นับตั้งแต่หงเย่ว์หายตัวไป สติของเซียวผอจื่อก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยามที่เซียวซื่อต้องเผชิญหน้ากับนางทีไรเป็นต้องประหม่าไปเสียทุกครั้ง จึงปล่อยให้นางได้พักผ่อน
แต่เมื่อมนุษย์ว่างเว้นจากการทำงาน ความคิดย่อมเตลิดเปิดเปิงเป็นธรรมดา ส่งผลให้สภาพจิตใจของเซียวผอจื่อกลับแย่ลง
เดิมทีเซียวผอจื่อไม่ทราบเรื่องที่พ่อบ้านจากจวนซื่อหลางกรมพิธีการพาตัวหงเย่ว์กลับมา อีกทั้งยังไม่ทราบว่าลูกสาวของตนเองไม่อยู่แล้ว
แต่ที่ทราบอาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์แม่ลูก กล่าวคือในขณะที่นางเผลอหลับไปโดยไม่ทันได้ทานมื้อเย็น จู่ๆ นางก็ฝันร้าย
ในความฝันนั้น ลูกสาวของนางสวมชุดเดียวกันกับวันที่ออกไปข้างนอกพร้อมกับเอ้อร์ไท่ไท่ นางบรรจงทัดดอกไม้ประดับชิ้นใหม่ไว้ที่จอนผม ร่างของนางลอยขึ้นลงอยู่บนผิวน้ำที่ทอแสงประกายระยิบระยับ ทุกครั้งที่ศีรษะของนางโผล่พ้นผิวน้ำ นางจะร่ำไห้ตะโกนเรียก “แม่จ๋า หงเย่ว์หนาว… แม่จ๋า หงเย่ว์อยากกลับบ้าน…”
เซียวผอจื่อสะดุ้งขึ้นมานั่งอยู่ในท่าหลังตรง เม็ดเหงื่อผุดพรายที่หน้าผากจนใบหน้าของนางชุ่มโชก หัวใจของนางพลันสั่นระรัว
“หงเย่ว์ หงเย่ว์…” เซียวผอจื่อยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวจับใจ นางใส่รองเท้าลวกๆ โดยเหยียบส้นรองเท้าไว้แล้วเดินลากออกประตูไป
ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าในช่วงฤดูร้อน ยามที่นางออกมาด้านนอก ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มแล้ว ลำแสงสีแดงอมส้มที่เส้นขอบฟ้าหายวับไป เหลือเพียงพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางนภา น้ำค้างแข็งกระจายอยู่ทั่วผืนดิน
สายลมเย็นยะเยือกพัดปะทะเข้าที่ลำคอของนาง ตัวหญิงสาวสั่นระริกเพราะความเย็นนั้น ทว่ามันทำให้นางได้สติ เท้าของนางไปหยุดอยู่ที่หน้าเรือนหลักหยาซิน
หมู่นี้เอ้อร์ไท่ไท่ดูอารมณ์ไม่ดี หากนางไปซักไซ้เอาความ แล้วเอ้อร์ไท่ไท่เกิดเร้าโทสะขึ้นมา เกรงว่าลูกสาวของนางคงไม่มีทางได้กลับมาแล้ว…
แม้รู้ดีว่าความหวังที่ลูกสาวจะกลับมาช่างริบหรี่ แต่ทว่านางก็ยังคงฝันให้เป็นเช่นนั้น มิหนำซ้ำความฝันเมื่อครู่กลับยิ่งทำให้นางสับสนหนัก
ยามที่ลูกสาวของนางเกิดมา ทารกตัวอวบอ้วนตุ้ยนุ้ย ใบหน้าเด็กน้อยกลมดิก ใครได้เห็นก็ว่าเด็กคนนี้ช่างมีบุญวาสนา นางถึงได้ตั้งชื่อว่าหงเย่ว์
หงเย่ว์ของนางมีบุญวาสนาถึงเพียงนี้ คงไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนางหรอกกระมัง
เซียวผอจื่อปล่อยร่างไร้สติของตัวเองเตร็ดเตร่เข้าไปในสวน นางคุกเข่าลงข้างๆ ต้นไม้ที่ออกดอกพลางแหงนหน้ามองดวงจันทร์
“ขอเทพยดาแห่งจันทราทรงปกปักรักษาหงเย่ว์ของข้าให้แคล้วคลาดจากภยันตราย ไม่ว่านางจักพบเจอเหตุการณ์ใดๆ ขอเพียงให้นางกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถิด…”
ครั้นขอพรเสร็จแล้ว เซียวผอจื่อก็ทรุดตัวนั่งพิงต้นไม้และปล่อยจิตใจล่องลอยไป
เมื่อลูกสาวไม่อยู่ นางก็ไม่มีกะจิตกะใจกลับไปที่ห้องนั้นอีก
เวลาล่วงเลยไปนานเท่าใดไม่อาจทราบได้ ท้องฟ้ามืดมิดกว่าเก่า ภายในสวนดอกไม้มืดจนเป็นเงาดำคล้ายกับเงาวิญญาณร้ายก็ไม่ปาน
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น
เซียวผอจื่อได้สติจึงรีบหาที่กำบัง
ไม่นานเสียงฝีเท้าก็หยุดลงในตำแหน่งที่ห่างจากนางไม่ไกลนัก แล้วก็มีเสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวแว่วมา “พี่ ข้ากลัว…”
เซียวผอจื่อพยายามเงี่ยหูฟัง “ข้าเห็น…ข้าเห็นว่าคนๆ นั้นคือพี่หงเย่ว์…”
เสียงของอีกคนรีบเอ่ยตัดบท “เงียบปากน่า หากนายท่านได้ยินเจ้าพูดเรื่องนี้ เจ้าโดนตัดลิ้นแน่!”
“พี่ ก็ข้ากลัวจริงๆ…”
“จะกลัวอะไร ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร ในเมื่อจมน้ำเสียชีวิตไปแล้วก็นับว่าชีวิตอาภัพ หาได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าไม่”
เสียงเด็กสาวสั่นยิ่งกว่าเก่า “พี่ ข้าเห็นกับตาจริงๆ ว่าเฝิงมาหม่าที่เป็นคนดูแลเหล่าฮูหยินจับพี่หงเย่ว์กดน้ำในสระจนตาย… หากว่า หากว่าวันหนึ่งพวกเราทำผิด ก็คงประสบเคราะห์กรรมเดียวกัน…”
“จริงหรือ”
“จะ จะ จริง… หือๆ…” ปากของเด็กสาวถูกมืออุดเอาไว้
“ต่อให้ต้องตาย ก็ขอให้เรื่องที่เจ้าพูดกับข้าวันนี้ตายไปพร้อมกับเจ้า อย่าได้ไปแพร่งพรายให้ใครได้ยินอีกเป็นอันขาด!”
เสียงฟู่ดังขึ้น และสวนดอกไม้ที่เงียบเชียบและมืดมิดก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นโดยพลัน
เสียงฝีเท้าวิ่งเร็วรี่ค่อยๆ ห่างออกไปไกลขึ้นๆ
หลังต้นไม้ กำไลหยกบนข้อมือของเซียวผอจื่อแตกละเอียดออกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงบีบแน่นในมือ ใบหน้าของนางในยามนี้ขาวซีดเสียยิ่งกว่าแสงจันทร์เย็นเยียบ
หงเย่ว์ตายแล้ว?
นางถูกเฝิงมาหม่าจับกดน้ำในสระจนตาย?
นางเข้าใจทุกถ้อยคำที่กล่าวมา แต่ครั้นพอปะติดปะต่อแล้วกลับมิเข้าใจเรื่องราวเลยสักนิด
เด็กรับใช้สองคนนั้นคงจะอิจฉาที่หงเย่ว์ได้ดี ได้รับใช้อยู่ต่อหน้าเหล่าท่านๆ เป็นแน่ ถึงได้พูดจาไม่เป็นมงคงสาปแช่งลูกสาวนางเช่นนี้
เซียวผอจื่อปาดน้ำตา ครั้นตั้งสติได้แล้วนางก็กลับไปยืนอยู่ที่ประตูหน้าเรือนหยาซินอีกครั้ง
“เซียวมาหม่า ดึกดื่นป่านนี้แล้วมีธุระใดงั้นหรือ” เมื่อเด็กรับใช้ที่เฝ้าประตูเห็นเซียวผอจื่อ ตาของนางก็พลันลุกวาว
เดิมทีเซียวมาหม่าสามารถเดินเข้าออกเรือนหยาซินได้ตลอดเวลา แต่มาวันนี้หงเย่ว์เสียชีวิตไปแล้ว พวกบ่าวรับใช้จึงชักไม่แน่ใจว่ายังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในจวนปั๋วจะคิดว่าหงเย่ว์จงใจกระโดดลงไปในสระเอง แต่เรื่องที่เหล่าฮูหยินปฏิเสธว่ารู้จักกับนางก็แพร่กระจายไปทั่วแล้ว มีเพียงคนๆ เดียวที่ยังไม่ทราบเรื่องนี้คือ…เซียวผอจื่อ
“ข้าต้องการพบไท่ไท่” แม้คำตอบนั้นอาจไม่ส่อพิรุธใดๆ แต่ทว่ามือของนางที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้ากลับสั่นไม่หยุด
สาวรับใช้รี่เข้าไปรายงาน
การตอบสนองแรกของเซียวซื่อคือปฏิเสธการเข้าพบ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ต่อให้จวนปั๋วจะบอกปัดกับคนภายนอกอย่างไร แต่เรื่องการตายของหงเย่ว์ก็ไม่อาจปิดบังคนในจวนได้ ไม่ช้าก็เร็วสุดท้ายเซียวผอจื่อจะต้องทราบเรื่องนี้ สู้นางเป็นคนบอกเองจะดีกว่า ความสัมพันธ์ของนายและบ่าวจะได้ไม่ห่างเหินไปกว่านี้
เมื่อเซียวผอจื่อเข้ามาแล้ว นางก็เข้าไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าเซียวซื่อ
“เซียวมาหม่า ลุกขึ้นเถิด”
เซียวผอจื่อยังคงคุกเข่าไม่ขยับไปไหน “ไท่ไท่ บ่าวฝันถึงหงเย่ว์…”
ใบหน้าของเซียวซื่อพลันเปลี่ยนสี นางทำทีถอนหายใจพลางเข้าไปพยุงเซียวผอจื่อให้ลุกขึ้น
“เซียวมาหม่า ข้าควรบอกเจ้าแต่แรก แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับไม่ไหว ถึงได้พยายามปิดบังมาถึงบัดนี้…” เซียวซื่อพยายามพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ละมุนละม่อมที่สุด
“ข้าทราบดีว่าการที่คนผมขาวจะต้องส่งศพคนผมดำมันช่างปวดใจเหนือคณา เซียวมาหม่า ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังแน่นอน เรื่องเหล่าฮูหยิน… เจ้าอย่าได้โทษเหล่าฮูหยินเลย เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของจวนปั๋ว นางจำต้องปฏิเสธเรื่องที่รู้จักหงเย่ว์ เดิมทีก็ตั้งใจว่ารอจัดการเรื่องคนจากจวนซื่อหลางให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะจัดหาที่ทางให้หงเย่ว์เงียบๆ ใครจะไปคิดว่าหงเย่ว์จะกล้าทำถึงขนาดนั้น…”
นางพูดชัดเจนแล้ว หากเซียวผอจื่อจะโทษก็ต้องโทษเหล่าฮูหยิน
ในทางกลับกัน นี่เป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะหากเซียวผอจื่อโกรธเกลียดเหล่าฮูหยิน นางก็จะทุ่มเททำงานเพื่อนางมากขึ้น
เมื่อได้ฟังคำจากปากเซียวซื่อแล้ว เซียวผอจื่อก็ปล่อยโฮออกมาทันที แต่ทว่าในใจของนางกลับเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยันครั้งแล้วครั้งเล่า
นางแค้นเหล่าฮูหยินที่สั่งฆ่าลูกสาวของนาง แต่นางแค้นเซียวซื่อที่ยืนมองนิ่งๆ อย่างเลือดเย็นมากยิ่งกว่า
นางทุ่มเทแรงกายดูแลรับใช้เซียวซื่อมากว่ายี่สิบปี แต่ลูกสาวคนเดียวของนางกลับต้องพบจุดจบเช่นนี้
รู้ๆ กันอยู่ว่าเซียวซื่อพาลูกสาวของนางออกไป คนที่พวกอันธพาลตั้งใจจะปล้นก็คือเซียวซื่อ เพียงแต่ลูกสาวของนางเป็นทาส ชีวิตถึงได้ไร้ค่า สุดท้ายแล้วคนอื่นกลับอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนลูกของนางไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้งั้นหรือ
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
เซียวผอจื่อร้องไห้กลบเกลื่อนความคับแค้นที่อัดแน่นในอก
คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งนางจะทำให้เซียวซื่อได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียลูกสาวดูบ้าง!
เซียวผอจื่อยังไม่ทันได้เห็นหน้าบุตรสาวเสียด้วยซ้ำ นางได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเดินเข้าไปที่สระน้ำกลางสวน
อวี้จิ่นพาเอ้อร์หนิวกระโดดข้ามกำแพงเข้ามา ครั้นเท้าสัมผัสพื้นดิน เอ้อร์หนิวก็รีบพุ่งตัววิ่งไปทันที
อวี้จิ่นรีบวิ่งตามไปพลางก่นด่าอยู่ในใจ จะรีบวิ่งไปไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาพาเจ้าสุนัขแอบกระโดดข้ามกำแพงมาหาอาซื่อครั้งแรก มันเลยรู้สึกขายหน้างั้นหรือ
องค์ชายเจ็ดผู้แสนจะขี้อาย…ตามเอ้อร์หนิวมายังริมสระน้ำ
แสงจันทร์บางเบาทำให้เงาต้นไม้มืดทะมึน น้ำในสระทอแสงพร่างพราวเย็นเยือก
เซียวผอจื่อค่อยๆ หันกลับไปมอง ภาพของใบหน้าหญิงชราขาวซีดปรากฏขึ้นต่อหน้าอวี้จิ่น
เวรแล้ว กลับไปคงต้องฆ่าเอ้อร์หนิวหมาเวรนี่ทิ้งจริงๆ แล้ว!