บทที่ 304 การอยู่ยงคงกระพันช่างโดดเดี่ยวจริง ๆ
ซูอันรู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นแก้มที่แดงก่ำของอีกฝ่าย แม้นางจะพูดจาไม่ดี แต่ก็มีใบหน้าที่งดงามและรูปร่างอันเย้ายวน ปฏิเสธไม่ได้ว่านางเป็นผู้หญิงที่งามมากคนหนึ่ง…
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกอยากเป็นคุณชายเกียจคร้านของครอบครัวที่ร่ำรวยสักครอบครัวหนึ่งแล้วออกพเนจรไปทั่วหล้า แล้วจากนั้นก็เที่ยวหยอกเอินหญิงสาวที่ผ่านตาไปทั่ว หากใช้ชีวิตเช่นนั้นไปทั้งชีวิตเขาก็คิดว่ามันไม่เลวนัก
ถุย!
ซูอัน…นี่เจ้าหลงเสน่ห์ภายนอกของนางไปได้อย่างไร? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางพยายามฆ่าเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า? อย่าทำตัวบ้องตื้นอย่างนี้!
ชายหนุ่มเตือนตัวเอง…
ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงก็มองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด “ทำไมเจ้ามองข้าด้วยสายตาที่น่ารังเกียจแบบนี้? เจ้าคงไม่ได้คิดชั่วร้ายอะไรในใจใช่มั้ย?”
“สายตาที่น่ารังเกียจที่ว่ามันหมายถึงอะไร? เจ้าเรียกสายตาแสดงความห่วงใยแบบนี้ได้ยังไง?” ซูอันแย้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นข้างหน้าพวกเขา ทั้งสองหันไปมองอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งได้เห็นว่าเหล่าทหารดินเผาหันมามองทางพวกเขาแล้ว!
“รีบใช้แท่งไฟของเจ้าส่องพวกมันเร็ว! ข้ารู้สึกแปลก ๆ เวลาเห็นพวกมันมองมาทั้งโขยงแบบนี้!” หญิงสาวกระสับกระส่ายอึดอัด
“รู้แล้ว ๆ” ซูอันก็รู้สึกไม่ดีกับการถูกพวกทหารดินเผาจ้องมองเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเปิดไฟฉายวิเศษและส่องไปที่ทหารดินเผา
เมื่อแสงสีขาวส่องไปที่กองทัพทหารดินเผา พวกมันหันไปมองทางทิศอื่นอย่างรวดเร็ว…
“เราจะทำลายผนึกนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเราต้องกำจัดพวกมันทั้งหมด?” เพียงแค่กวาดตามองพื้นที่โดยรอบอย่างคร่าว ๆ เฉียวเสวี่ยอิงก็คาดคะเนจำนวนทหารดินเผาว่ามีอย่างน้อยหนึ่งพันตัวเห็นจะได้ หากซูอันไม่ใช้แท่งแสงในมือของเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับพวกมันทั้งหมด!
ซูอันยังคงส่องไฟฉายไปที่ทหารดินเผา เมื่อถูกแสงส่อง สีสันบนร่างของพวกมันเริ่มหมองลงอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของพวกมันจะละลายกลายเป็นก้อนดิน ภาพนี้ชวนให้นึกถึงตุ๊กตาหิมะที่ละลายภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง
“มิน่า…ในพิพิธภัณฑ์ถึงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป เวลาของเก่า ๆ โดนแสงนี่มันเสียหายได้จริง ๆ” ซูอันพึมพำขณะเดินเข้าไปในแถวของทหารดินเผาพร้อมกับไฟฉายวิเศษในมือ
“น่าเสียดายที่ไม่มีใครเห็นความเก่งกาจของข้าที่สามารถเอาชนะศัตรูเป็นพันได้ด้วยตัวคนเดียว มิฉะนั้น ชื่อของข้าจะต้องก้องโลกแน่ ๆ!” ชายหนุ่มทำเสียงคร่ำครวญ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเพลงจากโลกที่แล้วของเขาได้และเริ่มร้องออกมาเสียงดัง “อนิจจา การอยู่ยงคงกระพันช่างสิ้นหวังเสียนี่กระไร…อนิจจา การอยู่ยงคงกระพันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน…”
เฉียวเสวี่ยอิงนิ่งงันด้วยความอึ้งทึ่ง
ทำไมจู่ ๆ เขาก็เริ่มร้องเพลง? แถมทั้งทำนองทั้งเนื้อเพลงก็ฟังดูแปลกหู อนิจจา? อืม…แต่มันก็ให้ความรู้สึกจับใจไม่น้อย
ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าผู้บ่มเพาะที่น่าเกรงขามคนไหนเป็นคนแต่งเพลงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะแต่งเพลงที่จับใจเช่นนี้ได้ แต่เอ…มันฟังดูไม่เข้ากันสักเท่าไหร่เลยที่คนร้องเพลงนี้จะเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับสามเท่านั้น!
