ตอนที่ 270 ลอบพบ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 270 ลอบพบ
ญาติผู้พี่ชายตระกูลต่งสองคนและญาติผู้พี่สาวตระกูลต่งสามคนที่ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถึงคือบุตรของท่านลุงต่งชิงผิงของไป๋ชิงเหยียน

ไม่นาน ฉินหมัวมัวข้างกายของต่งซื่อเดินมาหยุดข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียน เอ่ยถามเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ คุณหนูสี่ คุณชายและคุณหนูของตระกูลต่งอยากเชิญคุณหนูทั้งสองไปล่องเรือชมทะเลสาบด้วยกัน ฮูหยินให้บ่าวมาถามความเห็นของคุณหนูว่าอยากไปเที่ยวเล่นกับบรรดาคุณชายคุณหนูตระกูลต่งหรือไม่เจ้าคะ”

ต่งซื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเพิ่งกลับมาจากสงครามนองเลือดที่หนานเจียง พวกนางควรได้ไปพักผ่อนเปิดหูเปิดตาบ้าง

ที่สำคัญ…การที่บุตรสาวสนิทสนมกับญาติทางฝ่ายมารดาของต่งซื่อ ต่งซื่อเห็นว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง หลานชายและหลานสาวของนางไม่หวาดกลัวไป๋ชิงเหยียนเรื่องที่บุตรสาวของนางสังหารทหารยอมจำนน แต่กลับเชิญไปล่องเรือชมทะเลสาบ ต่งซื่อจะไม่ตกลงได้อย่างไรกัน

“พี่หญิงใหญ่…พี่หญิงใหญ่!” น้ำเสียงของไป๋จิ่นจื้อร้อนรน มองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเป็นประกาย แทบจะดึงเสื้อแขนไป๋ชิงเหยียนเพื่ออ้อนวอนแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าอ้อนวอนของไป๋จิ่นจื้อจึงกล่าวยิ้มๆ “รบกวนฉินหมัวมัวไปเรียนท่านแม่ด้วยว่าข้ากับเสี่ยวซื่อจะกลับช้าสักหน่อย”

“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเรียนฮูหยินเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

น้ำเสียงของฉินหมัวมัวเต็มไปด้วยความปีติ ก่อนมานางยังกลัวอยู่เลยว่าคุณหนูใหญ่อาจปฏิเสธ

ต่งซื่อไม่วางใจจึงสั่งให้ฉินหมัวมัวตามไปด้วย เมื่อคุณหนูทั้งสามของตระกูลต่งได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะไปด้วย พวกนางจึงย้ายไปนั่งบนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนอย่างดีใจ

“ญาติผู้พี่…ญาติผู้น้อง!” ต่งถิงเจินเดินจับชายกระโปรงขึ้นไปบนรถม้า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนก็ยิ้มกว้าง “เดิมทีเมื่อวานข้าอยากไปเยี่ยมพี่หญิงและน้องหญิง ทว่า ท่านแม่ไม่ให้ข้าไป กล่าวว่าพวกท่านเพิ่งกลับมาจากหนานเจียงคงเหนื่อยมาก ควรปล่อยให้พวกท่านพักผ่อนก่อน วันนี้พวกเรารู้ว่าพวกท่านไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง จึงตั้งใจมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ในที่สุดก็ได้เจอพวกท่านเสียที!”

ไป๋ชิงเหยียนตะลึง นึกว่านี่คือเรื่องบังเอิญ ไม่นึกเลยว่าพวกนางจะตั้งใจมาดักรออยู่ที่นี่ ไป๋ชิงเหยียนมองต่งถิงเจินยิ้มๆ

“เจ้าส่งคนมาบอกก็ได้ เหตุใดต้องลำบากมารอเองตั้งแต่เช้าเช่นนี้ด้วย”

ขอบตาของต่งถิงเจินร้อนผ่าว นางกุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้ มองสำรวจไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงได้รับบาดเจ็บจากสงครามครั้งนี้บ้างหรือไม่เจ้าคะ ตอนท่านพ่อและท่านแม่ทราบเรื่องที่พี่หญิงเดินทางไปหนานเจียง พวกท่านตกใจจนแทบลมจับเลยเจ้าค่ะ ทุกคนล้วนเป็นห่วงพี่หญิงใหญ่”

ไป๋ชิงเหยียนลูบไปที่มือของต่งถิงเจินอย่างแผ่วเบา “พี่ไม่เป็นอันใด เจ้าวางใจได้”

