“อืม…ขอบคุณ”

มาร์ลีนตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง 

ผมรู้สึกได้จากน้ำเสียงของเธอว่าตอนนี้เธอเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ผมลำบากกับมาร์ลีนนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดไปเสียหมด 

สำหรับตอนนี้ผมจะพักสักหน่อย คิดแล้วก็หลับลึกไป

หนึ่งชั่วโมงต่อมา-

“อือ…”

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับครางเล็กๆ น้อยๆ ขณะเอาหัวตัวเองออกจากหัวของแคทเธอรีน

ผมเหยียดแขนออกเพื่อยืดกล้ามเนื้อก่อนจะเห็นว่าข้างๆ ตัวเองนั้นมีสาวงามผู้ล้มล้างโลกทั้ง 2 คนนั่งอยู่

“ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”

“แค่ชั่วโมงเดียวหน่ะ”

มาร์ลีนตอบด้วยสายตาเคอะเขิน 

ดวงตาอันแหลมคมของผมจับได้ว่าร่างกายของเธอเคลื่อนไหวแปลกๆ เล็กน้อย ซึ่งทำให้ผมยิ้มได้

‘ดูเหมือนว่าเอฟเฟกต์ที่แท้จริงกำลังเริ่มส่งผลมาแล้ว’

ผมซ่อนความสุขของตัวเองเอาไว้และมองไปรอบๆ ขณะที่ถามต่อ

“มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในตอนที่ฉันหลับอยู่รึเปล่า?”

“ไม่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”

แคทเธอรีนตอบโดยที่ผมก็พยักหน้า 

ผมยืนขึ้นและเริ่มยืดตัว ซึ่งอีก 2 คนก็ยืนขึ้นพร้อมกับผมเช่นกัน 

ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็เอาอุปกรณ์สร้างบาเรียออกไปก่อนจะหันไปหาทั้งคู่แล้วพูดขึ้นมา

“นี่คือที่ที่เราจะแยกทางกัน”

“ห้ะ?”

“เอ๊ะ?”

ทั้ง 2 คนต่างประหลาดใจและมองมาที่ผมด้วยความสงสัย โดยเฉพาะแคทเธอรีนที่มีสีหน้าไม่เต็มใจ

เมื่อเห็นแบบนั้นผมจึงพูดต่อ

“ฉันเองก็มีเรื่องของของตัวเองต้องจัดการ แถมจากนี้ไปพวกเธอก็ไม่ต้องให้ฉันอุ้มแล้วหนิถูกไหม?”

คำพูดของผมทำให้พวกเธอยืนอยู่ที่นั่นด้วยความเงียบ 

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วผมก็เลยหันไปหาแคทเธอรีน สีหน้าของความ ‘ลังเล’ ไหลผ่านหน้าใบหน้าของผมขณะที่ผมพยายาม ‘ควบคุม’ ตัวเองให้ได้มากที่สุด

“เอ่อ…แคทเธอรีน”

ผมเรียกเธอขึ้นมา

“ว่าไง?”

เธอถามกลับขณะสบตากลับกับผม 

เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าของผมก็ยิ่ง ‘หนักใจ’ ขึ้นไปอีก เราต่างจ้องมองกันจนในที่สุดผมก็พูดต่อ

“เห้อออ…..ไม่มีอะไร ฉันจะบอกให้เธอฟังทีหลังแล้วกัน”

ผมพูดในขณะที่ใบหน้ากลายเป็น ‘ซับซ้อน’ มากขึ้น ดูเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ตรงกันราวกับว่าผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความรู้สึกบางอย่างเอาไว้อยู่

“เกี่ยวกับสิ่งที่เราผ่านมาด้วยกัน ฉันอยากจะพูดถึงมันทีหลังหน่ะ”

เมื่อพูดคำนั้นแล้วผมก็หายลับไปจากสายตาพวกเธอ 

ไม่นานผมก็รีบเคลื่อนตัวเข้าไปในป่า

‘ฉันแค่หวังว่าเธอจะไม่บ้าไปซะหมด’

