เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งคนและหนึ่งสุนัข เซียวผอจื่อก็เอาแต่ยืนมองค้างอยู่อย่างนั้น แล้วก้มหน้าลงไปมองในสระด้วยอาการเหม่อลอย
ว่าด้วยเรื่องความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกสาวของเซียวผอจื่อแล้ว ภาพที่อวี้จิ่นและเอ้อร์หนิวมาปรากฏตัวตรงหน้าจึงเป็นเสมือนภาพหลอนเท่านั้น
อวี้จิ่นฉงนหนัก
เดิมทีเขากำลังตัดสินใจว่า หรือว่าจะฆ่าคนปิดปากดี ว่าแต่สีหน้าเฉยเมยของป้าคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
เมื่อเห็นว่าเจ้านายนิ่งอึ้งไป เอ้อร์หนิวจึงงับเข้าที่ขากางเกง
จะให้กำจัดป้าคนนี้หรือเปล่า เจ้านายบอกมาสักคำได้หรือไม่
อวี้จิ่นเพิ่งได้สติ จึงส่งสัญญาณมือเป็นวงกลมด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เอ้อร์หนิวตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน
เจ้านายจะลงโทษโดยการงดกระดูกหนึ่งกะละมัง!
สุนัขตัวใหญ่ส่ายหางพลางวิ่งคอตกไปอีกทาง
อวี้จิ่นก้าวเท้าเดินตามไป เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมา ยกมือขึ้นแล้วสับเข้าที่คอของเซียวผอจื่อจนนางสลบไป
อื้ม แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย
เอ้อร์หนิวเดินนำอยู่ข้างหน้า วิ่งเข้าไปในเรือนไห่ถังอย่างคุ้นเคย
อวี้จิ่นแปลกใจ เอ้อร์หนิวรู้จักห้องส่วนตัวของอาซื่อดีกว่าเขาอีกหรือนี่ ถ้าได้แต่งงานเมื่อไหร่ เห็นทีคงต้องจับมันไปขายแล้วจริงๆ
เอ้อร์หนิวมิรู้เลยว่าเจ้านายกำลังหึง มันกระโดดข้ามพุ่มต้นกล้วยเข้าไปตรงหน้าต่าง แล้วยกสองเท้าหน้าขึ้นตะกุยกระจก เสียงนั้นอาจหาญและเปิดเผย
อวี้จิ่นยืนหลบอยู่ข้างกำแพงพลางคิดในใจ มนุษย์ย่อมต่างจากสุนัข…
หน้าต่างถูกเปิดออกก่อนจะมีเสียงร้องประหลาดใจของอาหมาน “เอ้อร์หนิว เจ้ามาอีกแล้วรึ รีบเข้ามาเร็ว รีบเข้ามา”
เอ้อร์หนิวกระโดดเข้าไป มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมออกมาเตรียมจะปิดหน้าต่างบานนั้น
อวี้จิ่นเลิกคิ้ว
หากวันนี้พ่ายแพ้ให้แก่สุนัขก็นับว่าเสียชาติเกิด
ชายหนุ่มเดินเข้าไปพลางเอื้อมมือไปจับหน้าต่างที่กำลังจะปิดลง
มีคนปรากฏตัวขึ้นกะทันหันเช่นนี้ทำให้อาหมานตกใจจนพูดติดอ่าง “คุณ คุณชายอวี๋?”
