บทที่ 275 ข่าวลือ
แต่ตัวเขาล่ะ? เดิมทีกู้หนิงผิงก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว แต่อาจารย์สอนได้เพียงแค่สองครั้ง เขาก็ไม่ยอมไปเรียนที่สำนักศึกษาอีก หรือเพียงเพราะเขาต้องการเล่นสนุก จึงยังไม่มีสิ่งที่ตนเองชอบหรืออยากทำอย่างนั้นหรือ?
กู้หนิงผิงตื่นตระหนก แต่เขาไม่กล้าบอกกู้เสี่ยวหวานเพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะดุเขาเมื่อนางรับรู้เรื่องนี้

เมื่อกลับถึงบ้านก็เห็นป้าจางรออยู่ที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ และมองไปทางเข้าหมู่บ้านตลอดเวลาราวกับว่ากำลังรอพวกกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อเห็นว่าในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็ปรากฏตัวขึ้น นางจึงรีบรุดขึ้นหน้าฉับไว จับมือของกู้เสี่ยวหวานและกล่าวอย่างกังวลว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้ากลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางที่รีบร้อนของป้าจาง หัวใจของกู้เสี่ยวหวานพลันเต้นแรง จึงรีบเอ่ยถาม “ท่านป้าจาง เป็นอะไรไปเจ้าคะ มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
ป้าจางหน้าแดงและรอคอยอย่างกังวล แม้แต่ฝ่ามือของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางรีบดึงกู้เสี่ยวหวานไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นมองไปที่กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้เด็กสองคนนี้รู้ กู้เสี่ยวหวานจึงรีบบอกให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้เข้าไปในบ้าน จากนั้นป้าจางจึงดึงกู้เสี่ยวหวานไปยังสถานที่เงียบสงบที่ด้านหลังบ้านเพื่อพูดคุย

ข่าวลือถูกแพร่กระจายภายในสองวันโดยกุ้ยซื่อ และแพร่งพรายไปทั่วหมู่บ้าน

กู้เสี่ยวหวานออกไปแต่เช้าตรู่โดยไม่ทราบว่าข่าวลือนี้ได้แพร่กระจายไปยังทุกคน
เหลียงเหยาซื่อก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ในตอนเที่ยงเช่นกัน เมื่อนางได้ยินข่าวลือก็ตกใจมาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวาน เหลียงเหยาซื่อเป็นกังวลในเรื่องนี้มาก แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ได้กิน นางรีบวิ่งไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานเพื่อต้องการบอกนางล่วงหน้าและขอให้กู้เสี่ยวหวานรีบออกจากบ้านเพื่อไปซ่อนตัว
ในหมู่บ้านแห่งนี้ แค่น้ำลายก็อาจจะทำให้กู้เสี่ยวหวานจมน้ำตายได้
เหลียงเหยาซื่อเคยต้องทนทุกข์กับความยากลำบากนี้ หลังจากแต่งงานเข้าตระกูลเหลียงมาหลายปีก็ช่วยอะไรตระกูลเหลียงไม่ได้ คนในหมู่บ้านนี้จึงลือว่าเหลียงเหยาซื่อผู้นี้เป็นแม่ไก่ที่วางไข่ไม่ได้ และมีคนที่หวังดีไปเกลี้ยกล่อมให้ช่างไม้เหลียงไปหาหญิงอื่น

ในช่วงเวลานั้น เหลียงเหยาซื่อไม่กล้าแม้แต่จะออกไปนอกบ้าน และไม่กล้าแม้แต่จะยืนริมหน้าต่างเพราะกลัวว่าคนอื่นจะชี้หน้าวิพากษ์วิจารณ์นางว่าเป็นแม่ไก่ที่วางไข่ไม่ได้ และนางก็กลัวที่จะได้ยินข่าวลือเช่นนั้น
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสการพนันในหมู่บ้านเช่นกัน พวกอันธพาลเหล่านั้นก็เดิมพันกันว่าช่างไม้เหลียงจะหย่ากับภรรยาหรือไม่ และนักพนันเกือบทั้งหมดก็พนันกันว่าจะต้องหย่าแน่นอน หลังจากที่ช่างไม้เหลียงรู้เรื่องนี้แล้ว เขาคว้าขวานไปจับคนที่เป็นหัวโจกและขู่พวกเขาไว้ จากนั้นจึงจากไป
โชคดีที่ช่างไม้เหลียงปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ผ่านไปกว่าครึ่งปี ช่างไม้เหลียงปฏิบัติต่อเหลียงเหยาซื่อเหมือนเมื่อเดิม และคำนินทาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ จางหายไป แม้ว่าจะมีคนนินทาลับหลัง แต่เหลียงเหยาซื่อก็เคยชินกับมันเสียแล้ว
คราวนี้เป้าหมายกลายเป็นกู้เสี่ยวหวาน

คนในหมู่บ้านเหล่านี้ เมื่อกินอิ่มแล้วก็ไม่มีอะไรทำอย่างนั้นหรือ?