เหตุผลของการแสดงออกของผมคือเพื่อแสดงให้แคทเธอรีนเห็นว่าผมเองก็รู้สึกกับเธอเช่นกัน ด้วยสติปัญญาของเธอ มันคงไม่ยากสำหรับแคทเธอรีนที่จะคาดเดาความสับสนวุ่นวายภายในใจของผมได้ 

หลังจากที่เราสองคนผ่านอะไรมาด้วยกัน มันคงจะแปลกมากและถึงขั้นไร้หัวใจเลยถ้าผมไม่มีปฏิกิริยาหรือแรงดึงดูดต่อเธอ มันค่อนข้างจะธรรมดา แต่ในกรณีของผม ผมเองก็มีสิ่งอื่นที่ต้องจัดการเช่นกัน

หลังจากเดินทางออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว ผมก็นั่งลงบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งโดยนั่งหันหลังพิงมันขณะนำอุปกรณ์สื่อสารบางอย่างออกมา 

อาณาเขตซ้อนเร้นนี้ทำให้มันไม่มีระบบการสื่อสารใดๆ ที่ทำงานได้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆ คงจะรวมตัวกันหรือช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ง่าย แต่มันก็มีข้อยกเว้นและช่องโหว่บางอย่างเช่นเคย

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

ผมถามเข้าไปในอุปกรณ์

“มีผู้เสียชีวิตประมาณ 100 ราย มีผู้บาดเจ็บ 150 ราย และเป้าหมายทั้งหมดกำลังอยู่ในเส้นทางครับ”

ผมได้คำตอบที่เฉียบคมและชัดเจนตอบกลับมา 

ได้ยินดังนั้นแล้วผมก็เงียบไปครู่หนึ่ง ในกรณีปกติยอดผู้เสียชีวิตในอาณาเขตซ้อนเร้นจะอยู่ที่ประมาณ 10 หรือ 15 คนเท่านั้น เนื่องจากทุกคนที่เข้ามาที่นี่ล้วนเป็นผู้ที่สุดยอดที่สุดในโลก แม้จะมีอันตรายมากมาย แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าพวกเขาทุกคน

“พันธมิตรมนุษย์สัตว์เป็นยังไงบ้าง?”

ผมถามขึ้นมา

“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวตามข้อมูลที่เราให้ไว้ แม้ว่าเป้าหมายหลักของพวกมันจะยังอยู่ที่การทำลายล้างก็ตามครับ”

“อืมมม….เอาหล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้กำลังหนึ่งในสี่ที่เรามีอยู่กับพวกมันและเปลี่ยนเส้นทางไปยังกองทัพปลดปล่อยความโกลาหล ฉันต้องการตรวจสอบพวกมันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่เหมือนพวกมนุษย์สัตว์ พวกมันมีไหวพริบมากกว่ามาก”

ผมออกคำสั่ง

“ตามบัญชาครับ”

เสียงเข้มตอบกลับมา

“ดี…สถานการณ์ของพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

ผมถามต่อ

“เราขาดการติดต่อกับพวกเขาไปหมดแล้วครับ อย่างที่คุณบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามพวกนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้ผมเงียบไป องค์กรที่ควบคุมทุกสิ่งในความมืดไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถติดตามได้ การพยายามเกินตัวจะทำให้ผมสูญเสียจำนวนมหาศาล

“แล้วนายได้ตรวจสอบ ‘แสง’ แล้วหรือยัง?”

ผมถามขึ้นมา

“ผมพยายามแล้ว แต่ยิ่งพยายามลงลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่า ‘แสง’ นี้คล้ายกับความมืดมิดครับ”

เสียงเดิมตอบกลับมาทำให้ผมขมวดคิ้ว ในระหว่างการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อพลังและความแข็งแกร่ง ในที่สุดผมก็สัมผัสได้ถึงองค์กรที่ทรงพลังที่รักษาสันติภาพของโลกนี้โดยไม่รู้ตัว พวกเขาเรียกตัวเองว่าสภาสงคราม(The War Council) และสิ่งที่ตลกก็คือผมเพิ่งรู้ว่าองค์กรนี้ต้องการต่อต้านองค์กรมืดที่ปรารถนาวันสิ้นโลก

‘ใครจะคิดกันหล่ะว่าสิ่งที่ผมเคยหลอกเลโอนาร์โดจะมีอยู่จริง’

อิลลูมินาติเป็นชื่อโง่ๆ ที่ผมสร้างขึ้นเพื่อหลอกเลโอนาร์โด แต่ทว่ากลับเหนือความคาดหมาย มีองค์กรเช่นนี้อยู่! แม้ว่าชื่อจะแตกต่างกันก็เถอะ

‘องค์กรที่สร้างขึ้นโดยวีรบุรุษทั้ง 11 คนเพื่อปกป้องสันติภาพทั่วโลก’

ผมหรี่ตาลง แม้แต่ในเกมผมก็จำมันไม่ได้เลย แต่ยิ่งไปกว่านั้นทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยกัน? มหาอำนาจที่สามารถเขย่าโลกได้เข้ามาแทนที่ฮีโร่อมตะที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ในโลกคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ตราบเท่าที่พระเจ้าประทานพรอันยิ่งใหญ่แก่คุณ 

มันหายากมาก แต่ในช่วงสงครามเมื่อหลายพันปีก่อนมีบุคคลเช่นนี้อยู่จริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถถูกฆ่าได้ แต่หมายความว่าคุณจะไม่แก่ขึ้น แถมยังมีพรสวรรค์ที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

และเมื่อผมสำรวจโลกลึกลงไปก็ดูเหมือนว่าผมจะสัมผัสได้ถึงตัวตนที่เป็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่และจางหายไปในภูมิหลังของความปกติ

‘พอเราคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว ขี้ก้อนใหญ่กว่านั้นก็จะถูกโยนลงบนตักของเรา’

ผมถอนหายใจกับตัวเอง และให้คำสั่งเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อ 

แม้ว่าผมจะต้องการเปิดเผยความลับของโลกนี้ให้มากขึ้น แต่ผมก็ยังมีเป้าหมายในการจีบอยู่อีกหลายเป้าหมายที่รอผมอยู่ และความอยู่รอดของผมก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอ

“สิ่งที่ฉันทำก็เพื่อมีชีวิตรอด”

ผมบ่นอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าไปในสถานที่ซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไปของผมสำหรับแผนที่วางไว้

ร่างของผมหายเข้าไปในป่าอย่างพร่ามัว โดยไม่มีสัตว์หรือบุคคลใดๆ สัมผัสได้ 

ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็มาถึงที่ที่ตัวเองต้องการ ด้วยความสามารถซ่อนเร้นขั้นสูงสุด ผมจึงนั่งยองๆ อยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งขณะจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้า

‘ดูเหมือนว่าการคำนวณผิดพลาดก็เกิดขึ้นกับที่นี่เหมือนกัน’

ตรงหน้าผมมองเห็นคนสวมเสื้อคลุมหลายคนและซาบริน่าที่ยืนอยู่ตรงกลาง โดยที่มือของเธอดูเหมือนจะถูกมัดไว้ ขณะที่เธอถูกจับจ้องอยู่ที่ใจกลางของวงกลมที่ดูเป็นลางร้ายซึ่งเต็มไปด้วยเลือดอย่างชัดเจน 

ในไม่ช้าวงกลมแห่งลางร้ายก็สว่างขึ้นก่อนจะมีโซ่เริ่มลอยขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่ซาบรินาซึ่งเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและร้องออกมา

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อทันใดนั้นแสงของวงกลมจางลงก่อนจะแตกออกจากกันพร้อมกับซาบริน่าที่กลายเป็นแสง 

ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น คนอื่นๆ ที่ใช้วงกลมก็ตายและแตกสลายไปเช่นกันพร้อมกับกลิ่นเลือดที่ฟุ้งไปทั่วทั้งสถานที่

“บ้าเอ๊ย เธอก็ไม่ใช่เหมือนกัน!”

คำสาปแช่งถูกพูดออกมาหลังการระเบิดและบุคคลต่างๆ ที่ปรากฏตัวขึ้น โดยที่ทุกคนมีพลังมาก 

แถมผมยังเหลือบเห็นผู้ถือครองแหวนอีกคนด้วยซ้ำ

‘เธอยังฉลาดและโหดเหี้ยมเช่นเคย’

ผมยิ้มกับเหตุการณ์นั้นขณะเดินทาง โดยรู้ว่าภัยพิบัติที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต