บทที่ 305 คำขอของสมาคมแห่งสัจธรรม

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 305 : คำขอของสมาคมแห่งสัจธรรม

มีประเด็นแล้ว!

เมื่อเมลิสซ่าได้ยินว่าเธอได้รับภารกิจ ในใจของเธอก็พลันตื่นตัว

ก่อนที่เธอจะถูกกักบริเวณ โจเซฟเคยบอกว่าเมื่อเธอถูกปล่อยตัว เธอจะถูกย้ายมาสังกัดหน่วยข่าวกรองเพื่อการปกป้องและการส่งคำสั่งที่ดียิ่งขึ้น

ในเมื่อโจเซฟประสบความสำเร็จในการคืนสู่ตำแหน่งอย่างสวยงามอลังการ ปัญหาที่เขาจะเจอนับจากนี้ไปก็ย่อมมีไม่น้อย…

กรณีนี้ ในฐานะที่เมลิสซ่าเกือบจะเป็นจุดอ่อนเดียวของเขา การย้ายเมลิสซ่าไปอยู่หน่วยข่าวกรองจึงเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวที่ดีที่สุดสำหรับโจเซฟและตัวเธอเอง

แม้ว่าหน่วยรบจะเป็นหน่วยหลักที่แข็งแกร่งที่สุดในหอพิธีกรรมต้องห้ามที่มีอัศวินแห่งแสงมากกว่าครึ่งสังกัดอยู่ และส่วนใหญ่แล้วมีรับหน้าที่รับผิดชอบภารกิจที่อันตรายที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องลงต่อสู้จริงบ่อยมาก ซึ่งนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสมาชิกทั่วไปของหอพิธีกรรมต้องห้ามอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่รู้ว่าหน่วยอื่น ๆ จะมีผู้ที่ภาคภูมิใจในการได้สังกัดหน่วยรบมากน้อยแค่ไหน แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงลับสมองประลองปัญญาแล้วแข่งกันเบียดเข้าไป

แต่ถ้ามองในแง่การต่อสู้อย่างเดียว ในหอพิธีกรรมต้องห้ามนี้ ใครเล่าจะเทียบหัวหน้าอัศวินแห่งแสงอย่างโจเซฟได้?

ถ้าเมลิสซ่าอยากเรียนการต่อสู้ก็ให้ไปขอคำแนะนำจากพ่อของเธอตรง ๆ ไม่ง่ายกว่าเหรอ?

ยิ่งกว่านั้น การกลับมาของโจเซฟก็เป็นการตัดสินใจของสภาผู้อาวุโสด้วย ดังนั้นพวกเขาย่อมสนับสนุนเต็มที่ และไม่กี่วันก่อน เรื่องของออสวาลด์ก็ได้ปิดคดีลงในฐานะความดีความชอบของโจเซฟทั้งหมดไปแล้ว ทำให้ตำแหน่งอัศวินแห่งแสงเปลี่ยนมือกลับมาอยู่กับเขา

ราวกับพายุที่กวาดผ่านทั่วหอพิธีกรรมต้องห้าม

เหล่าแฟนคลับของโจเซฟต่างพากัน ‘สติแตก’ ออสวาลด์เป็นอัศวินแห่งแสง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็เป็นระดับภัยพิบัติตัวจริงเสียงจริง

โจเซฟพูดเบา ๆ ขึ้นมาในตอนนั้นว่า ‘ออสวาลด์ คำว่าน่ารังเกียจจะเป็นคำจารึกบนหลุมศพนาย’ และภาพบันทึกในหัวของออสวาลด์ที่เมามายพลังที่มองไม่เห็นนั้นก็ถูกจารึกในชีวประวัติอัน ‘สติแตก’ จริง ๆ

ในชั่วข้ามคืนนั้น ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วนอร์ซินก็ได้รับรู้ว่า ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ กลับมาแล้ว

ในระหว่างการประชุมช่วงแรก คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาจะกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบทันที ทว่าโจเซฟกลับชี้แจงชัดเจนว่าเขาจะถือตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่อไป

นี่ทำให้เหล่าอัศวินในหน่วยรบที่ตื่นเต้นกระดี๊กระด๊ากลับผิดหวังอย่างมาก แต่ในภายหลังก็เกิดกระแสแปลก ๆ ขึ้นภายในองค์กร นั่นคือการย้ายหน่วย!

อัศวินในหอพิธีกรรมต้องห้ามสามารถย้ายหน่วยได้โดยอิสระ ตราบใดที่พวกเขาผ่านการอนุมัติจากสภาผู้อาวุโสและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยเป้าหมาย

เหมือนตอนที่โจเซฟย้ายจากหน่วยรบไปอยู่หน่วยข่าวกรองนั่นเอง

ในช่วงสองวันมานี้ เหล่าแฟนคลับของโจเซฟที่อยู่ในหน่วยรบได้ส่งใบคำร้องมาเป็นสิบฉบับเพื่อขอย้ายไปอยู่แผนกข่าวกรอง

พวกเขาอ้างว่านี่เป็นการเดินตามรอยเท้าไอดอลของพวกเขา มีแม้กระทั่งผู้คลั่งไคล้ที่เรียกมันว่า ‘เส้นทางแสวงบุญ’ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นชื่อเรียกลับ ๆ

ดังนั้น แม้ว่าโจเซฟจะรับปากวินสตันว่าจะไม่ไปแย่งตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบก็ตามที

แต่ตอนนี้ ตราบใดที่เขายกแขนขึ้นเรียกคน กำลังพลของหน่วยรบจะหายวับไปหนึ่งในสามส่วนแล้วเปลี่ยนไปอยู่หน่วยข่าวกรองอย่างทันควัน…

นี่น่ากลัวยิ่งกว่าการแย่งตำแหน่งกันมาก

แม้ว่าสถานการณ์ที่ว่ามานี้จะไม่ได้เกิดขึ้นก็ตามที แต่ในอนาคต ตำแหน่งงานในหน่วยข่าวกรองก็อาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหน่วยรบเลยก็ได้

นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันเหมือน ๆ กับเหตุผลในการถูกกักตัวของเมลิสซ่า ซึ่งเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะถูกย้ายไปอยู่หน่วยข่าวกรองทันที…ไม่สิ เธอไปแน่ ๆ

ดังนั้น ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เห็นกันชัด ๆ นี้ ทำไมถึงได้มีภารกิจใหม่โผล่มากะทันหันล่ะ?

แถมยังไม่ใช่ภารกิจทั่วไปด้วย

งาน ‘ปิดล้อมที่มั่นลัทธิกลืนศพ’ มีความเสี่ยงสูงเสียดฟ้า และอาจจะต้องใช้เวลาทำเป็นเดือน

ทุกคนรู้ว่าผู้นำของลัทธิกลืนศพคือนักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติ ‘ไวลด์’

แล้วไวลด์กับโจเซฟก็เป็นศัตรูคู่แค้นกัน

แล้วตอนนี้จะมาให้จุดอ่อนอย่างเมลิสซ่าซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของโจเซฟเข้าไปร่วมงานปิดล้อมที่มั่นลัทธิกลืนศพ…จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากส่งแกะเข้าปากเสือเลย

เงื่อนงำเกี่ยวกับภารกิจนี้ใหญ่เกินไปจริง ๆ…

เมลิสซ่าหรี่ตาแล้ววางซองภารกิจพวกนี้ลง เธอเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่ครูฝึกคนนั้นแล้วถามขึ้นว่า “นอกจากฉัน ยังมีใครที่เข้าร่วมภารกิจนี้อีกไหมคะ? การประเมินระดับความอันตรายล่ะคะ?”

ครูฝึกคนนั้นตอบกลับมา “สมาชิกทั้งหมดของหน่วยรบย่อยที่ห้ารวมไปถึงอัศวินแห่งแสงวิเวียนด้วย ส่วนระดับความอันตรายอยู่ที่ระดับ P-D”

หน่วยรบทั้งหมดแบ่งออกเป็นสิบหน่วยย่อย มีหกหน่วยที่นำโดยอัศวินแห่งแสง ส่วนหัวหน้าหน่วยย่อยที่ห้าคือ ‘หอกสีชาด’ หรือวิเวียน การที่เมลิสซ่าซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหน่วยย่อยที่ห้าจะเข้าร่วมกิจกรรมของหน่วยก็ไม่แปลกเลย

ส่วนระดับ P-D ที่ว่านั้นก็คือภารกิจนี้สามารถลุล่วงได้โดยระดับสัตว์ประหลาด แต่ศัตรูอาจจะอยู่ในระดับภัยพิบัติ

เขาพูดเสริม “รอบนี้เป็นภารกิจเร่งด่วนที่ออกโดยสภาผู้อาวุโส เราปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ”

เมลิสซ่าไม่เชื่อเรื่องนี้ เธอจ้องเขาแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่ปฏิเสธค่ะ แต่ขอฉันบอกลาพ่อของฉันก่อน ฉันจำได้ว่าในหอพิธีกรรมต้องห้ามมีกฎนี้ด้วยใช่ไหมคะ? ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระดับสัตว์ประหลาดจะไปทำภารกิจระดับ P หรือมากกว่านั้น พวกเขาจะสามารถบอกลาสมาชิกครอบครัวได้”

ครูฝึกคนนั้นยังดูเหมือนเดิมแล้วพูดว่า “ผมช่วยถ่ายทอดข้อความให้คุณได้นะ พ่อคุณไม่น่ามีเวลาหรอก”

เมลิสซ่าพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าตอนนี้พ่อของฉันจะมีเวลาไหม ถ้าเขารู้ว่าลูกสาวของเขาจะต้องไปออกภารกิจระดับ P-D ล่ะก็ เขาจะมีเวลาแน่ ๆ ค่ะ”

ครูฝึกคนนั้นมองสีหน้าของเธอแล้วพูดว่า “ที่จริง คุณโจเซฟก็กำลังทำภารกิจด่วนอีกชิ้นอยู่นะครับ”

เมลิสซ่ายังไม่ยอมเชื่อ “ภารกิจอะไรคะ?”

ครูฝึกคนนั้นพูดอย่างลังเลเล็กน้อย “แต่เดิมแล้วมันควรเป็นความลับ แต่คุณเป็นสมาชิกครอบครัวของเขาแถมยังเป็นสมาชิกหน่วยรบอีก ผมบอกคุณคงได้…รองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมแอนดรูว์ได้ออกคำขอฉันมิตรมาที่หอพิธีกรรมต้องห้าม ขอให้เราส่งคนไปช่วยกวาดล้างสังสาระจักรกลครับ”

เมลิสซ่าตะลึงไปชั่วขณะกับภารกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้

สังสาระจักรกลเป็นสถานที่ในการทำการทดลองต่าง ๆ ของสมาคมแห่งสัจธรรม มันสามมารถเทียบได้กับชั้นใต้ดินลับสุดยอดของหอพิธีกรรมต้องห้าม

แต่ตอนนี้พวกเขากลับขอให้หอพิธีกรรมต้องห้ามส่งคนไปช่วยเก็บกวาดพื้นที่ลับสุดยอดนี้…มันบ้าไปแล้วชัด ๆ ก่อนหน้านี้สมาคมแห่งสัจธรรมซ่อนสังสาระจักรกลไว้ราวกับสมบัติ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง? มันไม่ต่างกับเอาคนรักของตัวเองมาแบ่งกับคนอื่นเลย!

เมลิสซ่าถามต่ออย่างตะลึงงัน “ทำไมล่ะ?”

“เหตุผลที่แอนดรูว์ให้มาคือมีนักวิชาการสองคนหายตัวไปในระหว่างทำการทดลองในช่วงนี้ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะหลงเข้าไปในพื้นที่ซึ่งจำกัดการเข้าถึงภายในสังสาระจักรกล ดังนั้นพวกเขาเลยตัดสินใจเก็บกวาดสังสาระจักรกล แต่เพราะมันไม่ได้ถูกสำรวจแล้วทั้งหมด ความเสี่ยงเลยสูงมาก พวกเขาเลยขอความช่วยเหลือจากคุณโจเซฟน่ะ”

ครูฝึกมองเวลาแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ถ้าคุณมีข้อความอะไร ผมจะส่งต่อถึงคุณโจเซฟให้ แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาให้เสียแล้วนะครับ”

แม้ว่าในใจเมลิสซ่าจะไม่ได้คล้อยตาม แต่ภารกิจทั้งฉบับก็ไม่ได้มีข้อบกพร่องใด ๆ ให้เห็น สุดท้ายเธอจึงพยักหน้า

ครูฝึกคนนั้นมองตามแผ่นหลังที่คล้อยลับไปของเด็กสาวผมแดง แล้วมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย

ในดวงตาของเขามีภาพดาบยาวที่ล้อมด้วยเปลวเพลิงปรากฏขึ้นจาง ๆ