บทที่ 301 หาจุดอ่อน
ตอนนี้ซูอันรู้สึกว่าเขาเป็นมดที่มีความมั่นใจมากเกินไป ที่พยายามใช้ขาของเขาเพื่อล้มยักษ์ทองแดง
ยักษ์ทองแดงดูเหมือนจะถูกยั่วยุโดยการโจมตีของชายหนุ่ม มันยกขาขึ้นเพื่อเตะกลับมาที่เขา
ซูอันก้าวหลบทันที แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งแหวกผ่านอากาศมาจากอีกทิศทางหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน เพื่อหนีห่างออกมาหลายลี้
ในไม่ช้า เสียงกระทบกันของโลหะก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เมื่อหันไปมองมันคือยักษ์ทองแดงอีกตัวที่ฟันกระบี่ยาวหลายเชียะเข้าตรงจุดที่ซูอัน ยืนอยู่เมื่อครู่ก่อน ขูดกับพื้นจนเกิดประกายไฟจากการเสียดสี
ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย เขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ายักษ์ทองแดงเหล่านี้มีฝักกระบี่ห้อยอยู่ที่เอว แต่เขาคิดว่าพวกมันเป็นเพียงเครื่องประดับ ใครจะไปคิดว่าพวกมันเป็นอาวุธจริง ๆ?
มันเป็นอาวุธขนาดเหมาะมือของยักษ์ทองแดง แต่สำหรับซูอัน กระบี่ยักษ์นี้ไม่ต่างอะไรกับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ซึ่งเพียงพอที่จะบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย
“พวกเราจะทำยังไงกันดี? ยักษ์ทองแดงพวกนี้คงทนเกินไป ข้าโจมตีพวกมันไปหลายทีแล้วแต่พวกมันไม่สะเทือนเลย!” เฉียวเสวี่ยอิงหลบเลี่ยงการโจมตีของยักษ์ทองแดงหลายตัวก่อนจะรีบไปรวมกับซูอัน พวกเขายืนหันหลังชนกันพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง นางดูเหนื่อยเกินกว่าจะฟื้นตัวได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
ซูอันสังเกตเห็นกระบี่ที่หักอยู่ในกำมือของนางและพึมพำว่า “ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะทนอาวุธไปได้ทุกอย่าง!”
เมื่อพูดจบ ซูอันก็เรียกแท่งพิษออกมาและพุ่งเข้าหาหนึ่งในยักษ์ทองแดง
แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำร้ายพวกแกด้วยการเตะหรือฟันด้วยกระบี่ได้ แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่าพวกแกจะไม่เป็นอะไรเลย กับแท่งพิษของข้า!
แม้จะเห็นได้ชัดว่ายักษ์ทองแดงเหล่านี้ไม่มีชีวิต ซึ่งหมายความว่าคุณสมบัติผลการฆ่าของแท่งพิษอาจจะไม่ทำงาน แต่ความคมของมันก็น่าจะเพียงพอจะใช้โจมตีได้จริงไหม?
ซูอันเคลื่อนไหวเร็วมากจนเฉียวเสวี่ยอิงนึกว่าเขาแยกร่างเป็นหลายร่างได้
นางรู้ว่านี่เป็นผลของทักษะการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนใครของเขา ซึ่งมันทำให้นางอดไม่ได้ที่จะประทับใจว่าไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้พวกของนางถึงไม่สามารถฆ่าเขาได้สักทีแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับที่สามเท่านั้น
ซูอันเริ่มใช้ ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ ของเขาจนถึงขีดสุด ร่างของเขาไปปรากฏตัวข้าง ๆ ยักษ์ทองแดงตัวหนึ่งอย่างฉับพลันและฟันแท่งพิษด้วยความเร็วที่ตาเปล่าแทบจะมองไม่ทัน เขาเฉือนก้อนทองแดงขนาดใหญ่ออกจากส้นเท้าของยักษ์ทองแดงได้สำเร็จ!
อ๊ากกกก!!!!
ยักษ์ทองแดงส่งเสียงโหยหวนออกมาดังลั่น ทำให้เฉียวเสวี่ยอิงหวาดกลัว เดี๋ยวก่อนนะ… ยักษ์ทองแดงเหล่านี้รู้สึกเจ็บปวดเป็นด้วยเหรอ?
ยักษ์ทองแดงยังคงเหวี่ยงกระบี่ของพวกมันไปที่ซูอัน ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกมันจะเชื่องช้า แต่จุดอ่อนนี้ถูกเสริมด้วยแขนขาที่ยาวและกระบี่ขนาดใหญ่
ทุกการโจมตีของพวกมันทำให้ซูอันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนบอสมอนสเตอร์ในเกมโจมตีด้วยท่าไม้ตายของพวกมันทุกครั้ง แม้ชายหนุ่มจะมีทักษะการเคลื่อนไหวอันทรงพลังแต่ก็ยังมีหลายครั้งที่เขาเกือบถูกคลื่นลมที่สร้างโดยกระบี่ขนาดมหึมาพัดพาไป
ยิ่งไปกว่านั้น พวกยักษ์ทองแดงไม่ลังเลที่จะใช้แขนขาและหมัดเมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์เป็นใจ มันทำให้ดูราวกับว่ามีมนุษย์สิบสองคนกำลังปัดป่ายไปมาอย่างพัลวันเพื่อไล่แมลงวัน ซึ่งภาพนี้หากมองจากมุมมองคนนอกมันก็ดูน่าตลกทีเดียว
ไม่นานต่อมา ซูอันก็พบว่ายักษ์ทองแดงทั้งสิบสองตัวนี้มันน่าตกตะลึงมากกว่าที่คิด เขาแน่ใจว่าตนได้หั่นก้อนทองแดงขนาดใหญ่ออกจากส้นเท้าของยักษ์ทองแดงแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกมันยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ตามปกติ ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
“ดูสิ บาดแผลของพวกมันกำลังฟื้นฟู!” เฉียวเสวี่ยอิงชี้ไปที่ส้นเท้าของยักษ์ทองแดงขณะที่นางตะโกน
ซูอันรีบดูเช่นกัน เช่นเดียวกับที่เฉียวเสวี่ยอิงกล่าว ส่วนบาดแผลหรือก็คือส่วนที่ก้อนทองแดงที่ถูกซูอันฟันจนหลุดไปมันฟื้นฟูกลับไปเป็นเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหากมองดี ๆ ในเวลาเดียวกับที่บาดแผลของพวกยักษ์ทองแดงฟื้นฟู ก้อนทองแดงที่เขาฟันหล่นอยู่ที่พื้นมันค่อย ๆ ละลายเป็นของเหลวและไหลเข้าไปที่ส้นเท้าของพวกยักษ์เหล่านั้น
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถฟื้นฟูได้ไม่รู้จบในสภาพแวดล้อมนี้!” เฉียวเสวี่ยอิงกล่าวด้วยใบหน้าซีด
แม้ว่ายักษ์ทองแดงเหล่านี้จะขาดความคล่องตัว แต่การโจมตีของพวกมันก็ทรงพลังมากแถมพวกมันยังดูเหมือนว่าจะเป็นอมตะอีกต่างหาก พวกเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างไร?
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น พวกเขามีเวลาไม่เพียงพออย่างมาก หากพวกเขาทำลายผนึกช้าเกินไป ฉู่ชูเหยียนอาจตายไปแล้วในมือของจางฮั่น
“ข้าได้ยินมาว่าไฟควบคุมโลหะ เจ้าสามารถใช้ทักษะเกี่ยวกับธาตุไฟ เช่น ลูกไฟ หรืออะไรอย่างอื่นได้ไหม?” ซูอันถาม
เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตา “เจ้าควรจะรู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าข้าเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไม้! ถ้าข้าสามารถใช้ไฟได้ คนแรกที่จะถูกเผาก็คือตัวข้าเอง!”
ชายหนุ่มเดาะลิ้นของเขา “ไร้ประโยชน์จริง ๆ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้คาดหวังให้เจ้าเก่งเหมือนตัวเอกในนิยายที่สามารถใช้พลังทั้ง 5 ธาตุได้ แต่อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ไม่ควรจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกตัวประกอบที่ใช้ได้แค่ธาตุเดียวหรืออะไรทำนองนั้น เฮ้อ…ข้าไม่ควรคาดหวังอะไรกับเจ้าเลย น่าผิดหวัง ๆ”
เฉียวเสวี่ยอิงนิ่งอึ้งไป
“นี่เจ้าอ่านนิยายไร้สาระประเภทไหนมา? ผู้บ่มเพาะในโลกนี้สามารถใช้ได้เพียงธาตุเดียวเท่านั้น! เลิกบ้าได้แล้ว!!!”
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
เฉียวเสวี่ยอิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธจัด ไอ้คน ๆ นี้คือศัตรูตัวฉกาจของข้าจริง ๆ ชาติก่อนข้ากับเขาต้องเป็นศัตรูกันแน่นอน!
