คนที่พาตัวหงเย่ว์มาส่งคือพ่อบ้านแห่งจวนซื่อหลางกรมพิธีการ
พ่อบ้านจากจวนซื่อหลางยืนอยู่กลางห้องรับแขกในจวนตงผิงปั๋ว พลางเอ่ยด้วยวาจาฉะฉาน “เรื่องบังเอิญมีอยู่ว่า ลูกชายไม่รักดีของข้าออกไปเที่ยวเล่นที่แม่น้ำจินสุ่ย ขณะที่อยู่บนเรือบุปผาก็บังเอิญไปเจอแม่นางหงเย่ว์เข้า นางกำลังร้องห่มร้องไห้ขอความช่วยเหลือ นางบอกว่านางเป็นสาวรับใช้ของเอ้อร์ไท่ไท่ของจวนแห่งนี้ ไอลูกหมาใจอ่อนถึงยอมจ่ายเงินไถ่ตัวนางออกมา เพราะหากนางเป็นสาวรับใช้ของจวนนี้จริงก็นับว่าได้สร้างคุณงามความดี…”
ขณะที่กล่าวพ่อบ้านก็กวาดสายตามองเหล่านายท่านในจวนไปด้วย เขาหัวเราะก่อนจะเอ่ยว่า “เหล่าฮูหยินและไท่ไท่ลองดูเสียหน่อยว่านางใช่สาวรับใช้ของจวนนี้หรือไม่”
เซียวซื่อเอ้อร์ไท่ไท่หน้าเสีย หากพ่อบ้านจากจวนซื่อหลางกรมพิธีการไม่ได้อยู่ตรงนั้น นางคงเข้าไปทุบเด็กสาวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นให้ตาย แล้วจับร่างโยนลงหลุมให้รู้แล้วรู้รอด
สาวรับใช้อย่างนางสมควรตายอยู่แล้ว เข้าไปอยู่ในที่โสมมอย่างแม่น้ำจินสุ่ยแล้วยังมีหน้ากลับมาที่นี่ ควรจะกระโดดน้ำตายเพื่อชะล้างมลทินจากตัวเสียมากกว่า การที่มีคนพานางกลับมาส่งถึงประตูเช่นนี้ คนนอกจะคิดอย่างไร
สาวรับใช้ข้างกายของไท่ไท่ตระกูลสูงศักดิ์ขายตัวเข้าไปอยู่ในหอโคมเขียวเช่นนั้น คำนินทาของชาวบ้านจะน่ารังเกียจเพียงใด
และหากเรื่องที่นางเคยถูกปล้นถูกขุดขึ้นมา… เซียวซื่อสั่นสะท้าน ความกลัวจากเบื้องลึกในหัวใจพองจนเต็มที่
ไม่รู้ว่าปีนี้ไปโชคร้ายมาจากไหน ทำสิ่งใดถึงได้ติดขัดไปเสียหมด
เฝิงเหล่าฮูหยินหน้าเสียยิ่งกว่าเซียวซื่อ เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อบ้านจากจวนซื่อหลางกลับรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกเยาะเย้ยเหยียบย้ำอย่างไม่รู้จบ
เคราะห์ร้ายที่เซียวซื่อถูกปล้นยังไม่นับว่าสงบดี ไม่สิ บางทีนี่อาจเพิ่งเริ่มต้น…
ความคิดแวบผ่านเข้ามาให้หัวของเฝิงเหล่าฮูหยิน นางพยายามขบคิดหาทางแก้
นางเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชาสีอ่อนขึ้นมาพลางเป่าใบชาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำก่อนจะจิบสองสามอึก แล้วค่อยๆ วางลงอย่างแช่มช้า นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “เจ้าเชื่อวาจาไร้สาระของหญิงที่ขายเสียงหัวเราะบนเรือบุปผาด้วยงั้นสิ พวกข้ามิรู้จักนาง ไม่มีทางที่สาวรับใช้ในจวนของเราไปขายตัวอยู่ที่แม่น้ำจินสุ่ยอย่างแน่นอน ได้โปรดรีบพานางออกไปจากที่นี่เสียเถิด”
หากบ่าวรับใช้ทำผิด การเรียกคนค้าทาสมาซื้อตัวไปก็เป็นเรื่องที่พบได้ไม่ยาก แต่โดยปกติแล้วไม่มีบ้านไหนเลือกขายบ่าวรับใช้ให้แก่สถานที่โสมมเช่นนั้น เนื่องจากการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นไปตามทำนองคลองธรรม และผู้คนมักจะเอาเรื่องแบบนี้ไปนินทากันอย่างสนุกปาก ยิ่งไปกว่านั้นคือหงเย่ว์ก็มิได้ถูกขายไปที่หอโคมเขียวง่ายดายดังที่ว่า และนั่นส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเซียวซื่อโดยตรง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ควรให้นางกลับมาเหยียบที่นี่อีก!
ครั้นเหล่าฮูหยินเอ่ยปากบอกเช่นนั้น หัวใจของเซียวซื่อก็หล่นตุบลงไปทันที
จริงอยู่ที่ไม่ควรให้นางกลับมาที่นี่อีก แต่จะว่าไปแล้วคำพูดนั้นฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด
เดิมทีเรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่นาง ซึ่งยากเกินที่จะหลีกเลี่ยงแล้วเสียด้วย มิหนำซ้ำหงเย่ว์ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของเซียวผอจื่อ หากวันนี้เอ่ยปากบอกออกไปเช่นนี้ เซียวผอจื่อซึ่งอยู่กับนางมานานนมคงได้สิ้นสติและจากนางไปเป็นแน่
เด็กสาวที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองเฝิงเหล่าฮูหยินอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ภาพที่นางเห็นคือใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ของหญิงชรานางหนึ่ง แม้แต่ความเหี่ยวย่นแต่ละริ้วบนใบหน้าของนางยังปราศจากความปรานี
นางจ้องเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางรีบคลานเข่าเข้าไปหาเซียวซื่อ “ไท่ไท่ บ่าวคือหงเย่ว์อย่างไรเจ้าคะ…”
เซียวซื่อดึงหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
เฝิงเหล่าฮูหยินกระทุ้งไม้เท้าลงที่พื้นหนึ่งทีก่อนจะสั่งว่า “พานางที่พล่ามเรื่องไร้สาระนี่ออกไปเสียที!”
หญิงชราสองคนรีบวิ่งเข้ามาปิดปากหงเย่ว์ไว้แล้วลากตัวนางออกไป
หงเย่ว์ดิ้นพล่านจนสุดกำลัง ดวงตาเบิกกว้างของนางจับจ้องไปที่เซียวซื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
เซียวซื่อปิดตาลงเชื่องช้า
พ่อบ้านจากจวกซื่อหลางหัวเราะ “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้าน้อยต้องขออภัยเหล่าฮูหยินด้วยขอรับ”
“ไม่เป็นไร นับว่าบุตรชายของเจ้าได้ทำคุณงามความดี” เฝิงเหล่าฮูหยินรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจมาตบหน้านางถึงที่ แต่นางไม่อาจแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาได้
อีกฝ่ายจงใจใช้ประโยชน์จากเรื่องของหงเย่ว์ หากเรื่องบานปลายใหญ่โตก็นับว่าเป็นดาบคมที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะจวนตงผิงปั๋ว
“ไม่ทราบว่าพวกท่านจะพาแม่นางไปที่ไหนงั้นหรือ”
“ในเมื่อลูกชายของข้าไถ่ตัวนางมา อีกทั้งนางก็มิใช่คนของจวนปั๋ว งั้นข้าก็จะพานางกลับไปด้วย พูดตามตรงแล้ว ไอ้ลูกหมาก็ชอบนางอยู่พอตัว แต่หากนางมาจากสถานที่อย่างแม่น้ำจินสุ่ยคงไม่เหมาะที่จะยกตำแหน่งให้เป็นอนุ คงให้เป็นได้แค่สาวใช้ข้างห้อง[1]…”
เฝิงเหล่าฮูหยินฝืนยิ้มเจื่อนพลางหันไปบอกหญิงชราข้างกายว่า “ไปพาตัวนางกลับมา ในเมื่อคนของจวนซื่อหลางซื้อตัวนางไว้ คงมิใช่เรื่องดีหากมีเรื่องกระทบกระทั่งระหว่างสองจวน”
ครั้นเห็นสายตาที่เฝิงเหล่าฮูหยินส่งมา หญิงชราก็ได้แต่ครวญครางอยู่ในใจ แผ่นหลังของนางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ
“หืม?”
หญิงชราเพิ่งได้สติ ทันทีที่ส่งเสียงนั้นออกมาแล้วก็รีบเดินออกไปทันที
พ่อบ้านจากจวนซื่อหลางรอด้วยสีหน้าเริงร่า ในสายตาของเฝิงเหล่าฮูหยิน ชายผู้นั้นกำลังหัวเราะเยาะจวนปั๋วอยู่เป็นแน่
เฝิงเหล่าฮูหยินเย้ยหยันอยู่ในใจ
คิดจะใช้หงเย่ว์มาทำให้จวนปั๋วกลายเป็นตัวตลกงั้นหรือ คำนวณพลาดแล้ว!
มิรู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด หญิงชราก็กระวีกระวาดเข้ามา ใบหน้าซีดเผือดเอ่ยขึ้นว่า “เหล่าฮูหยิน จู่ๆ เด็กสาวนางนั้นก็กระโดดลงไปในสระน้ำกลางสวนเจ้าค่ะ กว่าจะให้คนพาตัวนางขึ้นมาได้ก็สิ้นใจเสียแล้วเจ้าค่ะ…”
เฝิงเหล่าฮูหยินส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางหันไปบอกพ่อบ้านจากจวนซื่อหลางอย่างจนใจ “ช่างน่าเวทนาจริงๆ ไม่ทราบว่าบุตรชายของเจ้าจ่ายเงินไถ่นางไว้เท่าไหร่ ในเมื่อเหตุเกิดที่จวนปั๋ว ก็คิดเสียว่าจวนปั๋วซื้อตัวนางไว้แล้วกัน…”
พ่อบ้านลอบด่าหญิงชราตรงหน้าอยู่ในใจ ไอ้คนโหดเหี้ยมอำมหิต พลางแสร้งยิ้มเอ่ยว่า “เหล่าฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ เงินนั้นข้าไม่อาจรับไว้ ร่างของนางข้าก็ขอไม่รับไปด้วยเช่นกัน ถือเสียว่าเงินนั้นใช้สำหรับจัดงานศพให้นางแล้วกัน ข้าน้อยขอตัวลา”
“ไปดีมาดี”
รอจนพ่อบ้านจากจวนซื่อหลางกลับไป จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากฝั่งเซียวซื่อ นางเผลอปัดมือไปโดนถ้วยชา
เฝิงเหล่าฮูหยินชำเลืองมองเซียวซื่อแวบหนึ่ง และขมวดคิ้วจนเป็นร่องลึก “เรื่องที่เหลือเจ้าก็จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้มีเรื่องขายหน้าเล็ดลอดไปได้!”
เซียวซื่อนี่นับวันยิ่งอับโชคขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าหลานชายคนโตและหลานสาวคนรองจะพลอยโชคร้ายเพราะนางก็เป็นได้ ดูไปแล้ว เรือนหลังนี้คงไม่อาจยกให้อยู่ในความดูแลของนางได้แล้ว
แต่ทว่าเฝิงเหล่าฮูหยินก็มิได้คิดจะยกให้อยู่ในความดูแลของกัวซื่อซานไท่ไท่เช่นกัน
ต่อให้เซียวซื่อจะไม่ได้ความเพียงใด แต่ลูกชายคนที่สองก็เป็นบุตรแท้ๆ ของนาง ไม่เหมือนลูกชายคนที่สามที่เกิดจากลูกของอนุภรรยา ดูเหมือนว่าเรื่องที่จะหาภรรยาใหม่ให้เหล่าต้าไม่ควรรั้งรออีกแล้ว
ความคิดนี้แจ่มชัดขึ้นในหัวของเฝิงเหล่าฮูหยินอีกครั้ง นางหันไปสั่งหญิงรับใช้คนสนิทให้ไปตามเหล่านายท่านมาที่เรือนฉือซิน
อาหมานเป็นคนรอบรู้ เจียงซื่อจึงได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นที่เรือนหน้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ครั้นเดินมาถึงเรือนฉือซินใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง แต่ทว่าในใจกลับว้าวุ่นอยู่ไม่น้อย
ดูท่าแล้วหากออกจากจวนไปตอนนี้คงจะเป็นเรื่อง
เมื่อเห็นว่าคนมาเกือบครบแล้ว เฝิงเหล่าฮูหยินก็ออกปากทันที “หมู่นี้ที่จวนมีปัญหาไม่หยุดหย่อน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้องอยู่แต่ในจวน ห้ามออกไปไหน หากมีธุระจำเป็นใดก็ให้มาขออนุญาตจากข้าเป็นการส่วนตัว”
เจียงซื่อลอบบ่นอุบอิบตามมาด้วยเสียงของเจียงเชี่ยวและคนอื่นๆ
ข่าวลือของหงเย่ว์แพร่กระจายไปแล้ว ยังดีที่ไม่มีหลักฐานสาเหตุที่นางเสียชีวิต ผู้คนจึงเห็นเป็นเพียงเรื่องเล่า
บางคนเชื่อ บางคนรู้สึกเอือมระอา
แม้เฝิงเหล่าฮูหยินจะรู้สึกรำคาญใจที่จวนปั๋วต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกครั้ง แต่รู้ดีว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้ แค่คิดนางก็ยิ่งเกลียดชังเซียวซื่อมากกว่าก่อน
หลังจากนายท่านรองเจียงกลับมาก็ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เดิมทีเขารู้สึกโมโหเซียวซื่อ แต่แล้วก็พาลไปโกรธเรือนหลัก
ปัญหาทั้งหมดเกิดจากเจียงจั้นแท้ๆ พวกตระกูลที่นับถือเสนาบดีกรมพิธีการเป็นพี่ใหญ่ถึงได้เห็นจวนปั๋วเป็นศัตรู
นายท่านรองเจียงเดินเข้าไปในห้องตำราด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
ส่วนเซียวผอจื่อ บ่าวรับใช้คนสนิทของเซียวซื่อก็ได้ทราบเรื่องที่ลูกสาวของตนเสียชีวิตแล้ว
———————–
[1]สาวใช้ข้างห้อง คือ นางบำเรอให้คุณชายได้ฝึกฝนวิชากามศาสตร์ก่อนลงสนามจริง