ในขณะเดียวกัน ซูอันยังคงหยอกล้อทหารดินเผาอย่างเพลิดเพลิน “เข้ามาเล้ย! ข้าบอกให้เข้ามาใกล้ ๆ ไง!”
—
ท่านยั่วยุทหารดินเผาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 6 + 6 + 6…
—
ทำไมไอ้มนุษย์นี่ถึงน่ารังเกียจนัก? ทำไมเจ้าไม่วางแท่งแสงในมือนั่นแล้วมาสู้กับพวกข้าให้สมน้ำสมเนื้อ! ข้าสาบานว่าพวกข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็นในเวลาเพียงแค่อึดใจเดียว!
“เฮอะ ไอ้พวกอ่อนแอเอ้ย!” ซูอันเยาะเย้ย
อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นว่าแม้ว่าแสงไฟจะทำร้ายพวกมันได้ แต่การจะฆ่าพวกมันแต่ละตัวยังใช้เวลาค่อนข้างนาน ชายหนุ่มจะต้องฉายแสงไปยังพวกมันตรง ๆ ถ้าย้ายไฟฉายไปส่องยังจุดอื่น ความเสียหายจะหยุดลงทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้น จากนั้นทหารดินเผาที่อยู่บนรถม้าศึกก็โบกธงในมือของพวกมัน และกระบวนทัพที่วุ่นวายก็ค่อย ๆ สงบลง ในไม่ช้า…ทหารดินเผาที่ใช้โล่ก็เดินทัพมาเป็นแถวหน้าเพื่อบังแสงจากไฟฉายวิเศษที่จะส่องมาทางพวกมัน
ซูอันตกตะลึง ไอ้พวกนี้มันเปลี่ยนกระบวนทัพเป็นด้วยเหรอ?
เขาพยายามส่องไฟฉายเอียงซ้ายขวา บนล่าง ในมุมทแยงต่าง ๆ แต่แสงก็ติดโล่ของทหารดินเผาหมด
นี่มันบ้าจริง ๆ!
ซูอันสังเกตเห็นว่าพลธนูดินเผาที่อยู่แนวหลังสุดกำลังง้างธนู ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลง
“วิ่ง!” เขาหันหลังกลับ และคว้ามือของเฉียวเสวี่ยอิงที่ยังดูงงงวยอยู่ออกวิ่ง
“เจ้าจะทำอะไรข้า?!” เฉียวเสวี่ยอิงโกรธที่ซูอันสัมผัสร่างกายของนางอย่างกะทันหัน แต่เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องของพวกทหารดินเผา นางก็หายจากอารมณ์ขุ่นเคืองในทันที
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นห่าฝนลูกธนูพุ่งมาหา นางตกใจจนหน้าซีดเผือด
บัดซบเอ๊ย! ไอ้คน ๆ นี้ยังคงร้องเพลงเกี่ยวกับการอยู่ยงคงกระพันอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับหนีไวยิ่งกว่าอะไร หน้าด้านจริง ๆ!
“เราหนีไม่ทันแน่!” ชายหนุ่มรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหนีห่าฝนลูกธนูได้พ้นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงหันไปหาเฉียวเสวี่ยอิงและถามอย่างรวดเร็ว “เกราะเถาวัลย์ของเจ้าอยู่ได้นานแค่ไหน?”
“ไม่นานเท่าไหร่หรอก” เฉียวเสวี่ยอิงตอบด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ไม่เป็นไร แค่ถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย!” ซูอันหยุดฝีเท้าของเขาในขณะที่เขาเริ่มใช้แท่งพิษขุดดิน
เฉียวเสวี่ยอิงไม่แน่ใจว่าซูอันกำลังทำอะไรอยู่ แต่นางยังคงโบกมือและสานเถาวัลย์หลายสายเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นเหมือนโล่ป้องกันพวกเขา
หลังจากสร้างโล่เถาวัลย์เสร็จแค่เพียงอึดใจลูกธนูก็เริ่มกระทบกับโล่เถาวัลย์
เฉียวเสวี่ยอิงส่งเสียงครางออกมาเมื่อถูกโจมตี การแบกรับแรงกระแทกจากห่าฝนลูกธนูนั้นสร้างความยากลำบากให้กับนางอย่างมาก
นางพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จดจ่ออยู่กับการใช้พลังชี่ซ่อมแซมโล่เถาวัลย์ที่ฉีกขาดเรื่อย ๆ อันที่จริงเวลาได้ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่นางรู้สึกเหมือนยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์
“โอ๊ย!” หญิงสาวอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งทะลุโล่เถาวัลย์และพุ่งเข้ามาที่ไหล่ของนาง นางกัดฟันแน่นอดทนต่อความเจ็บปวด ขณะที่นางยังคงใช้พลังชี่ซ่อมแซมโล่เถาวัลย์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าตนกำลังใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว และน่าจะอยู่ได้เพียงสามวินาทีก่อนที่เกราะเถาวัลย์จะขาดสะบั้น เมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองก็คงจะถูกห่าฝนลูกธนูปักจนกลายเป็นเม่น
3!
2!
1!
เฉียวเสวี่ยอิงหลับตาแล้วพึมพำ “ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะต้องมาตายร่วมกับเขามาก่อนเลย…”
“โอ้? ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าสนใจจะนอนร่วมหลุมกับข้ามากขนาดนี้” เสียงล้อเลียนดังขึ้น
เฉียวเสวี่ยอิงตะลึงงัน เมื่อรู้สึกว่าตัวถูกดึงลงไปนอนอยู่ในหลุมดิน และลูกธนูที่ยิงมาก็ข้ามหัวนางและซูอันไป
นี่คือสิ่งที่เขาขุดเมื่อกี้สินะ…
ในที่สุดเฉียวเสวี่ยอิงก็เข้าใจเจตนาของซูอัน แต่ในไม่ช้านางก็เริ่มตระหนักถึงความจริงที่ว่านางถูกซูอันกอดไว้แน่นจนหายใจรดกัน ถ้าใกล้เข้ามาอีกนิด ริมฝีปากของพวกเขาคงจะสัมผัสกัน
“เจ้ากำลังทำอะไรข้า!” เฉียวเสวี่ยอิงตะคอกเสียงเขียว นางเริ่มดิ้นรน
ทว่าซูอันยังคงจับนางไว้แน่นและพูดว่า “เจ้าหยุดดิ้นเดี๋ยวนี้นะ! ไม่เห็นหรือไงว่าไอ้หลุมนี่มันไม่ได้ลึกอะไรนักถ้าขืนเจ้าดิ้นมาก ๆ เจ้าจะโดนธนูปักเอาเข้าใจไหม!”
ราวกับจะยืนยันคำพูดของเขา จู่ ๆ ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งมาเสียบที่แขนเสื้อของนาง เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็หยุดดิ้นทันที
เฉียวเสวี่ยอิง หันหัวของนางไปด้านข้างเพื่อบรรเทาความอึดอัดและถามว่า “เหตุใดเวลาเราลงมาอยู่ในหลุมนี้ลูกธนูจึงผ่านหัวเราไป?”
ซูอันเริ่มอธิบาย “นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหลุมเพลาะ ลูกธนูมักจะพุ่งมาเป็นแนวโค้ง ตกลงมาใส่เราในแนวทแยงมุม และหลุมเพาะนี้ถูกสร้างขึ้นในลักษณะที่ลูกธนูจะไม่โดนเราเว้นแต่ว่าลูกธนูจะตกลงมาในแนวตั้ง นั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีลูกธนูเล็ดรอดมาโจมตีเราได้”
ชายหนุ่มโล่งใจที่แท่งพิษสามารถเฉือนวัสดุต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายราวกับฉีกกระดาษ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่เขาจะขุดหลุมขนาดใหญ่พอที่จะให้ทั้งสองคนซ่อนตัวได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้
เฉียวเสวี่ยอิงยังคงดูสับสนเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมเจ้าถึงรู้อะไรแปลก ๆ มากมายไปหมด?”
“ในที่สุดเจ้าก็รับรู้ถึงความฉลาดเฉลียวของข้า ตอนนี้เจ้าก็ยอมรับแล้วสินะว่าที่ผ่านมาเจ้ามองข้าผิดไปทั้งหมด?” ซูอันตอบกลับ แม้ว่านางจะปากร้าย แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่าตัวนางช่างนุ่มนิ่มจริง ๆ
เฉียวเสวี่ยอิงคิดในใจทันทีที่ฟังคำพูดตอบกลับของซูอัน
เจ้าจะตายไหม ถ้าเลิกแขวะกัดข้า?