บทที่ 310 เว่ยฉิงไขคดียาก

“เหตุใดจึงมีเจ้าหน้าที่มากเช่นนี้ เด็กพวกนั้นมาจากไหนกัน แล้วนักโทษนั่นด้วย?”

“เด็กคนนั้นหน้าคุ้นๆ ไหม?”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นบุตรของตระกูลจ้าวที่หายไปเมื่อสองสามวันก่อนใช่หรือไม่?”

“ใช่ๆ อีกคนเหมือนกับบุตรของสกุลถัง…หรือนี่จะเป็นเด็กที่หายไปเมื่อสิบปีที่แล้ว?”

“เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาคือเด็กที่หายไป นี่พบตัวเด็กทั้งหมดแล้วหรือ?”

ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดใจมาก ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามีเด็กๆ หายไปเรื่อยๆ ในตลาดเองก็มีข่าวลือว่ามีสัตว์ประหลาดออกมากินเด็ก ทำให้ผู้คนเริ่มตื่นตระหนก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีคนลักพาตัวพวกเขาไป และในที่สุดก็เจอเด็กทุกคนแล้ว

“ต้องไปบอกสกุลจ้าว!”

“ข้าไปบอกสกุลถังเอง!”

…..

ณ ศาลาว่าการ

เจ้าหน้าหลายคนแต่งกายด้วยชุดขุนนางประจำตำแหน่ง กำลังเดินออกจากศาลาว่าการไปที่ร้านสุราเพื่อกินดื่มด้วยกัน

“เจ้าคิดว่าคดีของรองเจ้าคณะมณฑลจะคลี่คลายเร็วๆ นี้หรือ? ข้ายังไม่เห็นความคืบหน้าเลย”

“เฮ้อ ! เขามาใหม่คงอยากได้ผลงาน แต่ใครจะคิดว่าจะเจอคดีที่ยากขนาดนี้”

“ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ[1]ก็เช่นนี้ เราก็ควรปล่อยให้เขาเรียนรู้ ว่าเรื่องต่างๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด”

“ใต้เท้าเหวินให้เวลาเขาหนึ่งเดือนใช่หรือไม่? ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วคงไม่มีวี่แววจะไขคดีได้ ใต้เท้าเหวินจะลงโทษเขาอย่างไรนะ”

“ถ้าร้ายแรงคือให้ออกจากราชการ เบาหน่อยก็โดนลดตำแหน่ง อย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

“สมควรแล้ว ทำเป็นขยันขันแข็งจนพวกเราดูเป็นคนเกียจคร้านไปเลย”

“แต่พวกเราไม่ได้เกียจคร้านนะ พวกเราแค่ชั่งน้ำหนักเก่ง คดีครั้งนี้มันยากเกินกว่าจะไขได้ หากทำไม่ได้ก็จะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนไล่ออกอีก”

“ฮ่าๆๆ”

พวกเขาพากันพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ในขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบเข้ามาราวกับแจ้งเรื่องด่วน หนึ่งในนั้นขวางเจ้าหน้าที่เอาไว้พร้อมกับถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดวิ่งหน้าตาตื่นเช่นนี้”

“ท่านรองเจ้าคณะมณฑลพบเด็กๆ ที่หายไปแล้ว! พวกเขากำลังจะมาถึงศาลาว่าการในไม่ช้า! ข้าต้องรายงานเรื่องด่วนนี้กับใต้เท้าเหวิน” พูดจบเขารีบขอตัววิ่งไปศาลาว่าการทันที ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง พวกเขาได้ยินถูกต้องใช่หรือไม่?

รองเจ้าคณะมณฑลผู้นั้นไขคดีได้จริงหรือ?

คดีที่ไม่สามารถแก้ได้มาเป็นสิบปี ถูกแก้ภายในสิบวัน?

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ สีหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะตั้งสติได้

“ไปดูกันเถอะ”

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นรีบเข้าไปดูการรายงานคดีทันที

“ใต้เท้าขอรับ ท่านรองเจ้าคณะมณฑลพบเด็กที่หายตัวไปแล้วขอรับ”

เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดเสียงดังมาก ทำให้ใต้เท้าเหวินรู้สึกตื่นตะลึง

ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ครอบครัวของเด็กเหล่านั้นต่างมาที่ศาลาว่าการเพื่อร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยหาบุตรหลานให้ แม้รองเจ้าคณะมณฑลคนใหม่จะรับผิดชอบในการสืบคดี มันก็เป็นเรื่องใหญ่มาก เขาจึงได้ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงอาจารย์ของเขาให้กราบทูลฮ่องเต้ เพื่อส่งคนมาสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นอกจากนี้ยังมีคนไร้ประโยชน์ที่อาจจะคอยขัดขวางอาจารย์ก็เป็นได้ แต่เขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่อาศัยวิธีรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[2]เช่นนี้

พู่กันในมือของใต้เท้าเหวินตกลงบนกระดาษ หมึกสีดำแผ่กระจาย

“พบแล้วหรือ?” ท่านเจ้าคณะเหวินดึงสติกลับมาได้ กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ใช่ขอรับ เดินทางเกือบจะมาถึงแล้วขอรับ” เจ้าหน้าที่ตอบ

เจ้าคณะมณฑลเหวินเดินออกไปที่ด้านนอกอย่างรีบเร่ง โดยมีเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ตาม เมื่อไปถึงก็พบกับกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่นำโดยเว่ยฉิง ด้านหลังของเขาเป็นเหล่าเจ้าหน้าที่ เด็กเล็กและหนุ่มสาวที่ดูอ่อนแอและทุกข์ทรมาน

เว่ยฉิงอุ้มถังหลี่ลงมาจากหลังม้า ก่อนจะโค้งคำนับใต้เท้าเหวิน

“ใต้เท้า เจ้าหน้าที่ได้พาเหยื่อทั้งเก้าสิบสี่คน พร้อมกับคนร้ายหนึ่งคนและผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสามสิบเอ็ดคนมาแล้วขอรับ”

ท่าทีของท่านเจ้าคณะมณฑลที่มีต่อเว่ยฉิงนั้นดีขึ้น เขาตบบ่าเว่ยฉิง

“ดียิ่ง ดี…อู่จวิ้นเฉิง เจ้าทำได้ดีมาก”

ใต้เท้าเหวินมองดูเด็กที่น่าสงสารเหล่านั้น เว่ยฉิงอธิบายให้ใต้เท้าเหวินทราบคร่าวๆ ถึงคดีในครั้งนี้

“ใต้เท้า คนร้ายตัวจริงหรือหมอยาพิษแซ่ฟาง เขาจ้างวานนักฆ่าลักพาตัวเด็กอายุห้าถึงสิบปีไปทดลองยาขอรับ”

“ใต้เท้า นี่คือบันทึกรายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ในสิบห้าปีที่ผ่านมา เขานำตัวเด็กไปทดลองถึงสามร้อยยี่สิบคน ในช่วงห้าปีแรกพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงเพื่อจับเด็กๆ แต่เมื่อสิบปีก่อน หมอฟางก็ได้มุ่งหน้ามาปักหลักที่ชิงเหอ ส่วนเก้าสิบสี่คนตรงนี้คือผู้รอดชีวิต” เว่ยฉิงกล่าว

จากสามร้อยยี่สิบคนเหลือเพียงเก้าสิบสี่คนเท่านั้น มีเด็กสองร้อยยี่สิบหกคนที่หายไป.. แต่ในบรรดาเก้าสิบสี่คนนี้ มีคนที่เสียสติจนเป็นซากศพเดินได้ไปแล้วถึงสามสิบห้าคน…

ข้อมูลเหล่านี้คือจำนวนคนทั้งหมด นี่เป็นเรื่องที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมเป็นอย่างมาก ใบหน้าของใต้เท้าเหวินเต็มไปด้วยความโกรธและทุกข์ใจ เขาโกรธคนร้ายผู้นี้มาก

เจ้าคณะมณฑลเหวินออกคำสั่งให้ตั้งที่พักพิงให้แก่เด็กๆ ทันที จัดหา อาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้าและที่พักอาศัย ส่วนนักโทษก็นำตัวไปขังไว้คุกใต้ดินเพื่อรอการพิจารณาคดี ดังนั้นในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดหลินหลานจึงถูกควบคุมตัวไปทันที

ในขณะที่นางกำลังโดนพาตัวไป เด็กสาวส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ถังหลี่ที่พยักหน้าให้นาง

‘ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้อาหยูกลับมาเป็นปกติแน่นอน’ ถังหลี่บอกนางผ่านสายตา ทำให้หลิวหลานวางใจ เด็กสาวโค้งให้ถังหลี่ก่อนจะถูกนำตัวออกไป

“ใต้เท้าเด็กเหล่านี้ได้รับยาไปเป็นจำนวนมาก บางคนก็อ่อนแอ เราต้องให้หมอตรวจร่างกายพวกเขาให้ดีก่อน” เว่ยฉิงกล่าว

“ไปพาหมอที่เก่งที่สุดในชิงเหอมา” ใต้เท้าเหวินพยักหน้าและออกคำสั่งทันที

“ใต้เท้าขอรับ คนพวกนี้เดิมทีเขาเป็นคนที่มีชีวิตเหมือนเรา แต่หลังจากได้รับยาของหมอยาพิษฟางพวกเจาจึงกลายเป็นซากศพเดินได้เช่นนี้ เมื่อเขาตื่น พวกเขาจะมีพละกำลังมหาศาล และโจมตีอย่างคนตามืดมัวเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของเขาและคนอื่น เราต้องเตรียมสถานที่ไว้ให้ดี” เว่ยฉิงกล่าว

“ใต้เท้า ถ้าพวกเขากัดคนอื่น คนที่โดนกัดเองก็จะกลายเป็นอย่างพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นต้องระวังด้วย” ถังหลี่พูดขึ้นเตือน

เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มันแพร่งพรายออกไป ไม่เช่นนั้น หายนะต้องตามมาแน่นอน

ใต้เท้าเหวินพยักหน้าก่อนจะให้คนพาเหล่าศพมีชีวิตนี้ออกไป ตอนนี้ทุกอย่างก็ได้สิ้นสุดแล้ว เจ้าคณะมณฑลเหวินเรียกตัวเว่ยฉิงไปคุยด้วย ว่าตามตรงแล้วเขาค่อนข้างประทับใจในตัวของคุณชายอู่ผู้นี้มาก

ก่อนหน้านี้ตอนที่ทราบว่าอู่เสี่ยวโหวจะเข้ารับตำแหน่งรองเจ้าคณะมณฑล เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นพวกไม่เอาไหน แต่ใครจะไปคิดว่าคุณชายอู่จะสามารถไขคดีที่ไม่มีใครสามารถแก้นับสิบปีได้!

“นางเป็นใครหรือ?” ใต้เท้าเหวินมองไปยังถังหลี่

ก่อนที่ถังหลี่จะพูดตอบ เว่ยฉิงก็กล่าวตัดหน้าขึ้นมา

“นางคือแม่นางถัง เถ้าแก่เนี้ยร้านอาหารหนิงเฟิงขอรับ การไขคดีลักพาตัวครั้งนี้ต้องขอบใจนาง”

เว่ยฉิงไม่สามารถซ่อนความภูมิใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาได้ แน่นอนว่าเขาย่อมภูมิใจในตัวภรรยามาก

ใต้เท้าเหวินเคยได้ยินมาสักพักแล้วว่าอู่จวิ้นเฉิงคนนี้ไปหลงรักหญิงม่าย เรื่องพวกนี้ทำให้ความประทับใจในตัวของอีกฝ่ายสำหรับเขานั้นแย่ลงกว่าเดิม

แต่ดูเหมือนจะเป็นเขาที่อคติไปเอง

รองเจ้าคณะมณฑลผู้นี้ไม่เลวเลย สตรีนางนี้เองก็เช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นานเหล่าสมาชิกครอบครัวที่สูญเสียบุตรหลานไปก็รีบมาที่ศาลาว่าการด้วยความปีติยินดี

[1] ลูกวัวเพิ่งเกิดใหม่ย่อมไม่รู้จักเสือ จึงไม่ยำเกรงหรือแตกตื่นเหมือนเหล่าพ่อแม่วัวซึ่งอาจเคยผ่านอันตรายมาแล้ว ลูกวัวอาจเดินเข้าไปขวิดเสือขณะที่วัวในฝูงต่างมองระทึก ลูกวัวจึงกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นกลัว

[2] หมายถึง ทำสิ่งที่รู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ หรือดันทุรังทำในสิ่งที่เกินความสามารถ เฉกเช่นเดียวกับการพยายามรักษาม้าตาย