เทียบกับบุตรสาวภรรยาเอกอย่างต่งถิงเจินที่ดูสนิทสนมคุ้นเคยกับไป๋ชิงเหยียนเป็นอย่างดี ต่งถิงอวี๋และต่งถิงฟางดีใจ แต่พวกนางค่อนข้างสำรวมเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ชิงเหยียน คงเป็นเพราะรัศมีความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากร่างของไป๋ชิงเหยียนทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัว

ทว่า พวกนางกลับเข้ากันได้ดีกับไป๋จิ่นจื้อที่มีนิสัยราวกับเด็ก

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวงไปอย่างช้าๆ ยังไม่ทันถึงทะเลสาบเถาอิ๋น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของบรรดาเด็กสาวดังขึ้นตลอดทาง

ต่งฉางเซิงบุตรชายคนโตของต่งชิงผิงที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนมองเห็นบรรยากาศที่คึกครื้นตลอดสองข้างทาง เขาวกม้ากลับไปหารถม้าของสาวๆ เอ่ยถามเสียงเบา “น้องๆ ด้านนอกอากาศดี พวกเจ้าอยากออกมาเดินเล่นสักหน่อยหรือไม่”

ต่งถิงเจินแหวกม่ามองดูบรรยากาศด้านนอก เบื้องหน้าเต็มไปด้วยบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิที่สดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา หญิงสาวอดยิ้มออกมาไม่ได้

“เป็นช่วงงามของฤดูใบไม้ผลิเลยเจ้าค่ะ ต้นดอกท้อสองข้างทางสวยงามมากเจ้าค่ะ พวกเราลงไปเดินสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ พี่หญิง!”

“พี่หญิงใหญ่ ด้านนอกคึกครื้นมากเลยเจ้าค่ะ ต้นไม้ผลิดอกสวยงามยิ่งนัก!”

ไป๋จิ่นจื้อหันไปทำตาปริบๆ ให้ไป๋ชิงเหยียน

หากไม่ใช่เพราะคำอ้อนวอนของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋ชิงเหยียนกลับจวนไปนานแล้ว เมื่อเห็นน้องสาวมองตนด้วยแววตาอ้อนวอนเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนมองผ่านไป๋จิ่นจื้อออกไปทางนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าแดดด้านนอกกำลังดี องครักษ์และหมัวมัวที่ติดตามาด้วยก็มีมากพอ หญิงสาวจึงพยักหน้า

“เช่นนั้นก็ลงไปดูสักหน่อยเถิด!”

เมื่อไป๋จิ่นจื้อได้รับคำอนุญาตจากไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยบอกให้คนบังคับรถม้าหยุดรถอย่างดีใจ จากนั้นจูงมือต่งถิงอวี๋และต่งถิงฟางเดินลงไปจากรถม้า

“พี่หญิง…” ต่งถิงเจินจับมือของไป๋ชิงเหยียนไว้ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะลงไปจากรถม้า ขยับเข้าไปใกล้ญาติผู้พี่ กระซิบเสียงแผ่วเบา

“ท่านพี่ฉางหยวนขอร้องให้ท่านพี่และข้าแอบนัดพี่หญิงมาพบสักครั้งเจ้าค่ะ พี่หญิงอย่าได้โกรธข้าเลยนะเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง นางถูกต่งถิงเจินประคองลงมาจากรถม้าแล้ว

ต่งฉางเซิงและต่งฉางชิ่งที่ลงมาจากหลังมาและยืนรออยู่ที่ข้างรถม้าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ

“ญาติผู้น้องทั้งสอง!”

“ญาติผู้พี่…ญาติผู้น้อง!”

ต่งฉางเซิงโตกว่าไป๋ชิงเหยียนสามเดือน ถือว่าเป็นพี่ชายของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนได้ยินมารดาของตนเล่าว่าต่งฉางเซิงจะแต่งงานกับบุตรสาวภรรยาเอกของโซ่วซานกงในวันที่สิบห้า เดือนสี่ที่จะถึงนี้

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับต่งฉางเซิงและต่งฉางชิ่งยิ้มๆ “ได้ยินท่านแม่บอกว่าปีนี้ญาติผู้พี่ก็ลงสอบเช่นเดียวกัน คะแนนไม่ธรรมดาอีกด้วย เหยียนขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับญาติผู้พี่ทั้งเรื่องงานและเรื่องความรักด้วยนะเจ้าคะ”

“ขอบคุณน้องหญิงมาก หวังว่าเวลานั้นน้องหญิงจะนำของขวัญมามอบให้พี่ด้วยนะ”

ต่งฉางเซิงเป็นคนสุขุมอ่อนโยน เมื่อกล่าวหยอกไป๋ชิงเหยียนเล่นเช่นนี้ ทำให้ดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม

ต่งซื่อทิ้งบ่าวรับใช้ หมัวมัวและองครักษ์ไว้ให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อไม่น้อย ต่งฉางเซิงก็พาคนมาไม้น้อยเช่นเดียวกัน คุณหนูและคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้จึงดูเป็นที่เอิกเกริกขึ้นมาทันที ชาวบ้านที่เล่นคึกครื้นอยู่ตามถนนต่างรีบหลบฉากเป็นพัลวัน

ไป๋จิ่นจื้อพาต่งถิงอวี๋และต่งถิงฟางไปเล่นเก็บดอกไม้กันอย่างสนุกสนาน มีเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นบางครั้ง เหมือนไป๋จิ่นจื้อกำลังเล่าเรื่องที่ตัวเองได้รับการแต่งตั้งเป็นเซี่ยนจู่อย่างไม่ได้รู้สึกดีใจสักเท่าใด

ต่งถิงเจินกอดแขนไป๋ชิงเหยียน ด้านหลังมีองครักษ์และหญิงชราจำนวนมากเดินตาม หญิงสาวกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงแผ่วเบา

“พี่หญิงอย่าโกรธข้าเรื่องท่านพี่ฉางหยวนเลยนะเจ้าคะ! ได้โปรดอย่าบอกท่านอาด้วยเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นข้าต้องโดนลงโทษด้วยกฎของตระกูลแน่เจ้าค่ะ”

“กลัวโดนกฎของตระกูลเจ้ายังกล้าหลอกท่านแม่พี่เช่นนี้ หมัวมัวข้างกายของท่านแม่พี่ตามมาด้วยนะ เจ้าคิดว่าฉินหมัวมัวโง่หรืออย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่ยินดียินร้าย

“พี่หญิงคงไม่ทราบว่าท่านพี่ฉางหยวนน่าสงสารมากเพียงใด เขาผอมซูบลงไปมากเลยเจ้าค่ะ!” ต่งถิงเจินเอ่ยถิงญาติผู้พี่ของตัวเองก็รู้สึกสงสารจับใจ

“ตั้งแต่ที่พี่หญิงเดินทางไปหนานเจียง ท่านพี่ฉางหยวนไม่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบสักวัน เดิมทีท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าหลูกล่าวว่าท่านพี่ฉางหยวนจะสอบติดหนึ่งในสามอันดับแรก ทว่า ท่านพี่ฉางหยวนเกือบสอบไม่ติดสักอันดับ…”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเรื่องที่ต่งฉางหยวนเกือบสอบไม่ติดมาจากท่านแม่แล้ว ท่านแม่ลอบสื่อกับนางว่าต่งฉางหยวนเป็นห่วงเรื่องที่นางเดินทางไปหนานเจียงจึงไม่มีสมาธิสอบ ชุนเถายังกล่าวว่าเมื่อต่งฉางหยวนรู้ว่านางป่วยหนักก็มาเยี่ยมอยู่หลายครั้ง ต่อมาไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องที่นางเดินทางไปหนานเจียงได้อย่างไร เขาไปอ้อนวอนขอท่านแม่ว่าจะเดินทางไปออกรบ จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้าเตรียมเดินทางไปยังหนานเจียง ทว่า ถูกหลูผิงรั้งตัวไว้เสียก่อน

สำหรับต่งฉางหยวน หญิงสาวเห็นเขาเป็นเพียงน้องชาย ไม่เคยคิดเป็นอื่นเลยแม้แต่น้อย

“ตอนที่ท่านอารองและท่านอาสะใภ้จากไป ท่านฝากท่านพ่อและท่านแม่ดูแลท่านพี่ฉางหยวน บัดนี้พี่หญิงกลับมาแล้ว ท่านพี่ฉางหยวนกล่าวว่าอยากพบหน้าพี่หญิงก่อนสอบปากเปล่าต่อหน้าเบื้องพระพักตร์สักครั้ง ข้าและท่านพี่สงสารจึงคิดแผนนี้ขึ้นมาเจ้าค่ะ หากพี่หญิงจะโทษก็โทษข้าเถิดเจ้าค่ะ!” ขอบตาของต่งถิงเฉินแดงก่ำ “ทว่า พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ นอกจากข้าและท่านพี่แล้ว ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ พวกเขาแค่คิดว่าวันนี้มาล่องเรือชมทะเลสาบเท่านั้นเจ้าค่ะ!”