อวี้จิ่นไม่ตอบ แต่รีบกระโดดเข้าไปทันที
“ไอ้หยา ไฉนถึงมาเวลานี้เจ้าคะ” อาหมานบ่นกระปอดกระแปดแล้วรีบหลีกทางให้ “คุณหนู คุณชายอวี๋เจ้าค่ะ”
อาเฉี่ยวที่คอยดูแลอยู่ในห้องตะลึงตาค้างไปเช่นกัน
แม้ว่าการปรากฏตัวของอวี้จิ่นจะฉุกละหุกอยู่บ้าง และถึงเจียงซื่อจะไม่คาดคิดแต่ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที นางส่งสัญญาณให้อาหมานและอาเฉี่ยวออกไปก่อน
อาเฉี่ยวที่ยังคงลังเลถูกอาหมานลากตัวออกไป
ข้างหลังประตู อาเฉี่ยวกระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “เหตุใดถึงปล่อยให้คุณหนูอยู่กับบุรุษเพียงลำพังเล่า”
อาหมานทำทีเป็นผู้ตื่นรู้ “คุณหนูรู้หน่าว่าควรทำอย่างไร”
เมื่อนึกถึงใบหน้าอันสงบนิ่งของคุณหนู อาเฉี่ยวก็ได้แต่ถอนหายใจ
เอาเถอะ ถ้าคุณหนูรู้ว่าควรทำอย่างไรก็ดี
ยังไม่ถึงเวลาเข้านอน ภายในห้องจึงยังสว่างไสว ลมเย็นโชยเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ พัดชายเสื้อของอวี้จิ่นจนเกิดเสียงพึ่บพั่บ
เอ้อร์หนิวสะบัดหางขณะวิ่งเข้าไปหาเจียงซื่อ มันคลอเคลียดมมือนายหญิงฟุดฟิด
เจียงซื่อลูบหัวสุนัขตัวใหญ่ แล้วหันไปสบตากับอวี้จิ่น
อวี้จิ่นเดินเข้ามาใกล้แล้วดันเอ้อร์หนิวออกไปด้านข้าง พร้อมอธิบายขึ้นว่า “ให้เอ้อร์หนิวส่งข่าวไม่สะดวกเอาเสียเลย ข้าก็เลยมาเอง”
โฮ่งง เอ้อร์หนิวเห่าท้วง
เจียงซื่อนั่งลงพลางลูบขนของเอ้อร์หนิวแผ่วเบา
“วันนี้ที่เจ้าให้ข้าไปพบ เพราะจะบอกข่าวเกี่ยวกับคนที่ไถ่ตัวอวี่เอ๋อร์ใช่หรือไม่”
“เรื่องนั้นยังไม่มีความคืบหน้า ที่นัดพบเจ้าเพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่อง”
เจียงซื่อชะงักมือรอให้อวี้จิ่นพูดต่อ
“เดิมทีเจ้าสงสัยว่าพวกคนที่ตามล่าแม่นางฉูฉู่ตั้งใจตามล่าเจ้าใช่ไหม วันนี้ข้าล่อคนพวกนั้นออกมาได้สำเร็จ แล้วก็เป็นจริงดังว่า” เมื่อกล่าวถึงคนพวกนั้น คิ้วของอวี้จิ่นก็ขมวดเป็นปม
เนื่องจากประวัติของคนพวกนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด
ชายเคราครึ้มปลิดชีพตัวเองโดยไม่ลังเล ส่วนชายชุดคลุมยาวที่ดูอ่อนแอ แต่เมื่อถูกทรมานกลับไม่ปริปากเลยแม้แต่คำเดียว ตอนนี้จึงเหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น
อวี้จิ่นเองก็สงสัยอยู่ว่าตนนั้นเป็นเพียงองค์ชายที่มิได้รับความโปรดปราน ไฉนคนพวกนี้ถึงต้องตามล่าเขา
ท่ามกลางสถานการณ์ขมุกขมัวเช่นนี้รังแต่จะสร้างความรำคาญใจ โชคดีที่มีอาซื่อ ท่าทีแข็งกระด้างของชายหนุ่มจึงอ่อนโยนขึ้นทันตา
เจียงซื่อกล่าวด้วยความลำบากใจ “เช่นนั้นข้าก็ทำให้แม่นางฉูฉู่พลอยเดือดร้อนไปด้วย”
ไม่ว่าจะในชาติภพที่แล้วหรือชาติภพนี้ นางก็เป็นพวกหากใครดีมา นางก็ดีตอบ แต่หากใครร้ายมา นางก็ไม่กริ่งเกรงที่จะตอบโต้ หากใครช่วยเหลือนาง แม้บุญคุณเพียงหยดน้ำ นางก็จะตอบแทนดุจสายธาร
เมื่อนึกถึงหญิงแปลกหน้าที่ต้องมาเสี่ยงชีวิตเพราะนางเป็นต้นเหตุ เจียงซื่อก็กลัวจับใจ จึงรีบหันไปขอบคุณอวี้จิ่นจากใจจริง
อวี้จิ่นจ้องมองเจียงซื่อด้วยความฉงน
“ทำไมรึ” เจียงซื่อถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาเช่นนั้น
“อาซื่อ เจ้าขอบคุณข้าขนาดนี้เพียงเพราะเรื่องของคนอื่นงั้นหรือ”
เขาไม่คิดมาก่อนว่า นอกจากเขาจะต้องแข่งกับบุรุษอื่นแล้ว แข่งกับเอ้อร์หนิวแล้ว และยังต้องมาแข่งกับสตรีเพศอีก!
