ตอนที่ 274 โดนกัดจนคันไปทั้งตัว
“จริงสิ ! บัณฑิตน้อย ใกล้ถึงวันเกิดของเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ? ” ไอหยา วันสำคัญเช่นนี้นางเกือบลืมเสียได้ ไม่ไหวเลย ! นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ฉลองวันเกิดให้แฟนหนุ่ม อย่างไรก็ต้องทำเซอร์ไพรส์ให้เขา !
เจียงโม่หานมองนางแล้วพยักหน้ารับ “ยังเหลืออีกสามวัน…”
เขาครุ่นคิดในใจ เมื่อเด็กน้อยถามเองย่อมแสดงว่านางจะมอบของขวัญบางอย่างให้เขา จะเป็นสิ่งใด ? กระเป๋าเงินที่นางเย็บเองหรือ ? แม้แต่เข็มเย็บผ้านางยังไม่เคยจับ แล้วกระเป๋าที่นางเย็บให้เขาจะกล้าใช้หรือเปล่า ? ช่างเถิด นางเป็นคู่หมั้น เขาก็ต้องเอาใจนาง ไม่ว่ามันจะน่าเกลียดเพียงใด ขอแค่นางทำให้ เขาก็จะใช้ !
หรือจะเป็นรองเท้าสักคู่ ? เมื่อสองวันก่อนตอนที่เขาอ่านตำราอยู่บนหุบเขาก็เห็นแอบหยาเอ๋อร์กับซัวถัวที่เดินกะเผลกนัดพบกัน หยาเอ๋อร์มอบรองเท้าที่ปักเองให้ซัวถัวเพื่อถือเป็นของขวัญวันเกิด…
เขาจึงตั้งตารอคอยรองเท้าจากคู่หมั้น แต่ไม่รู้ว่ารองเท้าที่เด็กน้อยทำออกมาจะใส่ได้หรือเปล่า ถ้าใส่ไม่ได้ นางจะเฉือนเท้าของเขาให้พอดีกับรองเท้าหรือไม่ ?
ช่างเถิด สิ่งที่เด็กน้อยทำได้ดีอย่างเดียวก็คืออาหาร เขาไม่เรียกร้องสิ่งใดมาก ขอแค่นางทำอาหารที่เขาชอบให้กินเต็มโต๊ะก็พอใจแล้ว !
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านต้าฝางจวง ทันทีที่เดินเข้ามาในหมู่บ้านก็เห็นเด็กชายที่มาขอน้ำจากนางกำลังพาน้องชายออกมาแหย่รังมดอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน น้องชายของเขาก็มีศีรษะใหญ่ตัวลีบเหมือนกัน ท่าทางบอบบางกำลังนั่งยองบนพื้น ทำให้นางอดนึกถึงภาพนกอินทรีหัวล้านกับเด็กแอฟริกันในชาติที่แล้วไม่ได้…
หลินเว่ยเว่ยหยิบผักป่ากำหนึ่งออกมาจากตะกร้าแล้วโยนเข้าไปทางกำแพงที่พังทลายนั้น เด็กน้อยที่เห็นผักป่าตกลงมาข้างตัวก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ หลังเห็นหลินเว่ยเว่ยแล้ว เขาก็ฉีกยิ้มหน้าบานทันที “ให้พวกข้าหรือ ? ขอบคุณพี่สาว ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มและพยักหน้าให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปทางบ้านผู้ใหญ่ฝางซึ่งค่อนข้างคับแคบ สามารถเพิ่มห้องว่างได้อีกหนึ่งห้องเท่านั้น เดิมทีเขาคิดจะให้บัณฑิตเจียงนอนเบียดกับบุตรชายตนเอง แต่พอคิดว่าบ้านตนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายเดือนแล้ว จึงกลัวว่าบัณฑิตเจียงจะรังเกียจ เขาจึงไปหาครอบครัวที่มั่งคั่งในหมู่บ้านเพื่อให้อีกฝ่ายแบ่งห้องพักแก่บัณฑิตเจียง
เมื่อกลับมาถึงบ้านผู้ใหญ่ฝางฟ้าก็มืดแล้ว หลินเว่ยเว่ยถามอาเหมาที่กำลังเล่นก้อนหินในลานบ้านว่า “อาเหมา กินข้าวกันแล้วหรือยัง ? ”
เจ้าตัวน้อยออกแรงพยักหน้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมีความสุข “กินแล้ว ! ได้กินเนื้อแถมยังมีโจ๊กที่ต้มด้วยน้ำซุปเนื้ออีกด้วย ! ”
ในสายตาของเขาเห็นว่าการได้กินเนื้อหนึ่งคำก็มีความสุขและเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การโอ้อวดแล้ว !
“ว้าว ! กระต่าย ! พี่เว่ยเว่ย กระต่ายนี้ท่านเป็นคนจับมาหรือ ? ” หลังจากได้คำตอบที่แน่ชัดจากหลินเว่ยเว่ยแล้ว เจ้าตัวน้อยก็อุทานออกมาทันที “ว้าว ! พี่เว่ยเว่ยร้ายกาจมากเลย ! ”
ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ถลกหนังกระต่ายแล้วโยนให้เจ้าตัวน้อย “เอาไปให้แม่เจ้าทำเสื้อกั๊กใส่ในฤดูหนาว มันช่วยให้ความอบอุ่นได้มาก ! ”
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในต้าฝางจวง ถ้ามีสิ่งใดที่ประหยัดได้ก็จะประหยัดกันทั้งหมด ! พูดกันว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ในบ้านหลังหนึ่งจะมีเสื้อบุนวมแค่ตัวเดียว ใครออกไปข้างนอกคนนั้นก็ใส่ ส่วนคนอื่นต้องเบียดกันเพื่อความอบอุ่นอยู่ในบ้าน !
แม้อาเหมาจะอยากได้เสื้อกั๊กหนังกระต่าย แต่เขาก็รู้ความมากพอที่จะไม่รับ “พี่เว่ยเว่ย ท่านนำกลับไปทำเสื้อผ้าให้น้องชายเถิด ท่านปู่กล่าวว่าท่านช่วยพวกเราเยอะมาก จะรับของจากท่านง่าย ๆ ไม่ได้อีก ! ”
“บ้านข้าเลี้ยงกระต่ายแล้วยังจะขาดแคลนหนังกระต่ายอีกหรือ ? เจ้าไปบอกท่านปู่ว่าข้ายกให้ ไม่ใช่เจ้าเอ่ยปากขอ ! ” หลินเว่ยเว่ยยัดใส่มือเขา
อาเหมาจึงถือหนังกระต่ายเข้าไปในบ้าน ผ่านไปไม่นานมารดาของอาเหมาก็ออกมา นางพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “ข้าช่วยเจ้าแล้วกัน ! ”
“ได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายว่ารู้สึกเกรงใจที่รับหนังกระต่ายของตนไว้ จึงอยากช่วยงานบ้าง นางเองก็เบื่อที่จะจัดการสัตว์ป่า เมื่อมีคนยื่นมือเข้ามาช่วย แล้วเหตุใดต้องปฏิเสธ ?
“หั่นกระต่ายเป็นครึ่งตัวก่อน แล้วค่อยเลาะเนื้อออกมา” มารดาของอาเหมาทำตาม
จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็นำเนื้อที่เลาะเสร็จออกมา ส่วนอวัยวะของกระต่ายที่เหลือไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรือเครื่องในล้วนไม่ต้องการ ดวงตาของมารดาอาเหมาจึงเบิกกว้างทันที “กระดูกของกระต่ายสามารถนำมาต้มน้ำซุปได้ แล้วเครื่องในพวกนี้…ของพวกนี้ช่างเถิด เนื้อกระต่ายอีกครึ่งตัวสามารถเก็บไว้กินพรุ่งนี้ได้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พรุ่งนี้พวกเราก็กลับแล้ว ! ที่เหลือทั้งหมดท่านก็จัดการเอาแล้วกันว่าส่วนไหนกินได้ส่วนไหนกินไม่ได้ ท่านก็เก็บเอาไว้กินเถิด ! ”
หลังกล่าวจบนางก็หมุนตัวเดินเข้าครัวเพื่อเริ่มนวดแป้ง ดึงเส้น ตุ๋นเนื้อ…และแล้วบะหมี่เนื้อกระต่ายตุ๋น 2 ชามใหญ่ก็เสร็จสิ้น ! หลังซดบะหมี่ร้อน ๆ เสร็จ…ท้องก็อุ่นสบาย ช่างน่าพอใจเหลือเกิน !
มารดาอาเหมามองกระต่ายครึ่งตัวในมือ นางรู้ว่าหลินกู่เหนียงต้องการเหลือไว้ให้พวกตน นางจึงจดจำไว้ในส่วนลึกของหัวใจ แล้วเริ่มหมักเนื้อกระต่ายครึ่งตัวด้วยเกลือ กระดูกเก็บไว้ต้มซุปพรุ่งนี้ รวมกับผักป่าที่หลินกู่เหนียงให้มาก็น่าจะยังทำอาหารได้อีกหลายมื้อ
ส่วนพวกกระเพาะหรือลำไส้กระต่าย นางผ่าออกแล้วถูทำความสะอาดอย่างแรง หากรวมเข้ากับหัวใจและตับก็จะมีอาหารจานเนื้อเพิ่มขึ้น ! ทันใดนั้นมารดาอาเหมาก็หวังให้หลินกู่เหนียงอยู่บ้านเพิ่มอีกสองสามวัน !
