บทที่ 404 มีแขกมาเยี่ยม

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 404 มีแขกมาเยี่ยม

บทที่ 404 มีแขกมาเยี่ยม

แต่หลังจากที่พวกเขารู้สถานะในนิกายกิเลนของฉู่เหิน คนพวกนั้นก็พากันตกลงเป็นพันธมิตรโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ที่นิกายกิเลนนั้น ฉู่เหินถือได้ว่าทรงอำนาจอย่างมาก เกรงว่าถ้าฉู่เหินอยากเป็นหัวหน้านิกายล่ะก็ หัวหน้าอย่างหยูเหวินเฉิงเฟิงคงยกให้เขาโดยไม่ลังเลเชี่ยวล่ะ!

เพียงแต่ทุกคนรู้ว่าฉู่เหินไม่ได้อยากเป็นหัวหน้านิกายกิเลนอะไรนั้น เพราะอุดมการณ์ของเขาไม่ใช่อย่างงั้น! โดยเฉพาะหลังจากผู้เฒ่าฉู่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในนิกายกิเลน ชายชราก็พลันมีความสุขจนปล่อยเสียงหัวเราะออกมายกใหญ่!

มาตอนนี้ พอรู้ว่าที่บ้านฉู่เกิดปัญหา ใบหน้าของชายชราก็เผยความกังวลออกมา อีกทั้งเขายังมีฉู่เหินหลานชายคนเก่งร่วมทางไปด้วย การเดินทางนั้นเขาจะต้องทำให้ปลอดภัยที่สุด! ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้วิธีติดต่อสื่อสารกับที่บ้านด้วยวิธีพิเศษ เพื่อเล่าเรื่องของฉู่เหินตั้งแต่ต้นจนจบให้คนที่บ้านรู้

เมื่อตระกูลฉู่ทราบข่าวต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ระหว่างที่บอกข่าวให้ฉู่ตงหลินและเกาชิงหนานของเรารู้ สองสามีภรรยาพอได้ยินว่าหาลูกชายของตัวเองเจอแล้ว พวกเขาก็ดีใจจนพูดไม่ออก หลังจากเร่งรีบไปที่หมู่บ้านชาวประมง ครั้งนี้คนที่เดินทางไปกับพวกเขายังมีผู้เฒ่าฉู่ไปด้วยอีกคน

เพราะพวกเขาได้ข่าวว่าที่ตระกูลฉู่นั้นคล้ายจะเกิดเรื่อง ไม่ว่าจะเพราะอะไร หากมีใครกล้ารังเกฉู่เหิน ตระกูลฉู่ไม่มีทางรับได้

การเดินทางครั้งนี้ฉู่เหินรู้สึกร้อนใจมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชายหนุ่มรีบเรียกราชาฉลามพิษออกมาเพื่อที่เขาจะได้นั่งราชาฉลามพิษกลับถึงบ้านเร็ว ๆ ทว่าผู้เฒ่ากลับบอกว่าราชาฉลามพิษนั้นช้าเกินไป จากนั้นเขาจึงใช้วิชาชั้นสูงของตัวเองห่อทุกคนลอยไปในอากาศด้วยความรวดเร็ว

อีกทั้งยังได้กิเลนดำช่วยด้วยอีกแรง ทุกคนเลยเดินทางด้วยความเร็วที่เร็วอย่างน่าประหลาด จากทะเลตะวันตกจนถึงทะเลโบ๋ไห่พวกเขากลับใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันเลยด้วยซ้ำ! ใช้เวลาอีกสิบนาทีในที่สุดก็มาถึงริมฝั่งของหมู่บ้านชาวประมง

หลังได้พบฉากตื่นตาก็อดแอบคิดในใจไม่ได้ว่าตัวเองใช้เวลากว่าครึ่งเดือนกว่าจะถึง คิดไม่ถึงว่าขากลับจะใช้เวลาแค่ครึ่งวันกว่าก็มาถึงบ้านแล้ว นี้สินะคือความห่างชั้น!

หลังจากนึกในใจสักพัก ชายหนุ่มก็รีบวิ่งไปทางบ้านตัวเองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้บ้านพักตากอากาศของฉู๋เหินนั้นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก! กระทั้งผู้เฒ่าผู้และกิเลนดำเห็นยังแอบอุทานในใจไม่ได้!

ตอนที่ฉู่เหินถึงฝั่งเขาก็โทรหาพี่ชายตัวเองหวงเจี้ยนหมิง ดังนั้นพอเขามาถึงหน้าบ้านก็มีคนมายืนรอเขาข้างนอกแล้ว รวมไปถึงเหล่าคนแคะกู้ปาเทอและจาผีกู้! เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองกลับดูย่ำแย่อย่างมาก ทั้งยังมองมาทางฉู่เหินอย่างละอายอีกด้วย!

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเรากลับไปค่อยพูดเถอะ!” ฉู่เหินทักทายทุกคนก่อน ทั้งยังถามอาการป่วยของพี่ชายไปด้วย ตอนนี้สองขาของหวงเจี้ยนหมิงมีความรู้สึกแล้ว กระทั้งสามารถเดินแบบช้า ๆ ได้แล้วด้วย บ้างคราวใช้เวลาไม่นานก็สามารถยืนขึ้นมาได้แล้วจริง ๆ ดังนั้นฉู่เหินจึงอดมีความสุขแทนพี่ชายของตัวเองไม่ได้

ทว่าชายหนุ่มกลับเห็นคนอื่น ๆ ทำเหมือนน้ำท่วมปาก ฉู่เหินรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ เอาไว้พูดคุย ดังนั้นเขาจึงรีบกลับบ้านเพื่อจะได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อมาถึงที่ห้องรับแขกใหญ่ของบ้าน หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่แล้ว คนที่พูดก่อนคนแรกก็คือหวงเจี้ยนหมิง

“อาเฉิน เรื่องนี้ไม่อาจกล่าวโทษพวกจาผีกู้ได้ พวกเราก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายนั้นเก่งเกินไป!” เพิ่งพูดถึงตรงนี้ ไม่รอให้หวงเจี้ยนหมิงพูดต่อ พลันมีเสียงโหวกเหวกดังมาจากข้างนอกเสียก่อน

“มีคนอยู่มั้ย ฉู่เหินอยู่ที่บ้านรึเปล่า นี้คือบ้านฉู่เหินใช่ไหม” หลังได้ยินประโยคนี้ ฉู่เหินก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเขารู้สึกว่าคำพูดนี้คนที่มาค่อนข้างจะห่างเหิน และเขาก็คล้ายจะไม่รู้จักตัวเอง กลับเป็นฉู่ฉุนที่นั่งอยู่ด้านข้างลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น

“พี่ชาย รีบมารับเร็วสิ!”

ฉู่เหินมองฉู่ฉุนอย่างแปลกใจ ต้องเข้าใจว่าปกติน้องชายของเขาคนนี้ปกติมักเป็นคนนิ่ง ๆ ทำไมวันนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นลนลานแบบนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามมากอะไร เขารีบเดินออกไปข้างนอก ก่อนจะได้เห็นว่าแขกที่มาเป็นใคร

ฉู่เหินไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่ข้างนอกนั่น พวกดอกไม้ใบหญ้าทั้งหมดนี้สร้างขึ้นมาจากค่ายกลทั้งหมด ถ้ามีคนนอกเดินเข้ามาเดิมทีเข้าออกไม่ได้ แน่นอนว่าบินก็ไม่ได้เช่นกัน! แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่มาเหล่านี้นั้นค่อนข้างมีมารยาท เพราะว่าฉู่เหินสัมผัสได้ว่าอาศัยพลังวรยุทธ์ของพวกเขาการบินเข้ามาเลยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“สวัสดีครับ ผมคือฉู่เหิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือใคร!” หลังจากเดินออกมาต้อนรับ ชายหนุ่มก็พบเข้ากับคนแปลกหน้าสามคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่สวยมาก เดาอายุแล้วน่าจะประมาณสามสิบสี่สิบปี อีกทั้งฉู่เหินยังดูออกว่าคน ๆ นี้ไม่ได้ดูสาวเพราะพลังวรยุทธ์ แต่เธอนั้นอายุน้อยจริง ๆ

เส้นผมสีดำสนิทปล่อยสบาย ๆ กลางแผ่นหลัง รูปร่างสมส่วนมีเสน่ห์แบบเฉพาะส่วน ใบหน้าเปล่งปลั่ง ดวงตากระจางใส กระทั้งองคาพยพทั้งห้ายังสวยเลย! เพียงแต่ที่ฉู่เหินสงสัยก็คือทำไมพอน้าคนนี้ถึงมองเห็นตัวเองแล้วร้องไห้ทันทีเลยล่ะ

คนที่มากับน้าคนนี้ยังมีชายวัยกลางคน ๆ หนึ่งที่อายุไม่ถือว่ามากเช่นกัน ทว่าใบหน้าเขากลับเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แม้ว่าจะเป็นอย่างงั้นเขากลับให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ อีกทั้งดวงตานั้นมีทั้งความเมตตาและเข้มแข็งอีกด้วย!

เพียงหลบตากันครั้งแรก ฉู่เหินก็รู้ว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนเลว อีกทั้งเขากลับรู้สึกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่พิเศษบางอย่างอีกด้วย! ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกมากราวกับสายเลือดเชื่อมถึงกัน แต่ว่าที่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจคือทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกแบบนี้กับคนแปลกหน้ากันนะ นี้มันไม่ถูกต้องเลย

และด้านข้างของทั้งสองยังมีชายชราที่ค่อนข้างสูงอายุคนหนึ่งยืนอยู่ ทว่าดูจากหน้าตา เขากับคนที่ยืนข้างตัวเองกลับคล้ายคลึงกันหลายส่วนทีเดียว

หลังจากเจอทั้งสาม สองคนที่ค่อนข้างอายุน้อยพอเจอเขาก็น้ำตาไหล ส่วนคนที่สูงอายุคนนั้นกลับมีรอยยิ้มเต็มหน้า ลักษณะแบบนั้นเหมือนกำลังชื่นชมเขา!

“พวกเราเข้าไปคุยข้างในกันเถอะ! ที่นี่ไม่ใช่ที่เอาไว้พูดคุย” ที่จริงแล้วฉู่เหินพอจะเดาได้ลาง ๆ แล้วล่ะ แต่เขาไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ดังนั้นเลยให้ทั้งสามเข้ามาในห้องดีกว่า!

แต่ระหว่างทางที่เดินมาก็ไม่ค่อยสงบนัก จอนที่เดินอยู่เขารู้สึกว่าก้าวอย่างยากลำบากด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง ในใจของฉู่เหินรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เขาตื่นเต้นที่เรื่องที่ตัวเองคาดเดาจะกลายเป็นความจริง แต่ระหว่างนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างไร

ระหว่างทางที่ทอดยาว สองสามีภรรยาที่อยู่ด้านหลังมองด้วยสายตาเจ็บปวด ตอนนี้ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าในใจฉู่เหินกำลังต่อสู้อย่างหนัก คนฉลาดที่ไหนก็ดูออก แล้วทำไมฉู่เหินจะไม่รู้กันล่ะ

ทว่าฉู่เหินที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างช้ายิ่งเดินฝีเท้าก็ยิ่งเบาลง ๆ ทว่าไม่กี่ก้าวก็หายไปแล้วกลับมาเป็นปกติ ทุกคนรู้ว่านี้เป็นเพราะฉู่เหินสามารถสงบใจได้แล้ว!

ในเวลานี้ทุกคนกลับเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านอีกครั้ง! หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ให้ทุกคนนั่งลง แต่เขากลับไม่ทำ ฉู่เหินยืนจ้องผู้ชายผู้หญิงแปลกหน้าทั้งสอง

ภายในห้องเกิดความเงียบเข้าปกคลุม กระทั้งเสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน ผ่านไปเนินนานฉู่เหินถึงค่อยเงยหน้าขึ้น เดินไปข้าง ๆ หวงเจี้ยนหมิงและซูวี่เหมย!

“ผมเคยจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งผมก็ต้องตื่นจากฝัน ในใจรู้สึกสับสนนับครั้งไม่ถ้วน ในฝันผมเรียกพ่อกับแม่ พอตกใจตื่นถึงได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ฝันที่ผมจินตนาการ ผมเคยเกลียดพวกคุณและก็คิดถึงพวกคุณมากเช่นเดียวกัน”

“ต่อมาผมก็เริ่มชิน หลายปีมานี้ผมอยู่โดยไม่มีพวกคุณ มีเพียงแค่พี่ชายกับพี่สะใภ้ที่อยู่กับผม! พี่ชายกับพี่สะใภ้ พวกเขารับผมเป็นทั้งน้องชายและเป็นทั้งลูกชายของพวกเขา”