บทที่ 307 ย้อนเล่นงาน
โม่เสี่ยวฮุ่ยยักคิ้วพยักหน้า “ดี ดีมาก งั้นก็เรียกคนมายันกันเลย”
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองแค่ว่านี่เป็นแค่การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเจียงหยุนเอ๋อ
เดี๋ยวก็ให้เธอถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน ลูกชายของตนจะได้มีสติขึ้นมาเสียที
จากนั้นลี่จุนถิงก็ติดต่อโมเฉินยี่ให้เขามาบ้านตระกูลลี่
โมเฉินยี่มาถึงเร็วมาก แค่ไม่กี่นาถึงก็มาถึงบ้านของลี่จุนถิงแล้ว
“สวัสดีครับคุณนายลี่ คุณชายลี่” โมเฉินยี่ทักทายลี่จุนถิงและโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างเป็นมิตร
เดิมที่ลี่จุนถิงก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ส่วนโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ดูถูกผู้ชายขายบริการอย่างโมเฉินยี่จากก้นลึกของหัวใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครตอบรับโมเฉินยี่เลยสักคน
โมเฉินยี่เป็นคนหน้าด้านอยู่แล้ว ต่อให้ถูกเมินเฉย ใบหน้าก็ไม่มีวี่แววของความอายแม้แต่น้อย แค่ทำหน้ายิ้มอยู่อย่างนั้น
“โอเค คนมาแล้ว เธอยันกันได้เลย แล้วแต่ว่าเธอจะยันกันยังไง เพราะความจริงก็คือเป็นแบบนั้น ฉันว่าเธออย่าพูดมากเปลืองน้ำลายเลยจะดีกว่า” โม่เสี่ยวฮุ่ยนั่งตัวตรงบนโซฟาพร้อมกับมองเจียงหยุนเอ๋ออย่างดูแคลน
เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ลนลาน เดินขึ้นหน้าไปสองก้าว “โมเฉินยี่ ฉันจะถามคำถามคุณเหมือนเมื่อวานอีกครั้ง คุณต้องตอบฉันเหมือนที่ตอบฉันเมื่อวาน”
เจียงหยุนเอ๋อคิดไว้แล้ว แค่ตัวเองแสดงบทสนทนาตอนยันกันแบบเมื่อวานอีกครั้งใหม่ก็ได้แล้ว
ขอแค่เป็นคน ได้ฟังเรื่องราวที่มีแต่ช่องโหว่ของโมเฉินยี่ ก็จะต้องรู้ได้แน่นอนว่าโมเฉินยี่โกหก
โมเฉินยี่พยักหน้า “คุณถามมา ผมจะตอบตามจริง”
ความร่วมมือของโมเฉินยี่ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เจียงหยุนเอ๋อถามคำถามที่ถามเมื่อวานอีกครั้ง ด้านหน้าก็ราบรื่นดี แต่คำตอบหลังจากนั้นของโมเฉินยี่ทำให้เจียงหยุนเอ๋อตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“เจียงหยุนเอ๋อ ผมว่าคุณถามมากตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” โมเฉินยี่จู่ๆก็พูดขึ้น
เจียงหยุนเอ๋อมองโมเฉินยี่อย่างมึนงง เมื่อกี้บอกเองแท้ๆว่าจะตอบ แต่ตอนนี้กลับบอกว่าที่เธอถามมันไม่มีประโยชน์อะไร?
“เมื่อวานมีแค่พวกเราสองคน ผมก็เลยพูดอะไรออกมาไม่ได้ วันนี้เป็นโอกาสดี ผมว่าผมไม่ควรกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจนี้ต่อไป” โมเฉินยี่ยื่นอก ทำเหมือนกับว่าได้ตัดสินใจอะไรใหญ่หลวงลงไป
เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วแน่น รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี
“คุณนายลี่ครับ ผมว่าคุณต้องช่วยผมได้แน่ๆ” โมเฉินยี่มองไปที่โม่เสี่ยวฮุ่ย
โม่เสี่ยวฮุ่ยเหลือบตามองขึ้นไปทางโมเฉินยี่อย่างประหลาดใจ นี่ยังมีเรื่องของเธอด้วยเหรอ?
