‘ดูเหมือนเวลาของเธอกำลังจะหมดแล้ว’

เมื่อเห็นเหตุการณ์นองเลือดตรงหน้าและนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มี ผมก็สามารถเดาได้อย่างง่ายดายว่าสถานการณ์ของซาบริน่านั้นไม่ดีนัก 

ที่จริงแล้วความสามารถที่เธอใช้อยู่ตอนนี้คงทำให้เธอหนักใจอย่างมาก บวกกับความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญนั้นคงมากเกินกว่าที่มนุษย์จะรับไหว

‘ต้องรีบไปหาเธอแล้วสิ’

เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นผมก็เลยรีบไปที่ตำแหน่งของซาบริน่าในทันที ส่วนเรื่องที่ว่าผมรู้ได้ยังไงงั้นเหรอ? ก็ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมมอบให้ซาบริน่านั้นมีเครื่องติดตามเล็กๆ อยู่ 

แน่นอนว่าด้วยความฉลาดของซาบริน่า เธอจะต้องตรวจสอบ, ตรวจรอบ 2 และแม้แต่ตรวจสอบสิ่งที่ผมให้เธอไปถึงรอบที่ 3

แถมยังเพิ่มความสิ้นหวังที่เธอซ่อนไว้อีกด้วย สุดท้ายเธอก็ใช้ของขวัญของผม แม้ว่ามันจะล้มเหลว แต่ผมก็ยังมีแผนสำรองอีกหลายแผนอยู่ดี อย่างแรกเป็นหนังสือเล่มโปรดของเธอมากที่สุด เล่มที่เธอใส่ใจเหนือสิ่งอื่นใด หนังสือเล่มนั้นถูกลงนามโดยนักเขียนคนโปรดของเธอซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเธอ.…ผมเอง

และอย่างที่ใครๆ ก็เดาได้ว่าหนังสือเล่มนี้มีเครื่องติดตามอยู่แล้ว เห้อออ…ตอนนี้ผมชักดูเหมือนแฟนหนุ่มสตอล์คเกอร์ที่เป็นยันเดเระซะแล้วสิ

‘เรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง’

ผมหัวเราะคิกคักในใจและรักษาความเร็วไว้ขณะยกตัวขึ้นไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ 

ไม่กี่นาทีต่อมา พื้นที่คล้ายป่าก็เริ่มปลอดโปร่งพร้อมกับความร้อนรอบตัวที่เริ่มเพิ่มขึ้น และในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นพื้นที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ก็แผ่กระจายไปทั่วดวงตาของผม

‘ดูเหมือนว่าเธอกำลังใช้พื้นที่ทะเลทราย’

ร่างกายของผมวูบวาบขณะเริ่มวิ่งไปรอบทะเลทราย การปรากฏตัวของฉันถูกปกปิดเอาไว้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถตรวจพบได้ 

หลังจากวิ่งไปรอบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงพร้อมกับหลีกเลี่ยงอันตรายและมรดกบางอย่าง ผมก็มาถึงตำแหน่งที่ถูกส่งมาจากเครื่องติดตามอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมกลับไม่มีอะไรอยู่เลย

‘ใต้ดิน…งั้นสินะ’

ดวงตาของผมสว่างขึ้นด้วยแสงที่ซับซ้อนบางอย่างในตอนที่มองไปที่ใต้เท้าของตัวเอง ซึ่งผมมองเห็นดินแดนรกร้างและความมั่งคั่งที่แผ่กว้างออกไปได้ 

ในไม่ช้าผมก็เรียกออร่าอันคุ้นเคยที่บันทึกไว้ออกมา แม้ว่าตอนนี้มันจะดูอ่อนแอกว่าปกติเล็กน้อยก็เถอะ 

หลังจากมองไปรอบๆ ดีแล้วผมก็หยุดใช้ความสามารถพร้อมกับดวงตาของผมที่กลับมาเป็นปกติ

‘ระบบ’

[ ? ]

“เอาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับดินแดนที่สาปสูญด้านล่างมาให้ฉัน”

[ ทุกอย่าง? ]

‘ใช่ เอาทุกอย่าง ฉันไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ เธอฉลาดเกินกว่าจะล้อเล่นด้วย’

