฉินจื่ออันเอ่ยขึ้นมากอีกครั้ง

“ตอนนั้นพวกเราแต่งงานกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นคุณก็คิดว่าผมตาย เลยไปแต่งงานใหม่ และการแต่งงานของเราจึงจบไปโดยปริยาย!” จื่ออันกล่าวอย่างอดทน

“เราจะไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันได้ยังไง? พวกเราเคยกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันนะ” ชุนนีหาเสียงตัวเองไม่เจอ

ชัดเลยว่าชุนนีไม่ได้คิดแบบนั้น ในใจเธอคิดว่าเฉินจื่ออันน่าจะยังรอเธออยู่

“แต่คุณก็ไปกราบไหว้ฟ้าดินอีกครั้ง!” จื่ออันระงับความโกรธไว้ น้ำเสียงเย็นเฉียบ กัดฟันพูดออกมาอย่างรวดร้าว

ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง และยังไม่คิดอีกว่าจะโดนเธอหักหลังด้วย

ตอนนี้จื่ออันอยู่ในสภาพสับสน ส่วนหม่านซิ่วก็โดนมีดบาดเพิ่งวิ่งร้องไห้ออกไป ชุนนีจะต้องพูดอะไรไม่ดีใส่เธอแน่ ๆ

เขาอยากรีบไปบ้านข้าง ๆ เพื่อไปหาภรรยากับลูก แต่บอกได้ไม่ชัดเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าจะพูดอะไร

“พ่อ แม่บอกว่าถ้ามาหาพ่อ พวกเราจะได้กินข้าว! หนูหิวมากเลย”

มีเสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้นมาจากในสวน

เสี่ยวเถียนตกใจ นี่มันอะไรกัน? มีลูกด้วยหรือ?

สิ่งแรกที่คิดคือ แล้วซิ่วหย่วนจะทำอย่างไร?

ไม่ว่าอย่างไร แบบนี้ก็ไม่ดีแล้วนะ!

แต่เธอจะทำอย่างไรได้บ้างล่ะ? นี่มันเรื่องครอบครัวของอาใหญ่ ส่วนเธอเป็นแต่หลานสาว จะพูดอะไรเยอะไม่ได้

เฉินจื่ออันมองเด็กตรงหน้าด้วยความขยะแขยง

ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเด็กนั้นไร้เดียงสา แต่ไม่ว่าจะไร้เดียงสาขนาดไหน หากเกี่ยวข้องกับโลกของผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ไม่มีวันชอบเด็กแบบนี้หรอก

เสี่ยวเถียนอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน นับประสาอะไรกับความคิดของเฉินจื่ออันล่ะ

เธอแค่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเถียนก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้ววิ่งเข้าไปในสวน

“อาเขยขา อาเขย ได้เวลากินข้าวแล้ว ย่าให้หนูมาตามอาไปกินเกี๊ยว!”

สิ่งที่เธอพูดออกมาไม่ใช่เรื่องโกหก อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องไปกินเกี๊ยวด้วยกันอยู่แล้ว

ตอนพูด เธอยังเข้าไปหาจื่ออันโดยตรงด้วย ไม่ได้มองสามแม่ลูกที่อยู่ด้านข้าง ทำเหมือนว่าไม่เห็นที่คนแปลกหน้าพวกนี้โผล่มาจากไหนไม่รู้

เธออยากรู้ว่าจื่ออันจะแสดงสีหน้าแบบไหน

สีหน้าอีกฝ่ายไม่มีความตื่นตระหนก แต่กลับมีสีหน้าประหลาดใจไปชั่วขณะ

“อาเขย นี่ใครหรือคะ?” เสี่ยวเถียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วถามด้วยรอยยิ้มน่ารัก

จื่ออันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เสี่ยวเถียน นี่ภรรยาเก่าของอาเอง!”

หลานสาวคนนี้ฉลาดกว่าวัย

จากจิตสำนึกคือ จื่ออันรู้สึกว่าเขามีบางอย่างที่ต้องพูดให้ชัดเจนต่อหน้าเด็กคนนี้

เสี่ยวเถียนไม่แปลกในใจคำพูดเท่าไร ผู้หญิงที่แต่งงานใหม่ก็เป็นภรรยาเก่าไม่ใช่หรือ?

สิ่งที่ต้องรู้ให้ชัดคือ เด็กสองคนนี้คือใคร?

ถ้าเป็นลูกของอาเขยจริง น่าจะลำบากมาก

ถ้าให้อาใหญ่เป็นแม่เลี้ยงคงไม่ใช่เรื่องดี

“ยังมีเด็กอีกสองคน เหมือนอายุน้อยกว่าหนูนะ ใครหรือคะอาเขย?”

จื่ออันมองเด็กสองคน ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร

เด็กสองคนนี้เป็นใคร เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“นี่คือลูกของภรรยาเก่าอากับสามีใหม่น่ะ” ในที่สุดจื่ออันก็ให้คำแนะนำได้แค่นี้

หัวใจที่แขวนอยู่ถูกปล่อยลงมา

ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเครียด

ไม่สิ ถ้าเรื่องราวมันง่ายขนาดนี้ ทำไมอาใหญ่ต้องร้องไห้ด้วย?

เธอมองจื่ออันอย่างระมัดระวัง แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจว่าทำไม

เสี่ยวเถียนหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่า…

เขาไม่กล้าคิดเลย

“ผมจะจัดการพวกคุณก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้จะส่งกลับไป!” จื่ออันพูดอย่างเย็นชา

“ฉันไม่กลับ ฉันอยากอยู่กับคุณ!”

ชุนนีพูดตรง ๆ ถึงเสียงของเธอจะแผ่วเบา แต่น้ำเสียงไม่วอกแวกและเต็มไปด้วยความมั่นใจ

จื่ออันแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้วิ่งเข้ามาหาเขา ทั้งยังบอกว่าอยากใช้ชีวิตด้วย เธอคิดจะทำอะไรเนี่ย?

“ผมแต่งงานและมีภรรยาแล้ว!” แต่จื่ออันยังคงอดทนอดกลั้น

แต่ชุนนีไม่คิดเช่นนั้น เธอร้องไห้ทันที เสี่ยวเถียนที่เห็นก็ผงะไป

แค่บอกว่าร้องไห้ก็ร้องได้เลยหรือ?

ถึงหน้าตาจะไม่สวย แต่รูปลักษณ์นุ่มนวลและอ่อนโยน สามารถกระตุ้นความสงสารคนอื่นได้

แสดงเก่งเกินไปแล้ว?

ถ้าเป็นช่วงสิบปีให้หลัง รางวัลออสการ์จะเป็นของเธอแน่!

“จื่ออัน คุณไม่ต้องการพวกเราสามแม่ลูกไม่ได้นะ พวกเรามาหาคุณเพราะอับจนหนทางแล้ว”

ถึงจะร้องไห้ แต่ไม่ได้ขวางชุนนีไปจากการแสดงทักษะเลย

เสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว

นิสัยอาใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้หญิงตรงหน้านี้จริง ๆ ความสามารถในการแสดงละครของเธอ ต่อให้มีอาใหญ่สิบคนก็สู้ไม่ได้เลย

ไม่แปลกใจที่อาของเธอจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง

เธอมองเฉินจื่ออันอย่างครุ่นคิด ปัญหาแบบนี้ จื่ออันต้องจัดการ คนอื่นจะยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้

ส่วนจื่ออันเข้าใจว่าเสี่ยวเถียนหมายถึงอะไร

และยังรู้อีกว่าไม่มีที่ให้ระบายความโกรธด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานใหม่ไปแล้วตั้งหลายปี แต่ยังถ่อมาหาถึงบ้านได้อีกหรือ?

ถ้าหวังมาใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อเอาเงินกับอาหารก็ให้ได้ มันก็แค่เหมือนเอาอาหารให้ชาวบ้านแบบนั้นก็พอแล้ว

แต่ผู้หญิงคนนี้พูดว่าอะไรนะ?

บอกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย?

ต้องมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหนถึงจะคิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

ความคุกรุ่นก่อขึ้นในใจของเฉินจื่ออัน

พอมองชุนนีที่ร้องไห้ก็รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

“เหยียนชุนนี พาลูกของคุณกลับไปซะ ผมมีภรรยามีลูกแล้ว ไม่สะดวกให้พวกคุณอยู่ที่นี่!”

เสี่ยวเถียนโล่งใจ ในที่สุดเธอก็ได้ยินคำพูดอันเด็ดขาดของเฉินจื่ออัน

เพราะอาเขยพูดอย่างเด็ดขาดจึงไม่มีอะไรค้างคาใจ เรื่องนี้แก้ไขได้อย่างง่ายดายแน่นอน

เสี่ยวเถียนไม่คิดอยู่แล้วว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมาเกาะติดผู้ชายจะได้ผล

ในความคิดของเธอ ถ้าฝ่ายชายไม่เต็มใจเปิดโอกาส ต่อให้ฝ่ายหญิงลำบากก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

เหยียนชุนนีกลับยิ่งร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด และตะเบ็งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

“เฉินจื่ออัน คุณนี่มันเป็นเฉินซื่อเหม่ย*[1] ชัด ๆ ตระกูลเฉินไม่มีใครดีสักคน ฉันเป็นผู้หญิงที่ชีวิตน่าสังเวชเหมือนฉินเซียงเหลียนเลย ต้องมาเจอคนใจร้าย!…”

ซูเสี่ยวเถียนลึงงันเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนี้

นี่มันอะไรเนี่ย?

ทำไมหล่อนกลายเป็นฉินเซียงเหลียนไปแล้ว?

ฉินเซียงเหลียนไม่เคยแต่งงานใหม่เลยนะ

เสี่ยวเถียนอยากหัวเราะเหลือเกิน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอทำไม่ได้

แต่คำพูดของเธอมันชักนำคนเอามาก ๆ!

ถ้าคนไม่รู้ได้ฟัง ก็คาดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสงสารที่โดนทอดทิ้งมา

เสี่ยวเถียนจ้องมองเฉินจื่ออันอีกครั้ง

ความหมายชัดเจนมาก ปัญหาตัวเองก็จัดการเอาเองนะ

เฉินจื่ออันรู้สึกทุกข์ใจนัก ทำไมเป็นคนที่ดื้อรั้นขนาดนี้?

“เหยียนชุนนี คุณอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้!”

ตอนนี้ที่บ้านเฉินห้อมล้อมไปด้วยผู้คน

เพราะเป็นช่วงเลิกงานพอดี มีคนเดินผ่านไปมา จะได้ยินเสียงร้องไห้ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

ช่วงนี้ไม่มีเรื่องบันเทิงให้ความสนุกเลย และเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ก็เป็นความสุขให้คนได้พบเห็น

“เพราะนังจิ้งจอกตัวนี้ คุณเลยใจร้ายต่อฉัน ทำไมชีวิตฉันมันขมขื่นแบบนี้นะ รู้แบบนี้ตายที่บ้านเกิดไปเลยจะดีกว่า…”

เหยียนชุนนีคงเห็นคนข้างนอก เลยร้องไห้หนักขึ้น

เสี่ยวเถียนทนฟังไม่ไหวจริง ๆ

เธอคิดว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง

“หนูเคยได้ยินเรื่องของฉินเซียงเหลียนนะคะ” ซูเสี่ยวเถียนที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวก้าวออกไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด

พอเหยียนชุนนีได้ยิน ใบหน้าก็ตื่นตระหนก แต่ก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

เธอพูดถูกต้องแล้ว เธอแค่อยากมีชีวิตที่ดีเท่านั้นเอง

เพราะบ้านหลังนี้ดีจริง ๆ!

ทั้งสว่างและกว้างขวางมาก!

เธออาศัยอยู่ในชนบทมานานหลายปี และไม่อยากมีชีวิตที่สิ้นหวังแบบนั้นอีกแล้ว

เธออยากมีชีวิตที่ดีแบบนี้ เธอไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างขมขื่นอีกต่อไปแล้ว

และเหยียนชุนนีฟังออกจากคำพูดได้เลยว่า เสี่ยวเถียนเป็นหลานสาวของผู้หญิงคนนั้น

แต่เธอตัดสินใจจะอยู่ต่อ และไม่มีความตั้งใจจะล่าถอยกลับไป

ผู้หญิงคนนั้นมาทีหลัง แต่เธอเป็นภรรยาเก่า

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็เป็นภรรยาหลวง

*[1] เฉินซื่อเหม่ย – สามีของฉินเซียงเหลียน เขาเข้าเมืองมาสอบจอหงวนด้วยความช่วยเหลือของฉินเซียงเหลียน ภรรยาที่ตรากตรำทำงานหนัก เขาหลอกจักรพรรดิว่าตนเองเป็นชายโสด จึงได้อภิเษกสมรสกับองค์หญิงและกลายมาเป็นราชบุตรเขย ในตอนที่ฉินเซียงเหลียนมาตามหาเขาที่เมืองหลวง เขากลับแสร้งไม่รู้จักเธอ ทั้งยังสั่งให้คนตามมาเอาชีวิตเธออีกด้วย