“ที่จริงแล้วผมมีสิ่งที่อยากพูดในใจตลอด แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า” สามารถพูดได้ว่าโมเฉินยี่ทำให้คนอยากรู้เต็มแก่เสียจริงๆ
ลี่จุนถิงพูดด้วยเสียงเย็นเยียบออกมาตรงๆว่า “งั้นก็ไม่ต้องพูด”
พูดอ้ำอึ้งอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้พูดอะไรที่มีประโยชน์ออกมา
ลี่จุนถิงไม่รู้ว่าคนโกหกคนหนึ่งเอาความกล้ามาพูดเยอะแยะที่นี่ได้มาจากไหน
โมเฉินยี่ไม่คิดว่าลี่จุนถิงจะพูดตรงๆแบบนี้ จึงชะงักไปชั่วขณะ
โม่เสี่ยวฮุ่ยกระแอมหนึ่งที “คุณพูดเถอะ”
โมเฉินยี่ได้รับการอนุญาตของโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้วจึงค่อยๆพูดขึ้น “จริงอยู่ที่ว่าเมื่อวานเจียงหยุนเอ๋อถามคำถามพวกนี้กับผม แต่หลังจากที่ถามเสร็จก็เริ่มขู่ผมไม่ให้ยอมรับถวนจื่อ และยังสัญญากับผมว่าจะให้ผลประโยชน์มากมายกับผม ผมลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยลูกชายแท้ๆของผมไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงรวบรวมความกล้าพูดเรื่องนี้ออกมา ถึงต่อให้หลังจากนี้เจียงหยุนเอ๋อจะทำร้ายผม แต่ถ้าไม่พูด ผมก็จะทำผิดต่อตัวเอง”
ได้ยินที่โมเฉินยี่พูด เจียงหยุนเอ๋อก็ทั้งตกใจทั้งโมโห โมเฉินยี่ภายนอกเหมือนคนมีภูมิฐาน นึกไม่ถึงว่าจะหน้าด้านพูดออกมาได้ไม่ละอายใจแบบนี้
แต่ตอนนี้โมเฉินยี่กลับใส่ร้ายเธอว่าข่มขู่เขา เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกตลกสิ้นดี
“ครั้งก่อนคุณไม่ใช่พูดแบบนี้!” เจียงหยุนเอ๋อก้าวขึ้นหน้าอย่างโมโห แต่ก็ถูกลี่จุนถิงดึงไว้
โมเฉินยี่โกหกได้อย่างหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นแรง มองเจียงหยุนเอ๋อตรงๆ “คืนที่พวกเรามีอะไรกัน คุณกับผมสะลึมสะลือกันทั้งคู่ จำอะไรมากไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่ได้โทษคุณ แต่คุณก็ต้องมีจิตสำนึกบ้างสิ”
หน้าอกของเจียงหยุนเอ๋อขึ้นลงอย่างรุนแรง เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าโมเฉินยี่จะแว้งกัดใส่ร้าย
เจียงหยุนเอ๋อรีบหันหน้ากลับ ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะอึกสะอื้นแล้ว “จุนถิง ฉันไม่ได้ข่มขู่เขาจริงๆ เขาพูดโกหกพูดเพ้อเจ้อเอง”
โม่เสี่ยวฮุ่ยหรี่ตาลง โมเฉินยี่นิ่งขนาดนี้ ดูเหมือนไม่ได้พูดโกหก ส่วนเจียงหยุนเอ๋อกลับร้อนใจมากขนาดนี้ นี่ทำให้โม่เสี่ยวฮุ่ยอดสงสัยไม่ได้ว่าเจียงหยุนเอ๋อคือรีบร้อนต้องการจะปิดบัง
แล้วเมื่อกี้ก็อธิบายกับลี่จุนถิงอีก ในสายตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยจึงกลายเป็นใช้เล่ห์เหลี่ยมตบตาให้ลี่จุนถิงปกป้อง
เจียงหยุนเอ๋อยังอยากอธิบายต่อ แต่คิดไม่ถึงว่าโมเฉินยี่จะตัดบทเธอ “เจียงหยุนเอ๋อ ถ้าคุณยังไม่ยอมรับอีก งั้นพวกเราก็มาตรวจDNA กัน”
ลี่จุนถิงมองไปที่เจียงหยุนเอ๋อ เขาเชื่อเจียงหยุนเอ๋ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะอธิบายยังไงก็ไม่มีทางอธิบายได้ชัดแจ้ง ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่แน่เลือกวิธีตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็เป็นได้
“เธอคิดว่าไง?” เสียงของลี่จุนถิงอ่อนโยนมาก เขาไม่อยากเพิ่มแรงกดดันให้เจียงหยุนเอ๋อในเวลานี้อีก
เจียงหยุนเอ๋อกัดฟันตลอด สุดท้ายก็ตัดสินใจไป “ได้ พวกเราจะไปตรวจ”
ถวนจื่อใช่ลูกของโมเฉินยี่หรือเปล่านั้น เจียงหยุนเอ๋อรู้แก่ใจดี ที่ตรวจก็แค่เพราะต้องการหลักฐานที่เอื้อผลมากขึ้นก็เท่านั้น
โม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มเยาะหนึ่งที ที่เข้มงวดก็เพราะหวังจะได้ดี ไม่ว่าจะตรวจ DNA หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรถวนจื่อก็ไม่มีทางเป็นลูกชายของลูกเธอแน่นอน
ในเมื่อโมเฉินยี่กล้าพูดว่าจะไปทำ DNA ขนาดนี้ ก็คือต้องมั่นใจมากแน่ๆ เจียงหยุนเอ๋อตอนนี้ก็แค่ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
ทั้งหมดนี้สำหรับโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้วล้วนไม่มีความหมายอะไรเลย
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ จึงออกไปด้วยความรู้สึกเดือดพล่าน
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงเวลาพวกเรามานัดเวลาตรวจ DNA กันนะครับ” โมเฉินยี่ยิ้มพูดเสร็จก็เดินออกไปเลย
พอโมเฉินยี่ออกไปแล้ว ร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อก็พลันอ่อนยวบ ใบหน้าซีดเล็กน้อยแล้วเซไปด้านหลัง
ลี่จุนถิงรีบขึ้นหน้าประคองเธอ “เธอไหวหรือเปล่า?”
สายตาของลี่จุนถิงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เจียงหยุนเอ๋อหันไปมองลี่จุนถิง ชั่วขณะนี้ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ตอนนี้พูดอธิบายอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
โมเฉินยี่จู่ๆก็เปลี่ยนคำพูด เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้ว่าลี่จุนถิงจะมองเธอยังไง จะยังแน่วแน่เหมือนแต่ก่อนหรือเปล่า?
หรือว่าในใจของลี่จุนถิงเริ่มสงสัยเธอแล้ว?
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า
ลี่จุนถิงปลอบเจียงหยุนเอ๋ออย่างอ่อนโยน “เอาเถอะ เธออย่าคิดมากนะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ไปตรวจ DNA แล้ว แค่ผลออกมา พวกเราก็จะได้รู้ว่าโมเฉินยี่โกหก หลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนั้น เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้แย้ง”
เจียงหยุนเอ๋อมีคำพูดหลายคำที่อยากจะพูดออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น