[ กำลังคำนวณ….. ]

[ ราคารวม 20,000 แต้ม โฮสพร้อมสำหรับการแลกเปลี่ยนแล้วหรือยัง? ]

เมื่อได้ยินราคา ผมก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่สุดท้ายผมก็ยอมตกลง และในไม่ช้าข้อมูลต่างๆ ก็เริ่มเข้ามาในสมองผม 

เมื่อก่อนการส่งข้อมูลนี้จะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด แต่ตอนนี้มันเหมือนการปวดหัวเล็กๆ มากกว่า 

ไม่กี่วินาทีผ่านไปการส่งข้อมูลก็หยุดลง ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดเพื่อพยายามหาหนทางที่ดีที่สุดเพื่อให้เธอเป็นมิตรกับผมมากขึ้น

การเอาใจเธออาจเป็นปัญหา เนื่องจากผมคิดว่าเธอดูจะหลงใหลในตัวตนนักเขียนของผมเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าการเปิดเผยความลับนี้คงจะทำให้งานของผมง่ายขึ้นมาก แต่แผนในอนาคตของผมจะต้องพังพินาศ ดังนั้นสำหรับตอนนี้การค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปจึงเป็นหนทางเดียว แน่นอนว่าเธอจะต้องรู้ว่าผมเป็นนักเขียนคนนั้น แต่มันจะต้องเป็น ‘เรื่องบังเอิญ’

‘ไม่สิ แบบนั้นคงไม่เวิร์ค’

‘อืม มันก็ดูจะมากเกินไปหน่อย’

‘อ่าาา…แบบนี้อาจจะจบลงด้วยการสร้างสัตว์ประหลาดก็ได้’

‘โอ๊ะ…นี่อาจจะได้ผล….’

แผนต่างๆ มากมายแล่นเข้ามาในหัวของผม 

หลังจากนั้นในที่สุดผมก็เลือกแผนเดียวที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากเป้าหมายของผมนั้นไม่ใช่การทำให้เธอตกหลุมรักผม การสร้างแผนจะง่ายกว่ามาก สิ่งที่สำคัญก็คือผมควรเลือกเส้นทางไหน

‘เอาแผนอันลึกลับนี่แล้วกัน ด้วยสภาพจิตใจของเธอนั่นคงเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้’

เมื่อได้แผนที่ต้องการแล้วผมก็นั่งสมาธิเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อขัดเกลาแผนพร้อมกับพยายามปกปิดช่องโหว่ส่วนใหญ่เท่าที่ทำได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็จะยังคงมีช่องโหว่อยู่เสมอ สิ่งที่ผมทำได้คือทำให้พวกมันมีน้อยที่สุด

“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ”

ผมพูดขณะลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นตัวเอง


มุมมองบุคคลที่สาม : 

“ให้ตายเถอะ! ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจะติดอยู่ที่นี่แล้ว” 

ซาบริน่าสาปแช่งขณะนั่งลงบนพื้นโดยหันหลังพิงกำแพง ความงามของเธอเปล่งประกายออกมาแม้ว่าตอนนี้เธอจะดูซีดเซียวและป่วยก็ตาม ออร่าและพลังของเธอเปราะบางมาก เลือดบางๆ ไหลออกมาทางปากก่อนที่เธอจะล้างมันออก 

“แค่ก…เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ต้องไปให้สุดทางที่นี่” 

เธอพูดกับตัวเองขณะที่สายตามองไปยังประตูที่ล็อคอยู่ มันเป็นประตูทรงกลมที่ดูเรียบง่ายและมีสลักอยู่หลายอัน ซึ่งเป็นภาษาหนึ่งของเอลฟ์ในอดีตที่ไม่ได้ใช้แล้ว 

‘เห้อออ สุดท้ายแล้วเราต้องทำอะไรกันนะ?’ 

เธอถามตัวเองขณะหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเพื่อดูที่ข้อความที่เขียนอยู่บนนั้น เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจความลึกลับทั้งหมดที่ล้อมรอบสัญลักษณ์นั้น ตัวเธอเองก็เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณอยู่บ้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในของขวัญจากคำสาปของเธอ 

“คืนที่นองเลือดของสิ่งเร้นลับ จะได้เห็นการสิ้นสุดของคืนที่มองไม่เห็น หมายความว่ายังไงกัน?” 

เธอถามออกมาดังๆ โดยไม่ได้คาดหวังคำตอบใดๆ แต่ตอนนี้ เธอเข้าใจแล้ว 

“มันหมายความว่าการสังหารหมู่ใกล้เข้ามาแล้ว” 

ร่างของซาบริน่าพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเวทมนตร์เอลฟ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ  

มานาทั้งหมดที่อยู่รอบๆ พุ่งเข้ามาหาเธอ ในขณะที่ธรรมชาติเองก็เริ่มโน้มเอียงไปตามความประสงค์ของเธอพร้อมกับมีต้นไม้ที่มองไม่เห็นจำนวนหนึ่งเริ่มงอกขึ้นมาจากพื้นดิน 

“ใครกัน?” 

เธอถามด้วยสายตาที่ระแวดระวัง 

“ว้าว เป็นการตอบสนองที่ไม่เลวเลย พูดได้เลยว่าเธอใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ” 

เสียงคนพูดดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงปรบมือที่เริ่มดังก้องไปทั่วพื้นที่เล็กๆ ที่มีเสาสูงหลายต้นยึดไว้สูง 

แปะ.…แปะ..…แปะ.…แปะ 

ขณะที่เสียงปรบมือดังขึ้นก็มีคนๆ หนึ่งเดินออกมาจากความมืดมิดของทางเข้า 

“ออสติน?” 

ซาบริน่าถามด้วยความสงสัยภายในดวงตาพร้อมกับมานาของเธอที่ถูกควบคุมมากขึ้น 

“คนดีคนเดิม” 

ออสตินตอบขณะที่เขายิ้มให้เธอและโค้งคำนับอย่างสุภาพบุรุษ 

“พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิว่าเป็นนาย” 

ซาบริน่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เนื่องจากเธอยังคงระมัดระวังตัวอยู่  

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ออสตินก็ยิ้มอย่างมีความหมายก่อนจะพูดข้นมา 

“ของขวัญของฉันเป็นยังไงบ้าง?” 

นี่ก็มากเกินพอที่จะชดเชยความตึงเครียดได้แล้ว ซาบริน่าถอนหายใจพร้อมกับมานาของเธอที่เริ่มลดลง 

“โอ้…นายนี่เอง” 

เธอตอบกลับเขาไป  

เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วออสตินก็เริ่มเดินไปหาเธออย่างผ่อนคลาย แต่ในขณะที่เขาก้าวเท้าเถาวัลย์ทรงพลังหลายอันก็งอกขึ้นมาจากด้านล่างด้วยความเร็วแสงและผูกเข้ากับออสติน โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาโต้ตอบด้วยซ้ำ 

“อย่าพยายามตุกติกหล่ะ เถาวัลย์เฟรย์จะดูดมานาของคนที่โดนรัดออกไปและทำให้คนๆ นั้นมึนเมาอย่างมาก และเปิดใจพูดความจริงมากขึ้น” 

ซาบริน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังขณะที่เธอยังคงยืนอยู่ห่างๆ พร้อมกับพูดขึ้นมา ความระแวดระวังของเธอมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มบางๆ ของออสตินที่ฉีกกว้างขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ แม้ว่ามันจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อใบหน้าของเขากลายเป็นเจ็บปวดก็ตาม 

“ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ ฉันคิดว่าเราสนิทกันแล้วซะอีก” 

“เราไม่เคยสนิทกัน” 

ซาบริน่าตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว 

“โอ๊ย เจ็บถึงใจ” 

ออสตินพูดในขณะที่เขาดูค่อนข้างผ่อนคลายโดยมีเถาวัลย์หลายต้นที่รัดอยู่ล้อมรอบตัวของเขา 

“ปล่อยฉันไปเถอะองค์หญิง มันไม่ค่อยสบายนัก” 

เขาพูดขึ้นมา 

“ทำไมฉันต้องทำด้วยหล่ะ?” 

เธอสวนกลับไป 

“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” 

 

 

 

-Donate- 

True Money Wallet ID : mraxzy  

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต