ใบหน้าของอวี้จิ่นยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ ชายหนุ่มเฝ้าดูละครตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
สีหน้าขาวซีดของชิงชิงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้แม่เล้า “มาหม่า…”
แม่เล้ารีบเข้ามาช่วย “นายท่านคงดื่มไปมากใช่ไหมเจ้าคะ”
ชิงชิงอาศัยจังหวะนั้นไปหลบอยู่ด้านหลังแม่เล้า
ใบหน้าชายผู้นั้นไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด “หลิวมาหม่า เจ้าทำเช่นนี้มันเกินไปหน่อย มีของดีเช่นนี้ไฉนจึงไม่เรียกให้นางมาดูแลข้า”
“นายท่าน ชิงชิงนางเพิ่งมาใหม่ ยังไม่เคยรับแขกมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
ชายผู้นั้นหัวเราะ “ยังเป็นชิงกวนอยู่รึ ข้าชอบเป็นที่สุด มาๆ ขึ้นไปดื่มกับข้าสักจอก”
เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังจะง้างมือออกมาจับตัวนาง ชิงชิงก็หวีดร้องด้วยความตกใจ
เขาผลักแม่เล้าออกไปจนพ้นทาง แล้วอ้าแขนโผเข้ากอดชิงชิง “ไปกันเถิด คนงาม”
ชิงชิงตื่นตระหนกสุดขีด หันไปสบตาอวี้จิ่นที่กำลังมองมาด้วยสายตาเย็นชาราวกับเห็นวีรบุรุษ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปหาอวี้จิ่น “คุณชายช่วยข้าด้วย…”
ครั้นชายผู้นั้นเห็นอวี้จิ่น ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสี “เจ้าเป็นใคร”
“ผู้ชม”
“ว่าอย่างไรนะ” ชายผู้นั้นฟังไม่เข้าใจ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “ขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่า หากข้าหมายตาหญิงงามนางไหน แล้วเจ้ากล้ามาแย่งไป เจ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดี!”
ชิงชิงกระวีกระวาดไปหลบข้างหลังอวี้จิ่น พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นว่า “ข้าถูกคุณชายท่านนี้จองตัวไว้แล้วเจ้าค่ะ นายท่านเลือกหญิงงามนางอื่นเถิดเจ้าค่ะ…”
“ก็ข้าถูกใจเจ้า ส่วนเจ้าถอยไปเดี๋ยวนี้!”
อวี้จิ่นหลีกทางทันที
ชายผู้นั้นมองอวี้จิ่นด้วยความประหลาดใจจนลืมตอบสนองไปชั่วขณะ
อวี้จิ่นหัวเราะ “วางใจได้ ข้ายังมิได้จ่ายเงินเสียหน่อย หากพี่ชายใคร่จะพาตัวนางไปก็เชิญเถอะ”
“ถือว่าเจ้าพูดจารู้เรื่อง!”
เมื่อเห็นอวี้จิ่นกำลังเดินผ่านร่างชายผู้นั้นไปที่ประตู ปากของแม่เล้าก็สั่นระริก
เป็นพระอิฐพระปูนหรืออย่างไร ยังเรียกตนว่าเป็นสุภาพบุรุษได้อยู่อีกหรือ!
“ไปเถอะ คนงาม!” ชายผู้นั้นคว้าตัวชิงชิงให้เดินตามไปด้านบนพร้อมรอยยิ้มหยาบโลนเปื้อนหน้า
ชิงชิงพยายามดิ้นสุดแรง ผู้คนในโถงกลางเห็นภาพนี้จนชินตา จึงไม่มีผู้ใดใส่ใจจะมองเสียด้วยซ้ำ
แม่เล้ารีบก้าวตามอวี้จิ่นไปอย่างรวดเร็ว “คุณชาย…”
สีหน้าอวี้จิ่นเคร่งขรึม “ข้ามาที่นี่เพื่อสำเริงสำราญ หาใช่มาเฝ้าดูความอยุติธรรมบนท้องถนน หอฟู่ฟางของพวกเจ้าช่างน่าเบื่อเสียจริง ข้าไปที่อื่นจะดีกว่า”
“โธ่ คุณชาย คุณชาย…”
อวี้จิ่นเดินออกไปแล้ว เขาโบกมือเรียกเรือรับจ้างลำเล็กก่อนจะกระโดดขึ้นไป
สายลมยามราตรีพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นหอมฟุ้ง อวี้จิ่นขมวดคิ้ว ทว่าหลังจากได้ยินเสียงสบถด่าทอของแม่เล้า ใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏรอยยิ้ม
หน้าของนางก็ได้เห็นแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิได้คล้อยตาม รอดูว่าคนพวกนั้นจะแสดงละครอะไรต่อไป
ต้องพยายามหลอกล่อให้คนนั้นมาอยู่ใกล้ๆ ตัวเสียก่อน แล้วจึงจะสามารถล่อปลาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้ อวี้จิ่นเหนื่อยหน่ายกับการหาเรื่องใส่ตัว การจะหลอกล่อให้คนที่คอยบงการปรากฏตัวก็มีอยู่หลายวิธี ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกวิธีตนเองรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียหน่อย
ครั้นนึกถึงตอนที่แม่เล้าและชิงชิงพยายามประชิดตัวเขา อวี้จิ่นก็รู้สึกเอือมระอาขึ้นมาพลางคิดกับตัวเองว่า เวรกรรม เห็นทีกลับไปคงต้องอาบน้ำล้างตัวสักสองรอบแล้วกระมัง
ในหอฟู่ฟาง หลังจากชายผู้นั้นอุ้มชิงชิงขึ้นไปด้านบนแล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยและหมดสติไป
ในห้องนั้น แม่เล้าและชิงชิงมองหน้ากันและกันโดยไม่มีใครกล่าวเอ่ยสิ่งใด
เสียงหัวเราะแว่วมาจากด้านนอกหน้าต่าง ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่แม่น้ำจินสุ่ยคึกครื้นอย่างที่สุด แต่หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าสุภาพบุรุษเมามายที่รับชมการแสดงร่ายรำบนเวทีจนหนำใจแล้ว ก็จะใช้เวลาค่ำคืนอันแสนสุขอยู่กับหญิงงามในอ้อมแขน
“ข้าก็เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว แต่ปลายังไม่กินเบ็ด ข้าก็จนปัญญา” แม่เล้าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
ชิงชิงเม้มปาก
นางเองก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง หากนางทำภารกิจไม่สำเร็จก็ย่อมมีคนร้อนใจกว่านาง
“โธ่เอ้ย ชิงชิง หากเจ้าชอบพอคุณชายผู้นั้น เจ้าช่วยคิดหาวิธีอื่นไม่ได้หรืออย่างไร หากเจ้ายังไม่ยอมรับแขกคนอื่น แล้วยังเดินลอยชายโปรยเสน่ห์อยู่อย่างนี้ แขกผู้มีพระคุณของข้าคงได้ขุ่นข้องหมองใจกันหมด” แม่เล้าบ่นพลางยกมือรินชาใส่แก้วตัวเอง
ชิงชิงลูบคาง “จากประสบการณ์ของมาหม่า คุณชายผู้นั้นคงมิใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกัน?”
แม่เล้าชะงักค้างจนเกือบจะพ่นน้ำชาออกมา
“คนที่มาเที่ยวที่แม่น้ำจินสุ่ยก็มิน่าจะทำตัวเย็นชาเช่นนี้” ชิงชิงพึมพำ
นางมั่นใจในรูปลักษณ์ความงามของตัวเองเสียยิ่งกว่าอะไร
“ข้าก็มิอาจทราบได้ บางทีคุณชายผู้นั้นอาจจะนิยมของมีตำหนิก็เป็นได้”
ชิงชิงลูบไล้ใบหน้าตนเอง
อวี้จิ่นขึ้นมาบนฝั่ง ในบริเวณที่เขาอยู่เงียบสงัดไร้ผู้คน เขาจึงตะโกนว่า “เหลิงอิ่ง”
ในชั่วพริบตามีเงามืดปรากฏที่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม
“ส่งคนสองสามคนไปที่หอฟู่ฟาง แล้วจับตาดูว่ามีใครเข้าใกล้ชิงชิงบ้าง”
“ขอรับ” เหลิงอิ่งตอบรับและหายตัวไปราวกับเงา
อวี้จิ่นเงยหน้าขึ้น มีดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า รูปทรงผอมบางเปล่งแสงสลัว
เขาถอนหายใจเอาอากาศขุ่นมัวออกจากปอด ราวกับว่ากำลังพยายามพ่นผงแป้งประทินผิวที่สูดดมเข้าไปก่อนหน้านี้ออกมา แล้วจึงเดินกลับจวน
เช้าวันถัดมา อวี้จิ่นมุ่งหน้าไปยังตรอกซงจื่อ
ไม่รู้ว่าที่ตรอกซงจื่อมีแผงลอยขายขนมดอกกุ้ยฮวามาตั้งขายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อวี้จิ่นจึงซื้อติดมือมาด้วย ครั้นจ้องมองขนมสีเขียวอ่อนที่สุดแสนจะนุ่มนิ่มก็อดยิ้มไม่ได้ ในใจพลางคิดว่าหากอาซื่อเห็นขนมนี้เข้าคงต้องถูกใจเป็นแน่
เมื่อเดินไปถึงประตูก็นึกขึ้นได้ว่าหมู่นี้เจียงซื่อไม่ได้มาที่นี่ คนที่อยู่ข้างในเป็นคนอื่น ชายหนุ่มจึงหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูพลางแกะขนมดอกกุ้ยฮวารับประทานคนเดียวจนหมด
หลงต้านงงเป็นไก่ตาแตก
เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเจ้านายของตนเอง!
