ตอนที่ 275 กลัวว่าบุตรสาวจะถูกส่งคืน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 275 กลัวว่าบุตรสาวจะถูกส่งคืน

หลินเว่ยเว่ยทำให้หมูป่าตัวใหญ่ 2 ตัวสลบ จากนั้นก็มัดขาลูกหมูป่าเอาไว้ นางเงยหน้าขึ้นมองสีของท้องฟ้า…ไม่มีนาฬิกาดูเวลาก็ลำบาก ! จากนั้นนางก็พูดกับเจียงโม่หานว่า “เจ้าไปนั่งบนก้อนหินก้อนนั้น แล้วคอยดูหมูป่าที่เหลือเอาไว้ ส่วนข้าจะขนพวกมันลงเขาไปก่อน…”

หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังก้อนหินที่สูงประมาณตัวคน สัตว์ป่าธรรมดาทั่วไปไม่มีทางปีนขึ้นไปได้แน่นอน เจียงโม่หานเงยหน้ามองหินยักษ์ที่สูงยิ่งกว่าตนเองด้วยท่าทางหดหู่ ก้อนหินยักษ์มีขอบที่คมเหมือนใบมีด แม้เขาจะอยากปีนแต่ก็ต้องมีที่สำหรับเหยียบขึ้นไปไม่ใช่หรือ ?

ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ก้มลงแล้วกอดสองขาเรียวยาวของเขา จากนั้นออกแรงดันเขาขึ้นไปเบา ๆ ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็ขึ้นไปนั่งบนก้อนหินด้วยความงุนงง ข้าเป็นใคร ? ข้าอยู่ที่ใด ? ข้ากำลังทำอันใดอยู่ ?

จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็โบกมือให้เขาแล้วแบกหมูป่าตัวหนึ่งลงจากเขา เมื่อนางเดินไปตามถนนของภูเขาได้พักหนึ่งก็เห็นหลินจื่อเหยียนบังคับเกวียนเทียมล่อเข้ามาจากระยะไกล

“พี่รอง วันนี้ล่าหมูป่าได้กี่ตัว ? ” หลินจื่อเหยียนช่วยจับหมูป่ามัดกับเกวียนไปพลางถามไปด้วย

หลินเว่ยเว่ยชูสามนิ้วให้เขา “ใหญ่สอง เล็กหนึ่ง ! ”

หลินเว่ยเว่ยให้เขารออยู่ข้างถนน จากนั้นก็กลับไปแบกหมูป่าตัวใหญ่ออกมาอีกตัว ส่วนเจียงโม่หานก็อุ้มลูกหมูป่าที่ท่าทางอายุยังไม่ถึงเดือนตามออกมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึง

หลินจื่อเหยียนรีบเข้าไปข้างหูพี่รองแล้วกระซิบถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่เจียงเป็นอันใดไปหรือ ? ท่าทางดูอารมณ์เสีย…แม้ในเวลาปกติเขาก็ดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไร แต่วันนี้เห็นชัดมาก ! ”

“เขาก็เหมือนพระหลัวฮั่นที่มีใบหน้าดูโกรธตลอดเวลา ! ” หลินเว่ยเว่ยกลั้นหัวเราะ ไม่ใช่เพราะตอนกระโดดลงจากก้อนหิน แล้วนางรับเขาไว้เหมือนอุ้มองค์หญิงหรอกหรือ บัณฑิตน้อยผู้หยิ่งยโสจึงเขินอายแล้วทำหน้าเช่นนี้ออกมา อยากจะขู่ใครเล่า ?

“มัวแต่พูดอันใดอยู่ ? ” เจียงโม่หานเคาะเกวียน เสียงของพี่น้องคู่นี้แม้แต่คนตายก็ยังได้ยิน จงใจจะแกล้งใครกันแน่ ?

“พวกข้ากำลังคุยกันว่าใบหน้าของเจ้าดำเหมือนหมูป่าในอ้อมแขนของเจ้าไม่มีผิด ! ” หลินเว่ยเว่ยช่วยดันเกวียน ขณะหันกลับมามองเขา นางก็เผยรอยยิ้มชวนโมโหที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา

เจียงโม่หานรีบโยนเจ้าหมูน้อยใส่เกวียน หลังทำหน้าเคร่งขรึมแล้วเขาก็เร่งฝีเท้าเดินแซงมายังหน้าเกวียน

หลินจื่อเหยียนขยิบตาให้พี่รอง จบเห่ โมโหจริงแล้ว ! ท่านไม่ไปปลอบเขาสักหน่อยหรือ ?

หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มให้น้องสาม ไม่เป็นไร บัณฑิตน้อยโกรธง่ายหายเร็ว

หลังกลอกตาไปมาเพื่อมองโดยรอบแล้วนางก็เริ่มร้องเพลง “คางคกตัวหนึ่งหนึ่งปาก สองตา สี่ขา มันกระโดดลงไปในน้ำ คางคกไม่ดื่มน้ำในปีที่สงบสุข คางคกไม่ดื่มน้ำในปีที่สงบสุข คางคกสองตัวสองปาก สี่ตา แปดขา กระโดดลงไปในน้ำ…คางคกหกตัวหกปาก…บัณฑิตน้อยกี่ขากี่ตา ? ”

เจียงโม่หานเค้นเสียง ฮึ “นับเอง ไม่ต้องมาถามข้า ! ”

“เจ้าในตอนนี้โมโหเหมือนคางคกไม่มีผิด ไม่ถามเจ้าแล้วจะไปถามใคร ? ” หลังแกล้งสำเร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็เค้นเสียงหัวเราะออกมา หลินจื่อเหยียนที่อยู่ด้านข้างพยายามควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าสุดแรงเกิด เขาจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ เช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายศิษย์พี่เจียง

เจียงโม่หานสะบัดแขนเสื้อแล้วรีบเดิน…ถ้าเขายังสนใจนางอีก เขาได้ใช้แซ่เดียวกับนางแน่ ! ระหว่างทางต่อจากนั้นไม่ว่าหลินเว่ยเว่ยจะแกล้งหยอกเย้าอย่างไร เขาก็ทำเหมือนไม่ได้ยินและตีสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา

พอกลับมาถึงหมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้ว เขาก็ตรงเข้าบ้านตระกูลเจียงทันทีและไม่ออกมาอีกแม้จะผ่านไปนานเท่าไร นางหวงและนางเฝิงมองหน้ากันพักใหญ่ จากนั้นพวกนางก็มาที่ลานบ้านตระกูลหลินแล้วเรียกหลินเว่ยเว่ยออกมาซักถาม “หานเอ๋อร์เป็นอันใดไป ? เจ้าไปยั่วโทสะอันใดเขาอีก ? ”

หลินจื่อเหยียนขายพี่รองอย่างไม่ไยดี “พี่รองบอกว่าศิษย์พี่เจียงโมโหเหมือนคางคก แต่ดูเหมือนว่านางจะทำให้เขาอารมณ์เสียตั้งแต่อยู่ในป่าแล้วขอรับ ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบขู่อีกฝ่ายด้วยกำปั้นแล้วพูดแก้ตัว “ที่บัณฑิตน้อยอารมณ์เสียไม่ใช่เพราะข้าหรอกเจ้าค่ะ สาเหตุหลักก็คือเขาโดนหมัดกับตัวเรือดกัด และที่เขารีบกลับเข้าบ้านก็เพราะไปถอดเสื้อผ้าออก ถ้าไม่เชื่อพวกท่านก็ลองเข้าไปดูว่าตอนนี้เขากำลังอาบน้ำอยู่หรือไม่ ? ”

เจ้าหนูน้อยอาสาวิ่งไปดูบ้านหลังด้านข้าง จากนั้นก็กลับมาพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวสาร “ใช่ พี่โม่หานกำลังอาบน้ำอยู่จริงขอรับ แม้แต่ผมก็สระด้วย เหมือนในน้ำที่อาบจะใส่สมุนไพรลงไปด้วยขอรับ ! ”

พอนางหวงได้ยินก็รีบไปต้มน้ำให้บุตรสาวอาบน้ำสระผมทันที ไม่ว่าหลินเว่ยเว่ยจะอธิบายอย่างไรก็ไม่ช่วยให้อันใดดีขึ้นมา แม้สถานที่ที่นางนอนหลับจะไม่มีเจ้าตัวเหล่านั้นก็ตาม ตัวเรือดไม่เท่าไรหรอก แต่ถ้ามีเหาติดมาล่ะก็ คนทั้งบ้านได้ลำบากไปด้วยแน่

หลังจากการประท้วงไม่เป็นผลแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ถูกขัดถูทั่วทั้งกาย ต่อจากนั้นนางหวงยังแหวกผมของนางเพื่อดูว่ามีเหาอยู่หรือไม่ ท้ายที่สุดก็ใช้หวีสางออกหลายต่อหลายรอบ นางหวงก็วางใจได้ในที่สุด !

หลินเว่ยเว่ยพูดจาขี้เล่น “ข้ารู้สึกว่าโดนล้างจนสะอาดเหมือนวัตถุดิบทำอาหารอย่างไรอย่างนั้นเจ้าค่ะ ! ”

นางหวงจิ้มหน้าผากบุตรสาวทันที “เจ้านี่นะ ! ดูตัวเองเถิด ! ปากของเจ้าชอบสร้างเรื่องอยู่เรื่อย ไป ไปขอโทษหานเอ๋อร์เดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้นนางเฝิงก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มอยู่ด้านข้าง “ไม่ต้องหรอก ! บุรุษต้องใจกว้างหน่อย ! อย่าไปสนใจเขาเลย ประเดี๋ยวก็โมโหจนชินไปเอง ! ”

“ท่านแม่ขอรับ ! ใครเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านกันแน่ ? ” เจียงโม่หานเดินเข้ามาพร้อมเส้นผมที่เปียกโชก

นางเฝิงหยิบผ้ามาเช็ดผมให้บุตรชาย “ใช่ ! เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของข้า เสี่ยวเว่ยต่างหากที่ใช่ ! ”

เจียงโม่หานเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “ในที่สุดท่านก็ยอมพูดออกมา ! ”

ขณะมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ดวงตาของนางเฝิงก็ดูขุ่นมัวขึ้นมา ‘คุณหนูเจ้าคะ ท่านเห็นหรือไม่ ? ทารกที่ท่านให้กำเนิดในสนามรบเมื่อครานั้นเติบโตเป็นหนุ่มน้อยรูปงามที่มีทั้งรูปโฉมและความสามารถ ! คุณหนู ท่านอยู่ที่ใด ? ท่านจะยังสบายดีหรือไม่เจ้าคะ ? ’

นางเฝิงคิดว่าคุณหนูของตนน่าจะเผชิญความโชคร้ายมากกว่าโชคดี เพราะหลังให้กำเนิดทารกแล้ว คุณหนูก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะมองหน้าเด็ก ทว่าต้องรีบขึ้นหลังอาชาเพื่อหลอกล่อทหารซึ่งตามพวกตนให้ออกไป สตรีที่ให้กำเนิดบุตรแล้วยังอ่อนแอถึงเพียงนั้น จะเอาตัวรอดจากศัตรูที่โหดร้ายได้อย่างไร ? นอกจากนี้ถ้าคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ เหตุใดไม่มาตามหาพวกตนในจุดที่ได้ตกลงกันไว้ ? หรือตามหาบุตรที่ให้กำเนิดอย่างสิ้นหวังในสนามรบก็ยังไม่เคยได้ยิน

หลินเว่ยเว่ยหยิบหวีที่นางหวงเพิ่งหวีให้ตนเมื่อครู่แล้วเข้าไปพูดเชิญชวน “มา บัณฑิตน้อย ข้าจะหวีผมให้เจ้า ดูว่ามีเหาอยู่หรือไม่ เหาแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก ผ่านไปไม่ถึงสองวันผมสีดำของเจ้าก็จะเต็มไปด้วยไข่เหา แล้วเราก็จะใช้มือบีบดัง แปะ…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงโม่หานก็เริ่มรู้สึกคันศีรษะขึ้นมาทันใด พอเห็นเขาไม่มีทีท่าจะต่อต้าน หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มลงมือ…

“เจ้าคิดจะดึงผมข้าให้ร่วงหมดหัวหรือไร ข้าจะกล้าออกจากบ้านอย่างไร ? ” เจียงโม่หานเริ่มต่อต้านความป่าเถื่อนของอีกฝ่าย เพราะผมกับศีรษะแทบจะถูกดึงลงมาหมดแล้ว

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน “เชื่อข้าสิ แม้เจ้าจะไม่มีผมแล้วก็ยังเป็นหลวงจีนหล่อที่สุดบนโลกใบนี้อยู่ดี…แต่ไม่รู้ว่าหลวงจีนจะไปสอบบัณฑิตได้หรือไม่ ! ”

“หลินเว่ยเว่ย ! ” นางหวงมองบุตรีตาขวาง เด็กเหลวไหลคนนี้เล่นไม่รู้ขอบเขต หากทำให้คนฟังหัวเสียก็ต้องเปลืองแรงไปง้ออีก นางล่ะกลัวจริง ๆ ว่าถ้าวันไหนหานเอ๋อร์ทนไม่ไหว แล้วอยากจะส่งตัวลูกสาวคนรองกลับคืน…แค่กแค่ก ถอนหมั้นเชียวนะ !