ตอนที่ 168 สามสำนักบำเพ็ญเต๋ารวมตัวกัน ยันต์หยกสั่น เขย่าขวัญผู้คน (2)
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในใจ ดูเหมือนว่ายังมีปัญหาอีกมากมายที่เขาต้องแก้ไขต่อไป
แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วคาดไม่ถึงก็คือ เขาสามารถจัดการเรื่องที่ให้หลิงลี่ย้ายไปเข้าร่วมกับสำนักตู้เซียนได้อย่างราบรื่นแล้ว
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วอยากขอให้จิ่วอูเชิญปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งช่วยออกหน้าพูดคุยกับสำนักเซียนเซียวเหยาในเรื่องนี้
ผู้ใดที่นางยอมรับเป็นอาจารย์ย่อมเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในภายหลัง
แต่เมื่อปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งได้ยินจิ่วอูกล่าวถึง ‘ญาติผู้น้อง’ ของหลี่ฉางโซ่ว เขาก็พยักหน้าตกลงและพาจิ่วอู… ไปพบเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วอย่างไม่ลังเลใจใดๆ
นอกจากสูงส่งเย็นชาและห่างไกลในวันนี้แล้ว ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็ยังมีความกระตือรือร้นเล็กน้อยอย่างที่ไม่ควรเป็น ก่อนหน้านี้หลี่ฉางโซวเคยประเมินความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ปรมาจารย์ใหญ่ผู้ดุดันและชั่วร้ายอย่างยิ่ง’ กับ ‘บุรุษผู้เย็นชาไร้อารมณ์’ นั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกเดินบนเส้นทางของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
แต่เห็นได้ชัดว่า หลี่ฉางโซ่วคาดผิดถึงระดับความกังวลห่วงใยในเรื่องของยอดเขาหยกน้อยของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งคนนี้ ว่ามันมากมายเพียงใด!
เมื่อได้ยินว่า หลี่ฉางโซ่วเป็นผู้เชิญเขา ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็พาจิ่วอูไปพบเจ้าสำนักที่ ‘ว่างเปล่า’ จี้อู๋โหย่ว
จี้อู๋โหย่วพยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเลทันที แล้วหันไปหาเซียนจินสองคนจากสำนักเซียนเซียวเหยา…
พวกเขาทั้งหมดล้วนมาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและวิธีการฝึกบำเพ็ญเพียรของพวกเขาก็คล้ายกันมาก ก่อนหน้านี้พวกเขายังแลกเปลี่ยนศิษย์กันมาก่อนด้วย เรื่องนั้นจึงคลี่คลายได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
และเมื่อมองไปที่ใบหน้าของหว่างฉิงผู้สูงส่ง จี้อู๋โหย่วก็โบกมือ…
หลังจากนั้นไม่นาน สงหลิงลี่ก็เปลี่ยนจากศิษย์ธรรมดาของสำนักเซียนเซียวเหยากลายเป็นศิษย์ในนามของเจ้าสำนักตู้เซียน นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่ว
เมื่อผู้อาวุโสของทั้งสองสำนัก ประกาศเรื่องนี้กับเหล่าศิษย์ของพวกเขา ศิษย์ของสำนักตู้เซียนต่างก็พากันมองไปที่สงหลิงลี่
ศิษย์หญิงมีท่าทีสงสัยเล็กน้อย ศิษย์ชายบางคนดูวิตกกังวล ในขณะที่ผู้อาวุโสบางคนก็อดจะกังวลไปด้วยไม่ได้เช่นกัน…
พวกเขาล้วนได้ยินสิ่งที่สงหลิงลี่กล่าวเมื่อครู่นี้!
ส่วนบรรดาศิษย์ของทางฝ่ายสำนักเซียนเซียวเหยานั้น ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มากนัก มีศิษย์หญิงสองสามคนที่ดูไม่พอใจที่จะปล่อยนางไป แต่ผู้อาวุโสเซียนเทียนที่มายังสถานที่นี้ด้วย กลับเผยรอยยิ้มกริ่มด้วยความลิงโลดและโล่งใจ
โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเป็นเหยื่อรายต่อไปอีก…
ดังนั้น…
หลี่ฉางโซ่วมองไปยังสาวน้อยหอคอยเหล็กผู้แข็งแกร่งข้างๆ เขา “ข้าสับสนนัก นี่ข้ารับอาจารย์ป้าให้มารับใช้ในสำนักหรือ? ’
เพราะเมื่อปรมาจารย์เจ้าสำนักยอมรับนางเป็นศิษย์ นางย่อมมีศักดิ์และรุ่นเทียบเท่ากับปรมาจารย์ เจียงจิ่งซานผู้เป็นอาจารย์ของโหย่วฉินเสวียนหย่า
แต่ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็ค้นพบประโยชน์
เมื่อมีสงหลิงลี่อยู่ข้างๆ เขา แม้จะมีสายตาของคนรอบข้างส่วนใหญ่มองมา แต่ร่างกำยำดั่งหอคอยเหล็กที่แผ่ไอเย็นออกมา ก็จะปิดกั้นการมองเห็นของพวกเขาเอาไว้ได้หมดสิ้น…
ในขณะนี้ สงหลิงลี่หลับสนิทขณะที่พลังปราณวิญญาณของนางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วนิ่งสงบพลางครุ่นคิดเงียบๆ ว่า เขาควรจะจัดการและดูแลสงหลิงลี่อย่างไรในอนาคต รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่จะติดตามมาหลังเหตุการณ์นี้…
โหย่วฉินเสวียนหย่า และจิ่วจิ่วก็ยืนขึ้นเกือบพร้อมๆ กันทันที
จากนั้นทั้งสองต่างก็มองหน้าและสบตากันผ่านอากาศ พวกนางล้วนปรารถนาจะไปอยู่เคียงข้างหลี่ฉางโซ่วด้วยกัน
คนอื่นๆ อาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่โหย่วฉินเสวียนหย่านึกถึงข้อมูลที่นางเคยได้รับรู้มาอย่างถี่ถ้วนหลังจากที่ไถ่ถามไปรอบๆ แล้ว ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่มีญาติเลย
จิ่วจิ่วแค่รู้สึกสนใจสตรีร่างใหญ่ผู้นั้นและอยากสะกิดกล้ามเนื้อของนางซึ่งดูค่อนข้างหายาก
แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีข้อความเสียงลอยผ่านเข้าไปในหูของ ‘สมาชิกอาวุโส’ สองคนของกลุ่มยอดเขาหยกน้อย
“ข้าจะอธิบายรายละเอียดให้ฟังเมื่อกลับไป อย่าเพิ่งเข้ามาที่นี่ เกรงว่า… พวกท่านสองคนจะบังเอิญได้รับบาดเจ็บเพราะนางได้”
โหย่วฉินเสวียนหย่าหยุดเดินทันทีแล้วพยักหน้าให้หลี่ฉางโซ่ว ก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งบนเบาะนั่งสมาธิของนางต่อ
ส่วนจิ่วจิ่วก็ดึงติ่งหูของนางแล้วเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะสังเกตสงหลิงลี่อย่างใกล้ชิด
ดูเหมือนว่า อาจารย์อาน้อยจะคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาของนางดูเจิดจ้ามากเป็นพิเศษ
หลังจากนั้น จิ่วจิ่วก็เอ่ยอย่างกันเองขณะนั่งข้างจิ่วอูว่า “ศิษย์พี่ห้า ท่านดูหล่อเหลาขึ้นอีกแล้ว”
“โอ้?” จิ่วอูที่กำลังเล่นโอสถสองขวดอยู่ยิ้มออกมาทันที “จริงหรือ? ข้าไม่ทันได้สังเกต”
“ดีที่ท่านไม่ทันได้สังเกต” จิ่วจิ่วกลอกตาแล้วเดินเอามือไพล่หลัง กลับไปยังที่นั่งของนาง
ต้องกล่าวถึงว่า ช่วงเวลาที่จิ่วจิ่วลุกยืนขึ้น สายตาโดยรอบต่างก็จ้องมองไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่า…
สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน สำนักบำเพ็ญเต๋าที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกบรรพกาล
เมื่อผู้ฝึกบำเพ็ญจากสำนักตู้เซียนมาถึงที่นี่แล้ว การประชุมก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในเวลาอีกครึ่งปีต่อมา
และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สำนักเซียนของพวกเขาเป็นสำนักที่เหมาะสม บรรดาศิษย์ของสำนักเซียนต่างๆ จึงนั่งสมาธิและฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง พวกเขาทุกคนล้วนทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อหยั่งรู้เต๋าอันยิ่งใหญ่ และไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ตามต้องการ
ความจริงแล้ว มีศิษย์มากมายที่ประสบความสำเร็จในขอบเขตของพวกเขาในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
ผู้ฝึกบำเพ็ญจากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าค่อยๆ รวมตัวกันในพื้นที่ราบลุ่ม บริเวณทะเลสาบเล็กๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีเสียงดังมากนัก
บางครั้งพวกเขาอาจเห็นเซียนสองสามคนพูดคุยกันบนก้อนเมฆ เห็นร่างของจอมปราชญ์และเหล่าปรมาจารย์ที่มีเส้นผมขาว กำลังพูดคุยกันอยู่ที่ริมขอบสถานที่จัดงาน
ดังที่จิ่วจิ่วกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ หากศิษย์รุ่นเยาว์หลายคนพลาดงานใหญ่เช่นนี้ พวกเขาจะรอโอกาสครั้งที่สองในชีวิตนี้ไม่ได้อีกแล้ว
นอกจากสงหลิงลี่แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไม่พบเหตุการณ์อื่นใดในอีกสองสามเดือนหลังจากนี้
สงหลิงลี่นั่งเงียบๆ ข้างหลี่ฉางโซ่ว เพื่อปกป้องท่านเทพทะเลที่ดีที่สุดในโลก
นอกจากฝึกบำเพ็ญแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังได้เริ่มหลักสูตร ‘การฝึกฝน’
บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ลบคำพูดที่ว่า ‘เป็นไม่ได้ที่จะฝึกฝนนาง’ ซึ่งไม่น่าเชื่อถือนี้ ออกไปจากใจของเขาแล้ว
อย่างแรก เขาจะให้สงหลิงลี่เรียนรู้วิธีควบคุมความแข็งแกร่งของนางเอง
หลี่ฉางโซ่วมอบขวดกระเบื้องให้นางสองสามขวด และบอกให้นางค่อยๆ แกะลวดลายลงบนขวดออกโดยไม่ให้ทำมันเสียหาย
หากนางทำได้ เขาจะมอบรางวัลตอบแทนนางด้วยหนังสือชมเชยเพื่อให้นางนำมันกลับไปที่หมู่บ้านสงได้ในอนาคตและท่องคำสรรเสริญของเทพแห่งท้องทะเลให้นางต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน
อย่างที่สอง เขาจะมอบตำราหลายเล่มที่ไม่ได้มีไว้ใช้งานจริงจำนวนหนึ่งสำหรับการฝึกบำเพ็ญของสงหลิงลี่ แต่เขาอยากให้นางอ่านตำรามากขึ้นเพื่อเพิ่ม… กลิ่นอายอ่อนโยนและสง่างามให้นาง
เมื่อสุริยาผงาดขึ้นสาดแสง จันทราแจ่มลาลับไป และดวงดาราก็เคลื่อนคล้อยหายไปในหมู่เมฆ
แม้ทิวทัศน์ที่นี่จะดี แต่ก็มีคนที่หมดความอดทนอย่างแน่นอน หลังจากดูมาครึ่งปีแล้ว ในวันหนึ่ง จู่ๆ ก็มีอักขระเต๋าลึกลับและคลุมเครือปรากฏขึ้นทั่วหล้า ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามของสัตว์หายากดังสนั่นให้ได้ยินจากทั่วทุกทิศทาง เหล่าวิหคหลากสีหลายหมื่นตัวบินขึ้นจากขอบแอ่งราบลุ่มนั้น ในขณะที่แสงเซียนแผ่กระจายออกไปทั่วแผ่นฟ้า ในเวลานั้น มีผู้ยิ่งใหญ่มากสามคนมาจากภูเขาคุนหลุนอยู่บนเมฆมงคลที่ลอยมา นักพรตเต๋าชราที่อยู่ตรงกลางบนเมฆนั้นดูทรงพลังยิ่ง เขาคือศิษย์คนที่สามของหยวนสื่อเทียนจุน[1]แห่งวังอวี้ซวี นาม ฉือจิ้งจื่อ
ทั้งสองด้านทั้งซ้ายและขวาของฉือจิ้งจื่อ ยังมีสิบสองเซียนจินที่มีชื่อเสียงลือเลื่องแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานอีกด้วย
แต่ในขณะที่มีคนสามคนเข้ามาใกล้สถานที่จัดงาน จู่ๆ ก็มีเมฆครึ้มสีเทาดำปรากฏขึ้นทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
ที่เมฆเป็นสีเช่นนี้ เป็นเพราะมีเมฆขาวรวมตัวกันมากเกินไปจนทำให้เมฆทึบและแสงไม่อาจทะลุผ่านหมู่เมฆได้
มีคนยืนอยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนบนก้อนเมฆสีเทาขนาดใหญ่นั้น
เมื่อพวกของฉือจิ้งจื่อทั้งสามคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเห็นคนเหล่านั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปแล้วหยิบยันต์หยกออกมาทันที
ทันใดนั้น มันก็สั่นสะเทือนจนเขย่าขวัญผู้คน!
………………………………………………………….
[1] อีกพระนามของเง็กเซียนฮ่องเต้