อวี้จิ่นเช็ดมุมปาก และส่งสัญญาณเป็นเชิงให้หลงต้านเคาะประตู
ในเรือนนี้ไม่มีคนเฝ้าประตู มีเพียงอาเฟยที่จะเข้ามาเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อคืนก่อนที่อวี้จิ่นจะกลับไป เขาได้สั่งให้หลงต้านส่งคนมาที่นี่ แม้จะบอกว่าเป็นการปกป้องฉูฉู่ แต่อีกนัยหนึ่งคือเพื่อจับตาดูนาง
อวี้จิ่นมิได้มีจิตใจเมตตาสงสาร โดยเฉพาะกับคนที่อาจก่อปัญหาให้เจียงซื่อยิ่งแล้วใหญ่
ทันทีที่ประตูเปิดขึ้น อวี้จิ่นก็เดินเข้าไปด้านใน
ฉูฉู่ลุกขึ้น ครั้นเห็นว่าผู้ที่มาเยือนคืออวี้จิ่นก็ประหลาดใจ
อวี้จิ่นชี้นิ้วไปที่ม้าหินใต้ต้นไม้ “นั่งเถอะ”
ฉูฉู่นั่งลงตรงข้ามอวี้จิ่น “ที่ได้รับบาดเจ็บมาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้ว” ฉูฉู่ไม่รู้ว่าอวี้จิ่นอยากสื่ออะไรจึงตอบไปส่งๆ
หากเทียบกับชายหนุ่มที่อารมณ์แปรปรวน นางชอบสนทนากับหญิงสาวเมื่อคืนมากกว่า
เด็กสาวที่นุ่มนวลให้ความรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเป็นไหนๆ
“เช่นนั้นก็ดี” อวี้จิ่นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหิน สิ่งที่ปรากฏบนหน้าขณะนี้เป็นรอยยิ้มหรือไม่ คนตรงข้ามก็ไม่อาจแน่ใจได้ “ข้ามีข้อเสนอ แม่นางฉูฉู่อยากลองฟังดูก่อนหรือไม่”
“เชิญว่ามาเถิดเจ้าค่ะ”
“มีคนที่เจ้าไม่รู้จักมาตามไล่ล่าเจ้า เจ้าอยู่ในที่แจ้ง ส่วนศัตรูของเจ้าอยู่ในที่ลับ ต่อให้เจ้ารักษาตัวจนหายดี แต่พอออกไปก็คงต้องกลับสู่วังวนเดิมๆ จริงไหม”
ฉูฉู่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าเข้าใจดี เจ้าคงรังเกียจที่ข้าจะนำพาปัญหามาให้”
ชายผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง มาไล่คนตอนที่คู่หมั้นตัวเองไม่อยู่
คู่หมั้นของเขาช่วยชีวิตนางไว้ นางยังไม่ทันได้รู้ตัวตนของอีกฝ่ายเลย น่าเสียดายเหลือเกิน
อวี้จิ่นโบกมือ “เรื่องสร้างปัญหาน่ะ เห็นอยู่ทนโท่ ดังนั้นเจ้ามาร่วมมือกับข้าขจัดปัญหาไม่ดีกว่าหรือ”
หากพวกคนที่ล่าฆ่าฉูฉู่ตั้งใจจะเอาชีวิตอาซื่อ นั่นก็แสดงว่าเป็นพวกเดียวกับคนที่อยู่เบื้องหลังชิงชิง ฉะนั้นการลงมือผ่านทางฉูฉู่จึงดูง่ายกว่ามาก
“ร่วมมืออย่างไรรึ”
“ล่องูออกจากถ้ำ เจ้าทำหน้าที่เป็นเหยื่อล่อ ส่วนข้าจะจัดการคนพวกนั้นเอง”
ฉูฉู่มองอวี้จิ่นด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ครั้นเห็นว่ามิใช่การล้อเล่นจึงถามด้วยความเคลือบแคลง “เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า”