ตอนที่ 346 ปลาบปลื้ม สมปรารถนาแล้ว (2)
ตัวนางไม่ได้รู้สึกอย่างไร ทว่ากลับทำให้บรรดาสตรีหน้าแดงระเรื่อหัวใจเต้นแรง!
ถ้อย…ถ้อยคำที่นางพูด หมายความว่าอย่างไร
เปิดเผยเกินไปแล้ว! ดอกไม้ผลิบานอะไรกัน รถราหยุดขับเคลื่อนบ้าบอ…ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!
“เจ้า…เจ้าช่างไร้ยางอาย!” อวี่เหวินหันเหล่ยโมโหจนหายใจหืดหอบ! ไม่ทำตัวนางสงสารแล้ว
นางพบว่า สตรีคนนี้รับมือยากยิ่งนัก เพราะไม่ว่าเจ้าจะพูดสิ่งใด นางล้วนสามารถโต้กลับด้วยกลเมล็ดอันแยบยบ สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือถ้อยคำที่โต้กลับมานั้น ทำให้ตนโมโหยิ่งนัก!
กุ้ยเสี่ยวซีหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงในอดีตยังไม่กล้าเทียบความงามกับตน แต่มั่วเชียนเสวี่ยที่หน้าตาสะสวยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับพูดอย่างตรงไปตรงมาว่านางงดงามกว่าตน…
เห็นสีหน้าของอวี่เหวินหันเหล่ยเปลี่ยนไปมา โมโหอย่างยิ่งยวด มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะเบาๆ พยักหน้ายอมรับ “อืม ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าไร้ยางอาย!” เป็นสตรีที่ไร้ยางอายจริงๆ กล้าปรารถนาอยากจะได้บุรุษของนาง
“เจ้า…”
“อีกเรื่องหนึ่ง…” มั่วเชียนเสวี่ยไม่เปิดโอกาสให้อวี่เหวินหันเหล่ยพูด พูดแทรกขึ้นมา “เจ้าบอกว่าเจ้ากับพี่เซ่าชิงของเจ้ารักกันมานานแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่แต่งงานกับเจ้า ไม่เพียงไม่แต่งงานกับเจ้า ทั้งยังจะแต่งงานกับข้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา เท่านี้ก็อธิบายทุกอย่างได้แล้วใช่หรือไม่ หื้ม”
อยากจะแข่งกับตน ตนจะทำให้นางอกแตกตาย!
คำพูดของสตรีคนนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว
แต่ว่า นางเรียกพี่เซ่าชิงเช่นนี้ ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยโมโหจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนิงเซ่าชิงล้วนเป็นฝ่ายกินน้ำส้มสายชู คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่ง ตนจะเป็นฝ่ายกินน้ำส้มสายชู
รอก่อน นางต้องหาโอกาสจัดการหนิงเซ่าชิง ตอนนี้ จัดการหญิงไร้ยางอายตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน
“มีใจให้กันมานานเช่นนั้นหรือ หากมีใจให้กันมานานเหตุใดพี่เซ่าชิงของเจ้าจึงไม่แต่งงานกับเจ้า? อย่างแย่ที่สุดก็ควรจะรับเจ้าเอาไว้ แต่ว่าเขาไม่ได้ทำใช่หรือไม่ หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ เจ้าคงโอ้อวดนานแล้ว!”
สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยฉายความดูแคลน คำพูดของนางก็ไม่มีความเกรงใจ ราวกับว่าอวี่เหวินหันเหล่ยเป็นเพียงสาวใช้ห้องข้างที่รับมาอยู่ด้วยได้ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น
เห็นนางเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาตระกูลชั้นสูงสมัยโบราณที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเช่นนั้นจริงๆ หรือ เจ้าพูดสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น หลังจากนั้นข้าก็ต้องหนีไปร้องไห้
ตลกสิ้นดี
คำพูดประโยคนี้ของนางได้ผล ทำเอาอวี่เหวินหันเหล่ยหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
โดยทั่วไปเรื่องน้ำเน่าล้วนมีระดับขั้นตอนเช่นนี้
แสดงอำนาจ หลังจากนั้นลอบทำร้าย แล้วปรักปรำ สุดท้ายก็การแสดงสุดพิเศษก่อนจบ!
ไม่อาจหลีกหนีจากขั้นตอนเหล่านี้ได้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินคำว่า “หันเหล่ย เจ้าเป็นอะไร” มั่วเชียนเสวี่ยไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
เช่นนี้ จึงจะเป็นการดำเนินเรื่องของบทละครน้ำเน่า!
ท่ามกลางความวุ่นวาย มั่วเชียนเสวี่ยฉวยโอกาสนี้ถอยหลังสองสามก้าว ต้องหลีกทางให้ผู้อื่นขึ้นแสดงบ้างไม่ใช่หรือ
มั่วเชียนเสวี่ยถอยไปยืนข้างท่านหญิงซูซู จากนั้นนางค่อยมองไปตามเสียง เห็นสตรีวัยกลางคนอายุราวสามสิบเดินมาด้วยกัน พวกนางเดินด้วยความรีบร้อน คล้ายกังวลใจยิ่งนัก
สตรีหนึ่งในสองสวมชุดสีแดงเข้ม เสียงกริ้งกร้างดังขึ้นจากนาง แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่านางสวมเครื่องประดับมากมาย
สตรีอีกคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินหรูหรา เทียบกับสตรีคนแรกแล้วสวมเครื่องประดับมากกว่า
ราวแขวนเครื่องประดับหรูคู่หนึ่ง ล้ำค่ายิ่งนัก!
มั่วเชียนเสวี่ยเดาะลิ้น สตรีทั้งสองรีบวิ่งไปทางอวี่เหวินหันเหล่ย น้ำเสียงของพวกนางเปี่ยมไปด้วยความกังวล!
“จิ้งฮูหยิน! หันเหล่ยไม่มีหน้ามีชีวิตต่อไปแล้วเจ้าค่ะ!” ได้ยินเสียงคนที่มา อวี่เหวินหันเหล่ยดีใจทันที ทว่าสีหน้าของนางยังคงเศร้าสลด ทำสีหน้าราวกับอยากจะตายไปเสียบัดนี้!
“ดูเจ้าสิ! พูดอะไรเช่นนี้! เหตุใดจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เด็กดี บอกอามาเจ้าบาดเจ็บหรือไม่”
ฮูหยินที่สวมชุดสีแดงเข้มรีบพยุงอวี่เหวินหันเหล่ยลุกขึ้น แววตาของนางเคล้าไปด้วยความปวดใจ มองอวี่เหวินหันเหล่ยหัวจรดเท้าอย่างพิจารณา น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง
ฮูหยินอีกคนหนึ่งก็ไม่รอช้า รีบถามไถ่ “จริงด้วย มีเรื่องอะไรก็บอกพวกอา พวกอาจะช่วยเจ้าเอง! ข้าไม่เชื่อว่า จะมีคนกล้ารังแกคนตระกูลหนิงของพวกเรา!”
ประโยคสุดท้าย เห็นชัดว่าพูดให้ทุกคนฟัง! หรือจะกล่าวว่าพูดให้มั่วเชียนเสวี่ยฟังก็ได้
มั่วเชียนเสวี่ยได้ยินเช่นนี้จึงหัวเราะ ไม่ถือสาพวกคนที่ความสามารถในการต่อสู้อยู่คนละระดับกับตน แต่หันไปมองท่านหญิงซูซูที่อยู่ด้านหลัง ถามอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้ใด เป็นใครมาจากแห่งหนใด”
ท่านหญิงซูซูกลอกตามองบนไปทางมั่วเชียนเสวี่ย ยกมือขึ้นดีดหน้าผากของมั่วเชียนเสวี่ย ที่นางไม่ได้ดั่งใจตน “ดูเจ้าสิ! เป็นคนที่กำลังจะแต่งเข้าตระกูลหนิงแล้วแท้ๆ แต่พวกคนในเรือนหลังของตระกูลหนิง เจ้าไม่รู้จักใครเลยหรือ”
ครานี้มั่วเชียนเสวี่ยถูกปรักปรำแล้ว นางแต่งงานกับหนิงเซ่าชิงเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ แต่ว่า หลังจากมีเรื่องในวันนี้เกิดขึ้น นางจะให้กุ่ยซารายงานเรื่องทุกอย่างที่เรือนในของตระกูลหนิง
“ว่ามา”
“สองคนนั้นคืออนุภรรยาของหัวหน้าตระกูลหนิงคนก่อน!”
“บิดาของหนิงเซ่าชิงเช่นนั้นหรือ” มั่วเชียนเสวี่ยกะพริบตา อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงก็คือพ่อของหนิงเซ่าชิงไม่ใช่หรือ
“อืม” ซูซูพยักหน้า หลังจากนั้นอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด “สตรีที่สวมชุดสีแดงเข้มคือจิ้งฮูหยิน ส่วนสตรีคนข้างๆ คือเหมยฮูหยิน”
เวลานี้ มั่วเชียนเสวี่ยเริ่มตามไม่ทันแล้ว!
“ฮูหยิน? เจ้าบอกว่าพวกนางคืออนุภรรยาไม่ใช่หรือ”
ยุคสมัยโบราณ นอกจากภรรยาเอกที่เป็นฮูหยินแล้ว ก็คืออนุภรรยาที่ถูกยกขึ้นเทียบภรรยาเอกเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าฮูหยิน ที่เหลือล้วนเป็นอนุภรรยาไม่ใช่หรือ
แม้อนุภรรยาจะเป็นที่โปรดปรานเพียงใด ก็ถูกเรียกว่าฮูหยินในงานขนาดเล็กเท่านั้น ถือเป็นการให้เกียรติอย่างสูงแล้ว แตกต่างกับสตรีสองคนตรงหน้า ท่ามกลางงานใหญ่โตเช่นนี้ เรียกแทนตนว่าฮูหยิน ทำตัวยิ่งใหญ่กว่าฮูหยินที่เป็นภรรยาเอกเสียอีก
หรือว่าข้อมูลของซูซูบิดเบือน สองคนนี้ถูกยกเทียบภรรยาเอก มั่วเชียนเสวี่ยมองด้วยความฉงน
“ตระกูลชั้นสูงก็เป็นเช่นนี้ แม้จะเป็นกุ้ยเชี่ยหรือว่าอนุภรรยาล้วนมีฐานันดรศักดิ์ ไม่อาจเรียกว่าอนุภรรยา ต้องเรียกว่าฮูหยินเท่านั้น แค่ว่าภรรยาที่ตบแต่งเรียกว่าฮูหยินตามด้วยสกุลของสามี ส่วนอนุภรรยาที่เป็นกุ้ยเชี่ย เรียกตามชื่อของตน ถูกเรียกว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน”
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยฟังคำอธิบายของซูซูแล้ว พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
คิดไม่ถึงจริงๆ ในตระกูลชั้นสูง ให้ความสำคัญกับรายละเอียดมากมายเช่นนี้ ภรรยาเอกและภรรยาน้อยได้รับการปฏิบัติใกล้เคียงกัน! ทำให้รู้สึกไม่ยุติธรรมจริงๆ!
ไม่แปลกที่คนมากมายจ้องจะจับหนิงเซ่าชิงของนาง แม้จะเป็นเพียงกุ้ยเชี่ย ก็มีตำแหน่งเป็นฮูหยินเช่นเดียวกัน
“เชียนเสวี่ย! เจ้ามองทางด้านนั้น!” จู่ๆ คล้ายท่านหญิงซูซูเจอเรื่องบางอย่างที่ควรค่าแก่การพูดคุยยิ่งกว่า กระตุกแขนเสื้อของมั่วเชียนเสวี่ย บอกให้นางมองด้านหลังฮูหยินทั้งสอง
เห็นท่ามกลางผู้คน มีสตรีคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกลจากฮูหยินทั้งสอง