บทที่ 340 เปิดเผยฐานะเพื่อตีสุนัข

เสียงไก่ขันดังขึ้น ปลุกทุกคนในเพิงไม้ให้ตื่นขึ้น

คนที่เคยชินเริ่มเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้านด้วยความสะลึมสะลือนานแล้ว มีคนต้อนแกะมาทักทาย ก่อนจะพาครอบครัวจากไป

ยังมีบางคนเข้าไปพูดคุยกับเสิ่นหงเหวินก่อนจึงได้จากไป

ความคึกคักเช่นเมื่อคืนนี้ เพียงพริบตาก็หายไปหมดแล้ว

เซี่ยวั่งซูตัดสินใจจะไปกับเสิ่นหงเหวิน ดังนั้นจึงให้คนรีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย

หม่าซานเหนียงพูดคุยกับนางอย่างสนิทสนม เมื่อได้ยินว่าต้องการให้พวกเขาช่วยพาเข้าไปในเมืองหลูโจวก็ตอบตกลงทันที กลับเป็นเสิ่นหงเหวินที่รู้สึกระแวง จึงดึงหม่าซานเหนียงมาแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่ได้สนิทกับพวกเขา พวกเขาพาคนมามากเพียงนี้ ไม่ใช่เป็นการล่อโจรเข้าเมืองหรอกนะ”

หม่าซานเหนียงกลอกตามองบน “ครอบครัวเราจนไม่รู้จะจนอย่างไรแล้ว มีอะไรที่คนเขาอยากได้กัน เจ้ายังจะกังวลอีกอย่างนั้นหรือ?”

ไม่ต้องพูดถึงท่าทางสูงส่งของหญิงชราผู้นั้นที่แสดงออกมา ดูแค่เด็กคนนั้นก็พอแล้ว โจรบ้านไหนเลี้ยงลูกออกมาได้ดีเช่นนี้กัน หากไม่มีพื้นเพที่ดีคงไม่สามารถทำได้แน่

“อีกอย่าง โจรที่น่ากลัวที่สุดอยู่ในเมืองหลูโจวต่างหาก ข้างนอกจะไปสู้อะไรได้”

หม่าซานเหนียงบอกว่าจะนำทางให้ ก็นำทางให้จริง ๆ

“ไม่ทราบว่าเสิ่นฮูหยินพักอยู่ที่ใดหรือ? ถึงเวลารอพวกเราหาที่พักได้แล้ว จะได้เชิญพวกเจ้ามานั่งเล่นบ้าง”

หม่าซานเหนียงเองก็ไม่ได้เกรงใจอะไร เปิดม่านรถม้าอย่างสบาย ๆ ก่อนจะชี้ไปที่บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมบนทางลาดข้างหน้า แล้วพูดขึ้นมา “ตอนนี้ครอบครัวของเราพักอยู่ที่นั่น หากว่าพวกท่านไม่รังเกียจจะไปดูก็ได้นะเจ้าคะ ข้าเองก็เป็นห่วงผ้าห่มที่เหลืออยู่น้อยนิดของตัวเองเช่นกัน”

เซี่ยวั่งซูต้องไปดูอยู่แล้ว เอ่ยจบก็ให้ทหารเกราะเหล็กเปลี่ยนเส้นทาง ไปส่งคนบ้านตระกูลเสิ่นก่อน

ความจริงแล้วสามารถเห็นประตูเมืองได้ราง ๆ และตามหลักแล้วหมู่บ้านที่ใกล้กับตัวเมืองไม่มีทางที่จะยากจนเช่นนี้ได้ ทว่าบริเวณใกล้ ๆ แถวนี้ต่างก็รกร้างเสียยิ่งกว่าพื้นที่รกร้างหน้าหมู่บ้านตระกูลเฉินเสียอีก

ส่วนบ้านครอบครัวเสิ่นนั้น เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่มีแต่ผนังสี่ด้าน

แต่เผยจี้ฉือกลับไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เท่าใดนัก

เมื่อมาถึงเรือน หม่าซานเหนียงก็พุ่งตัวเข้าไปทันที สุดท้ายผ้าห่มที่เป็นกังวลก็แช่น้ำฝนทั้งคืนจริง ๆ หนักพอ ๆ กับเหล็กเลยทีเดียว “เซี่ยฮูหยิน ท่านดูสิเจ้าคะ ข้าพูดไว้ไม่มีผิด จือจือ! รีบไปหยิบม้านั่งมาให้แขกเร็วเข้า”

จากนั้นก็เอ่ยกับเซี่ยวั่งซูด้วยรอยยิ้ม “ส่วนบรรดาพี่ชายน้องชายด้านนอกเหล่านั้น คงต้องลำบากให้พวกเขายืนรอแล้ว”