เจียงซื่อคร้านจะเถียงกับชายตรงหน้าเต็มทน นางได้แต่ถอนหายใจว่า “หากมีโอกาสก็ต้องอธิบายให้แม่นางฉูฉู่ทราบ”
“ยังมีเรื่องใดให้บอกอีกเล่า ในเมื่อนางเองก็ไม่เป็นไรแล้ว” อวี้จิ่นมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
เจียงซื่อขมวดคิ้ว “ไปทำร้ายเขาแล้วยังทำให้เขาคิดว่าตนเป็นผู้มีพระคุณ เรื่องเช่นนั้นข้าทำไม่ได้หรอก”
อวี้จิ่นคลี่ยิ้มพลางลูบศีรษะของนาง “อาซื่อของพวกเรานี่ช่างเป็นสตรีใจงามจริงๆ”
หลอกใช้เขาแล้ว ยังให้เขาทำประโยชน์ให้อีก ไม่ดีตรงไหนกัน
เจียงซื่อเอียงหัวหลบ “แล้วเรื่องที่สองล่ะ”
เรื่องของฉูฉู่เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องที่เขาไหว้วานให้อวี้ชีไปสืบก็ยังไม่ได้ความคืบหน้า นางจึงคิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องใดอีก
อวี้จิ่นแทรกตัวเข้ามาพลางส่งสายตาจริงจัง “เรื่องที่สองสำคัญกว่าเรื่องแรกเสียอีก”
“เรื่องอะไรหรือ…”
นัยน์ตาสีเข้มของชายหนุ่มพิศมองด้วยความอ่อนโยน เขาค่อยๆ เอ่ยเน้นที่ละพยางค์ “ข้าคิดถึงเจ้า”
ใบหน้าของเจียงซื่อแดงระเรื่อ
ที่แปลกคือ เวลาที่เขาจุมพิตนาง กอดนาง นางก็เพียงแต่ตอบสนอง มิได้รู้สึกเก้อเขินแต่อย่างใด แต่พอมาวันนี้เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัวที่เงียบสงัดเช่นนี้ แค่ได้ยินชายหนุ่มเอ่ยวาจาเช่นนั้น นางก็สัมผัสได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เจียงซื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย
มือใหญ่ยื่นไปจับมือของนางเอาไว้
มือของชายหนุ่มเรียวบาง แต่ทว่ามือของหญิงสาวกลับเรียวเล็กยิ่งกว่า
มือทั้งสองจับกันแน่น ภายใต้แสงไฟยิ่งทำให้ดูเหมือนก้อนหยกขาวสองชิ้นเกาะเกี่ยวกัน
เจียงซื่อดึงมือออกแล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา “หมดธุระแล้ว เชิญกลับเถอะเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อมาแล้ว ให้ข้าดื่มน้ำสักหน่อยเถิด” อวี้จิ่นแน่วแน่ว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย เขาหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบด้วยความรู้สึกเป็นต่อ
นี่คือถ้วยที่อาซื่อดื่มเหลือไว้สิท่า
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นมันถ้วยที่อาหมานดื่มเหลือไว้เจ้าค่ะ”
ใบหน้าอวี้จิ่นพลันแข็งทื่อ เขากลืนน้ำอึกนั้นราวกับกลืนถ่านติดไฟลงท้องก็ไม่ปาน เปลวไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกทุกข์ทรมาน
กว่าจะได้สติ อวี้จิ่นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “บ่าวไร้มารยาทกล้ามาใช้ถ้วยน้ำในห้องเจ้านายเช่นนี้มีที่ไหนกัน!”
ได้ออกเรือนกับเจียงซื่อเมื่อไหร่ มัดอาหมานขายไปพร้อมเอ้อร์หนิวเลยแล้วกัน
เจียงซื่อยิ้มชอบใจเมื่อเห็นอวี้จิ่นโกรธขึ้งเช่นนั้น
อวี้จิ่นจึงได้สติ “อาซื่อ เจ้าหลอกข้า?”
เหตุใดถึงได้เอาเรื่องโหดร้ายเช่นนี้มาหลอกเขา เขาจะไม่ทน!
อวี้จิ่นหันไปดึงเจียงซื่อทันที
มีโต๊ะกั้นกลางอยู่ระหว่างทั้งคู่ ถ้วยชาบนโต๊ะหล่นเกลื่อนบนพื้น
ทว่าอวี้จิ่นไม่สนใจ เขาคว้าเจียงซื่อไว้พลางดุเคร่งขรึม “อาซื่อ เจ้าแย่แล้วล่ะ!”
“เอ้อร์หนิวก็อยู่ อย่าทำอะไรนะ” หางตาของนางเห็นเอ้อร์หนิวกำลังเดินมาจึงเอ่ยเตือน
“ช่างมัน”
เพราะยังไงเอ้อร์หนิวก็พูดไม่ได้
สุนัขตัวใหญ่เดินย่องมาที่ด้านข้าง มันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะงับเข้าที่ก้นของเจ้านาย