“ในเมื่อเจ้าหาว่าข้าบ้าและเจ้าฉลาดนัก ถ้างั้นทำไมไม่บอกข้าสักทีว่าเราควรทำยังไงกันดีตอนนี้?” ซูอันหลบการโจมตีจากยักษ์ทองแดงในขณะที่เขาถาม
เฉียวเสวี่ยอิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำว่า “ดังคำกล่าวที่ว่า ‘สำเร็จเต๋าใช้ความสำเร็จห้าสิบส่วน โชคชะตานำพาส่งเสริมให้สำเร็จได้อีกสี่สิบเก้าส่วน ทว่าเสี้ยวสุดท้ายแห่งเต๋า มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่กำหนด!’ ในโลกของเรามีบางสิ่งที่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ เช่นเดียวกับยักษ์ทองแดงเหล่านี้ต้องมีจุดอ่อน เพียงแต่เรายังไม่เจอมันเท่านั้น”
“เจ้าพูดบ้าอะไรข้าไม่เห็นจะรู้เรื่อง! พูดอะไรที่ข้าสามารถเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้สักหน่อยจะได้ไหม!” ซูอันพูดขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงแดงขึ้น นางจ้องไปที่ซูอันและพูดว่า “ข้ากำลังบอกว่าเจ้าควรเลิกเล่นงานขาของพวกมันได้แล้ว ในเมื่อมันไม่ได้ผลเราก็ต้องหาจุดอ่อนอื่นที่ซ่อนอยู่!”
“ที่อื่น?” ซูอันมองสำรวจยักษ์ทองแดงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเพ่งมองแค่ไหนมันก็ไม่เห็นมีอะไรบ่งชี้ว่ายักษ์ทองแดงเหล่านี้มีจุดอ่อนที่อื่น โดยเฉพาะอวัยวะของลับซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มี ไม่งั้นเขาคงลองเล็งไปที่นั่นและเตะเข้าให้สักป้าบไปนานแล้ว!
ทั้งสองแยกจากกันและวิ่งวนรอบ ๆ ยักษ์ทองแดงเพื่อค้นหาจุดอ่อนของพวกยักษ์ต่อไป และในไม่ช้า เฉียวเสวี่ยอิงก็สังเกตเห็นบางอย่าง
“เฮ้ จุดอ่อนของพวกมันอาจเป็นเครื่องหมายแปลก ๆ บนหน้าผากของพวกมันรึเปล่า?”
นางสังเกตเห็นว่ารอยบนหน้าผากของพวกยักษ์จะเรืองแสงจาง ๆ ทุกครั้งที่พวกมันขยับตัว
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของนาง ซูอันก็พยักหน้าเห็นด้วย “อืม…ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ ข้าเดาว่ามีความจริงบางอย่างในสุภาษิตที่ว่าผู้หญิงหน้าอกใหญ่มักจะไม่ฉลาดสักเท่าไหร่”
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง ห๊ะ? คนหน้าอกใหญ่เกี่ยวอะไรกับข้า? แต่แล้วเมื่อคิดดูดี ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าซูอันจงใจดูถูกนางที่มีหน้าอกเล็กทางอ้อมนี่นา!
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
“แต่ยักษ์ทองแดงเหล่านี้สูงเกินไป เราไม่สามารถกระโดดขึ้นไปบนหัวของพวกมันได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าจุดอ่อนของพวกมันจะอยู่กลางหน้าผากจริง ๆ ก็ตามที”
ซูอันบ่น
แน่นอนว่าในฐานะผู้บ่มเพาะ ทั้งซูอันและเฉียวเสวี่ยอิงจะสามารถกระโดดได้สูงกว่า 6 จั้งได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาก็คือยักษ์ทองแดงที่พวกเขาเผชิญอยู่ไม่ใช่วัตถุที่ตั้งอยู่นิ่ง ๆ พวกมันจะโจมตีพวกเขาทันทีที่พวกเขาเข้าไปใกล้!
ซูอันคงมีโอกาสหากเป้าหมายอยู่เลียดพื้น แต่ถ้าเขากระโดดขึ้นไปบนอากาศพุ่งเข้าหน้าของพวกมัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขากำลังรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง?
เขาไม่ได้อยากจะถูกตบเหมือนยุง จึงรีบใช้สมองเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา ทันที และในไม่ช้าดวงตาของชายหนุ่มพลันเป็นประกาย “ฮ่า! ข้าคิดออกแล้ว!”
“เจ้าคิดอะไรออก?” เฉียวเสวี่ยอิงถามกลับด้วยสีหน้ามีความหวัง