เซี่ยวั่งซูออกไปบอกพวกเขา ให้พวกเขาแยกย้ายกันไปพักผ่อน เหลือสิบกว่าคนไว้คุ้มกันที่นี่ก็พอ

แม้ในบ้านจะยากจน แต่มารยาทที่ควรมีก็ยังมีอยู่ เสิ่นเยี่ยนชิวเข้าไปต้มน้ำในครัว จากนั้นก็นำชามไปล้างครั้งแล้วเล่า จึงได้รินชาให้เซี่ยวั่งซู “ท่านย่า ท่านอย่ารังเกียจเลยนะเจ้าคะ บ้านเราไม่ได้มีใบชาชั้นดีอะไร”

“แค่ดื่มน้ำก็พอแล้ว” เซี่ยวั่งซูเพิ่งจะดึงเผยจี้ฉือให้นั่งลง ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามา

หม่าซานเหนียงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวออกไปดู จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าสารเลวนั่น มาอีกแล้ว!”

นางหันหน้ากลับมาและเดินไปที่ห้องครัว ก่อนจะหยิบเคียวขึ้นมาและออกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าลานบ้านบราวนี่ออนไลน์

“มีอะไรกันหรือ?”

เสิ่นเยี่ยนชิวรีบทำเสียงบอกให้นางเงียบก่อน “เมิ่งซื่อมาเจ้าค่ะ”

เซี่ยวั่งซูสบตากับเผยจี้ฉือเล็กน้อย ดีเลย กำลังคิดจะไปหาเขาอยู่พอดี สุดท้ายกลับมาหาถึงที่

เซี่ยวั่งซูจึงนิ่งเอาไว้ก่อน รอจนเสียงฝีเท้าม้านั่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และได้ยินเสียงด่าของหม่าซานเหนียง นางจึงลุกขึ้นมองออกไปตามรอยแตกของขอบหน้าต่าง

จางหยวนเฉียวที่ไม่เคยชินกับสภาพแวดล้อมกำลังพักผ่อนอยู่ในรถม้า เมื่อได้ยินเสียงก็เปิดม่านของรถม้าออกมาดู มียอดฝีมือหลายคนคุ้มกันองค์หญิงใหญ่เซี่ยวั่งซูอยู่เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแค่หยิบตำราแพทย์ออกมาศึกษา แต่หากองค์หญิงใหญ่เกิดโมโหขึ้นมาตีคนจนตายล่ะก็ เขาควรช่วยหรือปล่อยให้อาการร่อแร่กันดีเล่า!?

ก่อนจะพบว่าบนหลังม้านั้นเป็นเมิ่งซื่อที่สวมชุดขุนนาง ใบหน้าแฝงไปด้วยความแข็งกระด้าง แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี ด้านหลังยังพาเจ้าหน้าที่มาด้วย หม่าซานเหนียงถือเคียวไว้ในมือ และยืนขวางอยู่ตรงกลางถนน

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวจนรีบหลบไปซ่อนตัว

เมิ่งซื่อมาถึงตรงหน้านางแล้วจึงได้ดึงบังเหียนให้ม้าหยุด หม่าซานเหนียงเองก็ไม่คิดจะถอยแม้แต่ก้าวเดียว กลับถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินที่สูดเข้าไปลงพื้นพลางเอ่ยอย่างดูแคลนออกมา “ผู้ว่าการเมิ่งช่างใหญ่โตจริง ๆ ไม่ทราบว่าวันนี้มาบ้านข้า คิดจะทำอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”

เมิ่งซื่อหัวเราะเสียงเย็นและไม่ยอมลงจากหลังม้า จ้องหม่าซานเหนียงอยู่เช่นนั้น “เสิ่นหงเหวินเล่า?”

“ไม่อยู่บ้าน เจ้ามาหาเขาทำไม”บราวนี่ออนไลน์

“เขาเป็นแค่คนธรรมดาแต่กลับไม่อยู่นิ่ง คิดจะส่งข่าวออกไปข้างนอก สร้างความวุ่นวายว่าหลูโจวจะเกิดน้ำท่วม ข้าย่อมต้องเอาตัวเขาไปสอบสวน”

หม่าซานเหนียงเอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึง “น่าขัน ต่อให้เขาถูกปลดแต่ก็ยังเป็นที่นับหน้าถือตาอยู่ เขาแจ้งเบื้องบนแล้วมีปัญหาอะไร? ปัญหาที่เขาโน้มน้าวผู้บังคับบัญชาคืออะไร? เป็นเจ้าที่ไม่คิดจะทำอะไร แต่จะลากเมืองหลูโจวฝังกลบไปพร้อมกับเจ้าด้วย คิดว่าคนอื่นเป็นเหมือนเจ้ากันหมดหรืออย่างไรกัน!”

เมิ่งซื่อใช้แส้ม้าชี้หน้าหม่าซานเหนียง “เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้าที่นี่ เด็ก ๆ ไปลากตัวเสิ่นหงเหวินออกมา!”

บรรดาลูกสมุนของเมิ่งซื่อกรูเข้าไปในลานบ้านเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมของตระกูลเสิ่น เสิ่นเยี่ยนชิวที่อยู่ในเรือนตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นหม่าซานเหนียงสู้กับคนพวกนี้แล้ว เซี่ยวั่งซูจึงได้ส่งสายตาให้กับยอดฝีมือทางด้านหลัง

เห็นเพียงร่างไม่กี่ร่างเหาะออกไป ไม่นานก็จับคนเหล่านั้นกดลงกับพื้น กินโคลนเข้าไปเต็มปาก

แม้แต่เมิ่งซื่อที่อยู่บนหลังม้าผู้นั้นก็ถูกคนคว้าคอเสื้อเหวี่ยงลงมาตรงหน้าของหม่าซานเหนียงเช่นกัน หมวกขุนนางกลิ้งไปกับพื้น หม่าซานเหนียงจึงเตะออกไปไกล ๆ

“เจ้า! เจ้ากล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก ได้! ข้ารู้อยู่แล้วว่าตระกูลเสิ่นของพวกเจ้าเป็นตัวปัญหา!”

หม่าซานเหนียงกำลังจะเอ่ยปากด่า ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากภายในเรือน

“ตระกูลเสิ่นเป็นตัวปัญหาเช่นไร ข้าก็อยากจะรู้เช่นกัน”

เมิ่งซื่อดิ้นรนและเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นเซี่ยวั่งซูเดินออกมาจากภายในเรือน สวมเสื้อผ้าของชาวบ้านทั่วไปไม่มีอะไรโดดเด่น แต่แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่หญิงชราธรรมดาอย่างแน่นอน

ยอดฝีมือนำม้านั่งออกมาให้เซี่ยวั่งซู ก่อนจะลากเมิ่งซื่อมาตรงหน้านาง

“แม่หนูเสิ่น เจ้าคนที่จู่ ๆ ก็วิ่งมาหาเรื่องที่บ้านเจ้าผู้นี้เป็นใครกันอย่างนั้นหรือ?”

เสิ่นเยี่ยนชิวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเล็ก ๆ ไปข้าง ๆ เซี่ยวั่งซู “เซี่ยฮูหยิน เขาก็คือผู้ว่าการเมิ่งของหลูโจวเจ้าค่ะ”

“นับตั้งแต่วันนี้ไป เขาไม่มีตำแหน่งอะไรทั้งนั้น”

ภายในลานบ้านเงียบลงทันที ก่อนที่เมิ่งซื่อจะถุยน้ำลายออกมา “เสิ่นหงเหวิน เจ้าวางท่าทั้งยังกล้าทำร้าย…โอ๊ย!”

ยอดฝีมือไม่พูดพร่ำทำเพลงก็อัดเขาไปอีกหนึ่งที ฟันในปากถูกชกจนร่วงในครั้งเดียว เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นลงบนพื้น

เมิ่งซื่อนิ่งงัน นิ่งงันอย่างสมบูรณ์แบบ “เจ้า…เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก!”

ยอดฝีมือจึงอัดเขาอีกครั้ง จากนั้นเผยจี้ฉือจึงเอ่ยเสียงเย็นออกมา “ใครให้ความกล้ากับเจ้ากัน พบองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงยังบังอาจเอานิ้วชี้หน้าพระองค์อีกอย่างนั้นหรือ? ไม่มีมารยาท กำเริบเสิบสาน ขัดราชโองการ เด็ก ๆ ลากไปโบยสี่สิบที ไม่ตายค่อยลากกลับมา”

องค์หญิงใหญ่? ใคร? ต้าจิ้นมีองค์หญิงใหญ่ด้วยหรือ?

เมิ่งซื่อคิดไม่ออกว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนไม่รู้หนังสืออย่างหม่าซานเหนียง

กลับเป็นเสิ่นหงเหวินที่อยู่ในห้องหนังสือจู่ ๆ ก็เปิดม่านออกมา จ้องมองเซี่ยวั่งซูอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นโครงหน้าของคนตระกูลเซี่ยจากใบหน้าของนางได้ราง ๆ

“ท่านคือองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงจริงหรือ? ท่านไม่ได้อยู่ที่ถู่เจียหรอกหรือ?”

.