วันรุ่งขึ้น หลินเว่ยเว่ยผลักประตูออกมาก็พบกับใบหน้าบึ้งตึงของบัณฑิตหนุ่มตรงลานบ้าน “เป็นอันใด ? เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ ? ”
เจียงโม่หานรีบเหยียดแขนออกมา ด้านบนเต็มไปด้วยตุ่มแดง เขากล่าวด้วยความโมโห “เจ้าคิดว่า ข้าจะนอนหลับหรือไม่ ? ”
“นี่คือ…โดนยุงกัดหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยรีบใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณเช็ดทำความสะอาดแขนให้อีกฝ่าย
น้ำเสียงของเจียงโม่หานยังแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เข้าสู่ฤดูหนาว แล้วบ้านเจ้ายังมียุงอีกหรือ ? เป็นตัวหมัดกับตัวเรือดต่างหาก ! ”
ทางหมู่บ้านต้าฝางจวงแม้แต่น้ำยังไม่มีให้ดื่ม แล้วจะเอาน้ำที่ไหนไปทำความสะอาดเตียงกับผ้าห่ม ? เจียงโม่หานเพิ่งล้มตัวลงนอนก็โดนกัดจนคันและมีตุ่มไปทั้งตัว ต่อมาเขาจึงไม่กล้าสัมผัสเตียงนั้นอีกและนั่งอยู่บนเก้าอี้ตลอดทั้งคืน
เรื่องก็เป็นเช่นนี้และบัดนี้เขายังรู้สึกว่าบนตัวและบนหลังยังมีบางอย่างเกาะอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มเกาอีกรอบ เขาเห็นหลินเว่ยเว่ยดูสบายดีทุกอย่างจึงถามนางว่า “เจ้ายังสบายดีหรือ ? ”
“ข้า ? ก็ดีนะ หลับฝันดีทั้งคืน ! ” นางต้องสบายดีอยู่แล้วเพราะไม่ได้แตะต้องเตียงหรือฟูกของบ้านหลังนี้เลย เมื่อดูแลงานไร่นาในมิติน้ำพุวิญญาณเสร็จแล้ว นางก็หลับไปในนั้น
ข้าวสาลีในมิติน้ำพุวิญญาณถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้วจึงจำเป็นต้องมีคนนวดข้าว ข้าวโพดก็ถูกเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน ดังนั้นในทุกคืนนางต้องใช้เวลาเลาะเมล็ดข้าวโพดเป็นเวลา 2 ชั่วยาม ที่ดิน 3 หมู่ในมิติน้ำพุวิญญาณใช้ปลูกข้าวสาลีและข้าวโพดลงไปอีกรอบจึงต้องรดน้ำเป็นครั้งคราว…นางเหนื่อยยิ่งกว่าอะไรจึงเป็นธรรมดาที่จะหลับอย่างง่ายดายหรือเรียกว่าหลับเป็นตาย !
เจียงโม่หานยังคงมีใบหน้าบึ้งตึง เขาเริ่มหันไปเกากระเป๋าแขนเสื้อ หลินเว่ยเว่ยกลั้นหัวเราะแล้วพูดกับเขาว่า “คราวนี้เป็นข้าเองที่คิดไม่รอบคอบ คราวหน้าเราไปขอยาไล่แมลงจากหมอเหลียงแล้วก็เอาฟูกมาเองดีกว่า”
“ไม่ต้องทำอาหารแล้ว ! กินแค่ของแห้งนิดหน่อยแล้วขึ้นไปตรวจดูกับดักบนเขาเถิด ! ” เขายังต้องรีบกลับไปอาบน้ำล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน !
“ได้ ได้ ! ” นางอุ่นข้าวปั้น 2-3 ก้อนแล้วถือกินไประหว่างทาง
หลุมกับดักไม่ใหญ่มากสองหลุมมีหมูป่ามาติด 3 ตัว เป็นตัวใหญ่ 2 ตัว ตัวเล็ก 1 ตัว เจียงโม่หานตกตะลึงในทันใด…จับก็จับได้อยู่หรอก แต่จะแบกกลับบ้านอย่างไร !