“เจ้ากินแค่นี้อีกเดี๋ยวก็หิวแล้ว พวกเราต้องทำงาน จำเป็นต้องกินให้อิ่ม อีกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้กินอาหารฝีมือน้องสาวของข้า เจ้าเลิกพูดมาได้แล้ว กินเข้าไปอีกถ้วย”
โจวต้าไห่พูดออกมาพร้อมเผยฟันสีขาวออกมาให้เห็น
เมื่อพูดถึงเรื่องการทำอาหารของโจวกุ้ยหลาน ใบหน้าของเขาก็มีความภาคภูมิใจปรากฏออกมาให้เห็น
หลิวเซียงเหลือบมองข้าวสวยที่อยู่ด้านหน้า กลืนน้ำลาย นางไม่สามารถอดทนต่อความดึงดูดของอาหารด้านหน้าได้ นางรับมาทันทีและกินมันเข้าไป
โจวต้าไห่ตักข้าวของตนเอง มองพฤติกรรมของครอบครัวสามคนนั้น เขาส่ายหน้าทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อตักข้าวเสร็จแล้วก็กินต่อไป
น้องเขยคนนี้รักและดูแลน้องสาวของตนมากจริง ๆ
แบบนี้ก็ดีแล้ว เนื่องจากยังไงเขาก็สู้น้องเขยไม่ได้……
หลิวเซียงกินข้าวไปถึงสามถ้วยเต็ม ทางด้านของโจวต้าไห่เองก็กินข้าวไปถึงสองถ้วย ข้าวที่เหลือก็ยกให้เป็นของสวีฉางหลิน
ทางด้านนี้โจวกุ้ยหลานถูกป้อนข้าวจนอิ่มแล้ว นางกินไม่ไหวอีกต่อไป ตอนนี้สวีฉางหลินถึงยอมปล่อยนาง จากนั้นก็ใช้ตะเกียบตะกุยข้าวที่เหลือใส่ปากตนเอง
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ด้านข้างเองก็เช่นกัน ใช้ตะเกียบตะกุยข้าว
มือของเขาเล็กมาก ถือตะเกียบไม่ถนัด จึงทำให้กินได้ยาก
รอคนพวกนี้กินข้าวเสร็จ หลิวเซียงหยิบขวานลุกขึ้นไปตัดต้นไม้ โจวต้าไห่ไปแย่งขวานมาพร้อมบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นางควรทำ แต่หลิวเซียงก็บอกกลับมาว่า นางไม่อยากกินข้าวของผู้อื่นโดยเปล่าประโยชน์
ทั้งสองพัวพันกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดสวีฉางหลินและเจ้าก้อนน้อยก็กินข้าวเสร็จ
โจวกุ้ยหลานเก็บถ้วยและตะเกียบ กำลังจะกลับไปพร้อมเจ้าก้อนน้อย มองไปที่ทั้งสองคน พูดเสนอออกมาว่า “พวกข้าจะกลับแล้ว หลิวเซียง เจ้ากลับไปพักผ่อนกับพวกข้าไหม ?”
“กลับไปกับกุ้ยหลานเถอะ” โจวต้าไห่ที่อยู่ด้านข้างเองก็พูดออกมา อยู่ที่นี่นางช่วยอะไรไม่ได้
ได้ยินคำพูดของโจวต้าไห่ หลิวเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามโจวกุ้ยหลานและเจ้าก้อนน้อยลงเขาไปด้วยกัน
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน หลิวเซียงรีบออกไปสวนหลังบ้านเพื่อจัดเก็บและเก็บกวาดแปลงผักหลังบ้าน โจวกุ้ยหลานตะโกนออกไปหลายครั้งนางก็ไม่ยอมหยุด สุดท้ายโจวกุ้ยหลานก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตามนางไปจัดเก็บแปลงผักหลังบ้านด้วย
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหลิวเซียงก็เป็นแขก นางไม่สามารถปล่อยให้หลิวเซียงที่เป็นแขกไปทำงานได้ ให้นางพักผ่อนไปเถิด
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังถอนหญ้า หลิวเซียงก็หันไปหาโจวกุ้ยหลานและพูดออกมาว่า “เจ้าไม่ถนัดกับการทำไร่”
“อือ ข้าทำไร่ไม่ค่อยเป็น” โจวกุ้ยหลานตอบกลับไป นี่เป็นเรื่องจริง
“ หากการทำไร่เชื่องช้าอย่างเจ้า เจ้าต้องไม่มีข้าวกินแนๆ” หลิวเซียงพูดออกมาอีกหนึ่งประโยค
โจวกุ้ยหลานตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร สามีของข้าเลี้ยงข้าได้”
คำพูดนี้ทำให้หลิวเซียงสำลัก
เห็นนางไม่พูดอะไร โจวกุ้ยหลานก็ทำงานของตนเองต่อไป
อือ คนใจแคบอย่างนาง ทำไมต้องยอมให้คนอื่นมาพูดคำพูดที่ดูทรมานใส่ตนเองด้วย ?
จากนั้นหลิวเซียงทำงานเงียบอยู่พักหนึ่งและพูดออกมาอีกว่า “เจ้าจะให้ผู้ชายเลี้ยงได้อย่างไร ? เจ้าไม่สามารถทำงานได้ แล้วครอบครัวของเจ้าจะเป็นอย่างไร ?”
“อ๋อ ครอบกลัวของข้าก็สบายดี” โจวกุ้ยหลานตอบกลับไปอีกครั้ง
ครอบครัวของนางจะสุขสบายหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่นางพูดแล้วสามารถตัดสินได้งั้นหรือ ?
หลิวเซียงเบะปาก ไม่พูดอะไร
โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทำงานของตนต่อไป
ทั้งสองคนอยู่ในแปลงผักตั้งแต่บ่ายไปถึงพลบค่ำ ตอนที่โจวกุ้ยหลานกำลังเตรียมตัวทำกับข้าว เหล่าไท่ไท่ก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าเล็ก ๆ หนึ่งห่อ
ทันทีที่เหล่าไท่ไท่ก้าวเข้าประตูก็เห็นคนแปลกหน้าอย่างหลิวเซียง นางหรี่ตาลง จากนั้นเอ่ยปากถามหลิวเซียง “แม่หนู เจ้าเป็นใคร ?”
“คุณป้า ข้าคือหลิวเซียง……ข้า……ข้ามาเป็นภรรยาของโจวต้าไห่” หลิวเซียงเห็นเหล่าไท่ไท่ คำพูดของนางก็ติดอ่างเล็กน้อย
“อะไรนะ ?” ดวงตาคู่นั้นของเหล่าไท่ไท่เบิกกว้าง นางไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
“เจ้าคือแม่หนูหลิวเซียงคนนั้น ?”
“ใช่ ท่านป้า ให้ข้าช่วยท่านนำห่อผ้าวางลงหรือไม่ ?”
พูดจบ หลิวเซียงยื่นมือออกไป ต้องการรับห่อผ้าจากเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่หันหน้าหนีและหลีกเลี่ยงมือของนางด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม “ไม่เป็นไร เจ้าพักผ่อนเถิด”
พูดจบนางก็เดินเข้าไปในห้องของโจวกุ้ยหลาน พบว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง เห็นหลิวเซียงยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางจึงพูดออกมาว่า “เจ้านั่งพักได้เลย” จากนั้นก็เดินไปยังห้องครัว ตอนนั้นถึงพบว่าลูกสาวของนางยังอยู่ในแปลงผัก
เหล่าไท่ไท่รีบเดินเข้าไป ดึงโจวกุ้ยหลานที่กำลังเก็บผักอยู่ขึ้นมา “ผู้หญิงคนนั้นคืออะไร ?”
“ครอบครัวของนางจะให้นางแต่งงานกับคนงี่เง่าคนหนึ่ง นางไม่ยินยอม จึงตามหาบ้านของพวกเราเพื่อมาเป็นภรรยาของพี่ชาย ตอนบ่ายนางก็มาช่วยทำแปลงผัก และทำตลอดทั้งช่วงบ่าย” โจวกุ้ยหลานกล่าวอย่างรวดเร็ว พูดเรื่องราวทั้งหมดออกมา
“อะไรนะ ? นางหนีแอบหนีออกมาอย่างนั้นหรือ ?” ดวงตาคู่นั้นของเหล่าไท่ไท่เบิกกว้าง
“มันก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือไง พี่ชายจะพานางไปส่ง แต่นางกลับบอกว่าหากไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ งั้นก็ยอมตายเสียดีกว่า ดังนั้นจึงต้องยอมให้นางอยู่ต่อ” โจวกุ้ยหลานพูดออกมาพร้อมกับปัดเศษดินที่อยู่ในมือ
เหล่าไท่ไท่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงะในทันที
นี่มันเรื่องใหญ่ เด็กสาวคนนี้หายไปจากบ้าน แบบนั้นจะไม่ร้อนใจแย่หรือ ?
แล้วอีกอย่าง แม่นางผู้นี้มาบ้านของนางแบบนี้ มันไม่ได้หมายความว่ากำลังบังคับต้าไห่ของนางให้แต่งงานกับนางผู้นี้อย่างนั้นหรือ ?
“แบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่านางดื้อด้านอย่างไรก็ต้องพาตัวนางกลับไป ไม่มีเหตุผลจะต้องให้นางอยู่ค้างคืนกับพวกเรา หากพวกเราให้นางอยู่ต่อไปจริง แบบนั้นพวกเราจะพูดไม่ชัดเจนแล้ว!” เหล่าไท่ไท่พูดพร้อมกับนำห่อผ้ายื่นใส่อ้อมแขนของโจวกุ้ยหลาน หันหลังกลับและเดินไปด้านนอก
โจวกุ้ยหลานเองก็รีบเดินตามไปจนถึงห้องโถง
ทางนั้น เหล่าไท่ไท่ก้าวเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของหลิวเซียง พูดกับนางออกไปว่า “แม่หนู ข้าไม่สามารถให้เจ้าค้างคืนที่บ้านข้าได้ ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปส่งเอง”
หลิวเซียงได้ยินเช่นนั้นก็เข่าอ่อนทันที นางคุกเข่าต่อหน้าเหล่าไท่ไท่ “ท่านป้า ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ด้วยเถิด ! พ่อแม่ของข้าจะให้ข้าไปแต่งงานกับเจ้าคนโง่นั่น แบบนั้นชีวิตของข้าคงพังทลาย !”
“เรื่องนี้เจ้าจะต้องกลับไปคุยกับพ่อแม่ของเจ้า พวกเราไม่สามารถพูดอะไรได้ เจ้ารีบลุกขึ้นและตามข้ามา” เหล่าไท่ไท่ยื่นมือออกไปดึงตัวของหลิวเซียงขึ้น
ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว จะปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้
อย่าว่าแต่ฟ้ามืดแล้วเลย ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายนางก็ต้องพาเด็กคนนี้กลับไปส่งบ้านให้ได้ !
ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงลูกชายของนางเสียแล้ว หากพูดขึ้นมาในอนาคต จะกลายเป็นที่ขบขันของคนอื่นไปทั้งชีวิต
คนหนึ่งเป็นบุตรชายของนาง อีกคนเป็นผู้หญิงที่นางไม่รู้จัก เรื่องนี้นางคงไม่จำเป็นต้องช่างน้ำหนัก
ทางด้านของหลิวเซียงไม่ยอมลุกขึ้นมา นั่งอยู่บนพื้น อ้อนวอนเหล่าไท่ไท่ครั้งแล้วครั้งเล่า “ท่านป้าช่วยข้าด้วย หากท่านไม่ช่วยข้า ข้าจะตายในบ้านของท่าน !”
พูดจบนางก็ลุกขึ้นและพยายามวิ่งเข้าชนกำแพงบ้านของเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่เห็นเช่นนั้นก็รั้งนางไว้ จะปล่อยให้นางชนบ้านของตนเองไม่ได้ ! ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้จะถูกกำหนดทันที
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังฉุดดึงกัน โจวกุ้ยหลานเดินเข้ามาเห็นฉากดังกล่าวพอดี นางรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ในใจ
จากก้นบึ้งของหัวใจ นางนับถือในตัวของหลิวเซียงและเห็นใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องเผชิญ แต่นางกลับเอาชีวิตของตนมาข่มขู่เหล่าไท่ไท่ จุดนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง