บทที่ 274 บอกความลับ
“ว่าอย่างไรนะ?” ครั้นได้ยินเช่นนี้ เหมียวเอ้อร์ก็ขบฟันแน่นด้วยความเกลียดชังอีกครั้ง “ยังจัดห้องแยกต่างหากสำหรับนางเพื่อคำนวณบัญชีอีกหรือ?”

“ใช่แล้วขอรับ! อยู่ในห้องชั้นในสุดของชั้นสอง เป็นห้องที่เงียบสงบ”

ในอดีตเมื่อเหมียวเอ้อร์อยู่ในร้านจิ่นฝู บัญชีทั้งหมดจะถูกคำนวณหลังโต๊ะคิดเงิน ไม่ต้องพูดถึงห้องรับรอง ไม่มีแม้แต่เก้าอี้สำหรับเขาสักตัว

แต่ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานมา นางก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดี ถ้าสิ่งนี้ถูกแพร่งพรายออกไปมันจะไม่เป็นการหักหน้าเหมียวเอ้อร์ผู้นี้อย่างนั้นหรือ?

เหมียวเอ้อร์กำหมัดของเขา เส้นเลือดสีเขียวบนมือปูดโปนเหมือนไส้เดือน มันดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

เดิมทีคิดว่าปล่อยให้เด็กบ้านั่นอยู่อย่างสบายใจสักสองสามวัน แล้วค่อยแก้แค้นในภายหลัง ดูเหมือนว่าครั้งนี้…
เหมียวเอ้อร์มีสีหน้าที่เย็นชา เม้มริมฝีปากแน่น และความโหดร้ายในดวงตาของเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก เสี่ยวหลีจื่อเงยหน้าขึ้นมองและเห็นมันโดยไม่ได้ตั้งใจ เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาทำให้เสี่ยวหลีจื่อหดคอลงและรู้สึกเสียวกระดูกสันหลังวาบ

“คุณชายเหมียว ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำในร้านอาหาร ข้าไปก่อนนะขอรับ” เสี่ยวหลีจื่อราวกับมีกลองกำลังตีอยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเหมียวเอ้อร์น่ากลัวเช่นนี้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะโกรธมากจริง ๆ

หลังจากเสี่ยวหลี่จื่อกล่าวจบ เขาก็รีบออกไปโดยไม่รอให้เหมียวเอ้อร์ตอบหรือพูดถึงเรื่องรางวัล

เหมียวเอ้อร์กำหมัดและพึมพำอย่างดุเดือด “กู้เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”

เสียงของเหมียวเอ้อร์นั้นแผ่วเบา แต่น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก หากคนอื่นได้ฟังคงจะสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงร้านขายผ้าจี๋เสียงประตูร้านก็ปิดพอดี กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ หลังจากรอสักครู่ นางก็เห็นพี่ฝูกำลังจูงเด็กคนหนึ่งมาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ประตู กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อกอดกู้เสี่ยวหวานและกล่าวว่า “ท่านพี่ งานของท่านเสร็จแล้วหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า และลูบศีรษะของพวกเขาด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของพวกเขา ในใจของนางก็มีความสุขมากเช่นกัน
พี่ฝูรุดขึ้นหน้าและกล่าวอย่างเกรงใจ “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้ารอนานหรือไม่?”
“ไม่นานค่ะ ข้าเพิ่งจะมาถึงเอง”
“ท่านพี่ พี่ฝูพาพวกเราไปกินบะหมี่หมูเส้นมา”
“ท่านพี่ ข้ากินไปชามใหญ่มาก”
เมื่อเห็นท่าทางเบิกบานใจของเด็กน้อยทั้งสอง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเกรงใจต่อพี่ฝูเป็นอย่างมาก “พี่ฝู ท่านเอาใจใส่พวกเรามากเกินไปแล้ว เดิมทีอาหารกลางวันนี้ควรเป็นข้าที่ต้องเลี้ยง”
พี่ฝูโบกมือ “เงินเพียงแค่ไม่กี่เหรียญ ไม่เป็นอะไรหรอก เด็กเหล่านี้มีความสุขก็เพียงพอแล้ว”
พี่ฝูก็มีความสุขมากเช่นกัน นางเปิดประตูและเชิญพวกกู้เสี่ยวหวานให้เข้าไปข้างใน
“สาวน้อยเสี่ยวหวาน เสี่ยวอี้ผู้นี้ชื่นชอบการปักผ้ายิ่งนัก ครั้งต่อไปถ้ามีเวลาก็พานางมาเรียนเพิ่มอีกนะ!” พี่ฝูก็กล่าวกับกู้เสี่ยวหวานทันทีที่เข้าไป
“อืม ขอบคุณพี่ฝูมาก” กู้เสี่ยวหวานบอกกับพี่ฝูว่านางต้องมาในเมืองสองวันต่อสัปดาห์ ครั้นพี่ฝูได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก “นั่นเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเจ้ามาในเมืองเมื่อไรก็พาเสี่ยวอี้มาที่นี่ เจ้าสามารถฝากเด็ก ๆ ไว้กับข้าได้ แล้วเจ้าก็ไปทำเรื่องของเจ้าโดยไม่ต้องกังวล”

พี่ฝูไม่เคยถามว่าเหตุใดกู้เสี่ยวหวานถึงมาในเมืองสัปดาห์ละสองวัน เพราะนางคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ถ้ากู้เสี่ยวหวานต้องการบอก แม้นางไม่ต้องถาม กู้เสี่ยวหวานก็จะบอกเอง แต่ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะพูดนั้นก็เป็นเรื่องของนาง

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกซาบซึ้งมาก “อย่างนั้นก็ได้ พี่ฝู พวกเราจะกลับก่อน”

เมืองห่างจากบ้านหนึ่งชั่วยาม ถ้าไม่กลับเร็วกว่านี้เกรงว่าฟ้าจะมืดเมื่อกลับถึงบ้าน
พี่ฝูไม่ได้รั้งพวกกู้เสี่ยวหวานไว้ เพราะนางรู้ว่าน่าจะปลอดภัยกว่าหากพวกเขารีบกลับบ้าน ดังนั้นนางจึงเล่าสิ่งที่สอนกู้เสี่ยวอี้ในตอนเช้าอีกครั้ง แล้วปล่อยให้พวกเขากลับไป นางไปส่งพวกกู้เสี่ยวหวานที่หน้าประตูและบอกให้พวกเขากลับบ้านอย่างระมัดระวัง นางรอจนกระทั่งพวกกู้เสี่ยวหวานเดินลับตาไปแล้วจึงกลับเข้าไปในร้าน

กู้เสี่ยวหวานเดินทางกลับบ้านพร้อมกับน้องชายและน้องสาวของนาง สายตาก็พลันเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้กำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือของนางอย่างระมัดระวัง

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม กู้เสี่ยวอี้ก็ยิ้มออกมาทันที และหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขมาก
กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างจึงยิ้มและกล่าวว่า “ท่านพี่ นี่เป็นเข็ม ด้าย และผ้าเช็ดหน้าที่ไม่มีลายปักที่พี่ฝูมอบให้เสี่ยวอี้ เพื่อให้เสี่ยวอี้เอากลับไปฝึกฝนด้วยตัวเอง”

“เอ๋?” กู้เสี่ยวหวานแปลกใจเล็กน้อย นี่เพิ่งเป็นวันแรกก็ให้กู้เสี่ยวอี้กลับไปฝึกเองแล้วหรือ ถ้างานปักไม่ดีก็จะเป็นการเปลืองเข็มและด้าย

“พี่ฝูบอกว่าเสี่ยวอี้มีพรสวรรค์และบอกว่านางจะสามารถปักได้อย่างแน่นอน” กู้หนิงผิงกล่าวเมื่อเห็นปากของพี่สาวเปิดกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“มีพรสวรรค์ในการปัก” กู้เสี่ยวหวานดีใจเมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ “ข้าไม่คิดว่าเสี่ยวอี้ของเราจะเก่งเช่นนี้ ไม่เลวเลยทีเดียว ตั้งใจเรียนรู้จากพี่ฝู และในอนาคตเจ้าจะได้ทำเสื้อผ้าให้พวกเราได้”

กู้เสี่ยวหวานกำลังพูดถึงอนาคต แต่ตอนนี้กู้เสี่ยวอี้ยังเด็กเกินไปจึงกลัวว่ามือของนางจะสั่นเมื่อทำการร้อยด้าย แต่เพื่อที่จะไม่กีดกันความกระตือรือร้นของกู้เสี่ยวอี้ นางจึงปลอบโยน
กู้เสี่ยวอี้กอดถุงผ้าในอ้อมแขนของตนเองแน่น และยิ้มเผยให้เห็นฟันที่เป็นระเบียบ “ท่านพี่ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน”

กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก นางไม่คาดคิดว่าจะมีการเดินทางที่ไม่คาดฝันนี้ นางได้รู้ว่ากู้เสี่ยวอี้ชอบทำอะไรมากที่สุด ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก

เมื่อนึกถึงท่าทางที่มั่นใจของกู้เสี่ยวอี้ในตอนนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกความสุขมากขึ้น และนางก็นึกถึงสิ่งที่กู้หนิงอันพูดกับตนเองอย่างหนักแน่นว่า “ท่านพี่ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างหนัก เก่งเหนือผู้อื่น และไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

กู้หนิงอันชอบเรียนหนังสือ จึงให้เขาไปเรียนในหอหนังสืออวี้

กู้เสี่ยวอี้ชอบงานปัก จึงให้นางเรียนงานปัก

แต่…
กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองกู้หนิงผิงอย่างมีความหมาย เด็กผู้นี้มีรอยยิ้มบนใบหน้าเพราะมีความสุขไปกับน้องสาวของเขา แต่กู้เสี่ยวหวานเห็นช่องว่างเล็กน้อยในรอยยิ้มนี้

กู้เสี่ยวหวานลอบถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าเด็กผู้นี้ชอบอะไร ในยุคนี้หากมีสิ่งที่ชอบแล้วมุ่งศึกษาค้นคว้าและพัฒนาทักษะของตนเอง ในอนาคตก็จะมีเส้นทางให้เดินไปอีกมาก กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้ได้พบแล้ว แต่กู้หนิงผิง…
เรื่องที่กู้เสี่ยวหวานไม่รู้คือ ในใจของกู้หนิงผิงนั้นรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง
กู้หนิงอันผู้เป็นพี่ชายได้เข้าเรียนในสถานศึกษาแล้ว และได้เรียนหนังสือกับอาจารย์น้อยสวี
กู้เสี่ยวอี้ผู้เป็นน้องสาวก็ถูกพี่ฝูรับเป็นลูกศิษย์แล้ว และพี่ฝูก็บอกว่าจะตั้งใจปลูกฝังน้องสาวของนางเป็นอย่างดี