กู้เสี่ยวหวานยังเป็นเด็กหญิงอายุเพียงเก้าขวบ นางจะไปทำดังเช่นข่าวลือพวกนั้นได้อย่างไร

เหลียงเหยาซื่อไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน แต่นางลงกลอนประตูไว้ และไม่มีใครรู้ว่านางไปที่ไหน หัวใจของเหลียงเหยาซื่อจึงเป็นกังวลอย่างมาก โดยรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถล่าช้าได้ ดังนั้นนางจึงวิ่งไปที่บ้านของจางซื่อ
บ้านของจางซื่ออยู่ห่างจากใจกลางหมู่บ้านเพียงเล็กน้อย แต่การนินทาก็ไม่มาถึงหูนางเร็วนัก จางซื่อตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเหลียงเหยาซื่อ หลังจากคุยกับเหลียงเหยาซื่อเสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ทั้งสองจึงร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน

ในท้ายที่สุด เหลียงเหยาซื่อจึงอาสาที่จะกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อสำรวจอีกครั้ง และขอให้ป้าจางรอกู้เสี่ยวหวานเพื่อบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อดูว่านางจะวางแผนอย่างไร

หลังจากใช้เวลารอหลายชั่วยาม
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินก็พูดอะไรไม่ออก นางได้แต่โกรธและก่นด่าอยู่ในใจ
คนพวกนั้นลือกันว่านางมาเจอคนรักเป็นการส่วนตัว แล้วพ่อของคนรักก็มาหาที่ถึงบ้าน?

ลือกันว่าเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดของนางถูกซื้อด้วยเงินที่คนรักของนางให้มา?

มีอะไรผิดปกติหรือไม่?

หากไม่ใช่เพราะในชาติก่อนกู้เสี่ยวหวานมีการศึกษาที่สูง นางคงจะด่ากราดไปแล้ว

ป้าจางไม่เชื่อในข่าวลือเหล่านี้อย่างเด็ดขาด กู้เสี่ยวหวานได้เงินมาจากไหน พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? และเด็กผู้นี้ยังช่วยให้พวกเขาทำเงินได้มากมาย!

แต่อย่างไรก็ตาม นางเชื่อในตัวกู้เสี่ยวหวานแล้วอย่างไร ในเมื่อคนอื่นไม่เชื่อ!
คนในหมู่บ้านนี้ชอบสามัคคีรังแกคนอ่อนแอ ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานนั้นยากจน เมื่อพวกเขาไม่มีแม้แต่เมล็ดข้าวจะกิน พวกเขาไม่เคยเห็นคนเหล่านี้มาช่วยด้วยซ้ำ ตอนนี้ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมีเงิน พวกเขาก็สับสนถูกผิด เกรงว่าโลกจะไม่วุ่นวาย*[1]!

ป้าจางไม่สนใจอะไรมาก และเริ่มก่นด่าทันที “ไม่รู้ว่าใครมันเป็นผู้ปล่อยข่าวลือกัน ถ้าข้าจับได้เมื่อไร ข้าจะตบนางสักสองสามที”

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงคนผู้หนึ่งได้ เมื่อหลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่อมาในวันนั้น กุ้ยซื่อก็อยู่ที่นั่นด้วย
หญิงผู้นี้ขี้นินทามาก เกรงว่าเป็นเพราะกู้เสี่ยวหวานไม่สนใจนางและเห็นว่ามีคนแต่งตัวสวยหรูดูดีมาที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน นี่มันเป็นการคิดไปเองของกุ้ยซื่อหรือไม่

กู้เสี่ยวหวานพ่นลมอย่างเย็นชา เมื่อป้าจางเห็นท่าทางนี้จึงกล่าวถาม “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้ารู้หรือว่าเป็นใคร?”

“จะมีใครอีกล่ะ? คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นมีเพียงกุ้ยซื่อคนเดียว!”

จางซื่อจะไม่รู้เรื่องกุ้ยซื่อได้อย่างไร ข่าวลือในหมู่บ้านนี้ ส่วนใหญ่ก็มาจากกุ้ยซื่อ

ปากนี้สามารถกินและพูดได้ จะพูดดำให้เป็นขาว หรือจะพูดสิ่งที่ตายให้มีชีวิตก็ย่อมได้ ความสามารถในการเปลี่ยนถูกเป็นผิด เกรงว่าในหมู่บ้านนี้ นางไม่เป็นรองใครและไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง

จากซื่อกำลังจะบุกไปหากุ้ยซื่อเพื่อถามเรื่องราว แต่กู้เสี่ยวหวานรีบคว้านางไว้ “ท่านป้าจาง อย่าไปเจ้าค่ะ!”
จางซื่อโกรธมากจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ แต่เด็กผู้นี้ยังคงสงบนิ่งราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนาง นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงของผู้หญิง หากชื่อเสียงนี้ถูกทำลาย ชีวิตนี้ก็จะจบลง

ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่รู้ว่าป้าจางกำลังคิดอะไรอยู่ และนางก็รู้ด้วยว่าป้าจางเป็นห่วงตนเอง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วและทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าไปหากุ้ยซื่อในตอนนี้ คนอื่นก็คงเข้าใจว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นกระสับกระส่ายเพราะเรื่องนี้

“ท่านป้าจาง ท่านเชื่อข้าหรือไม่เจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานมองป้าจางด้วยดวงตาสดใส

ป้าจางถอนหายใจ “เจ้าเด็กโง่ แน่นอนว่าข้าเชื่อเจ้า แค่ป้าจางผู้นี้เชื่อ แต่คนอื่นไม่เชื่อ มันจะไปมีประโยชน์อะไร!”
*[1] เกรงว่าโลกจะไม่วุ่นวาย หมายถึง หวังว่าโลกจะวุ่นวายเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของตนเอง