บทที่ 310 กุญแจ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 310 : กุญแจ

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ร่างพร่ามัวของคนสองคน ร่างหนึ่งดำ ร่างหนึ่งแดง กำลังเปลี่ยนเป็นเส้นแสง และเงามืดที่เคลื่อนไหวปะทะกันด้วยความเร็วสูงทั้งบนพื้นและกลางอากาศทำให้เกิดคลื่นกระแทกซ้อนเป็นชั้น ๆ

ท่ามกลางฝุ่นควันที่คลุ้งกระจาย ตึกรามน้อยใหญ่บนถนนพังทลาย ทรุดลงหลังแล้วหลังเล่าพร้อมผืนแผ่นดินที่แตกร้าว

ที่นี่ถูกนิกายกลืนศพยึดครองมานานแล้ว ผู้อาศัยทั่วไปมีเหลืออยู่ไม่มาก และก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น หอพิธีกรรมต้องห้ามได้เปิดตัว ‘เครื่องจำลองนิมิต’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากฝ่ายเล่นแร่แปรธาตุของสมาคมแห่งสัจธรรม

แม้ว่าชื่อของมันจะฟังดูไร้เดียงสา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อจำลองนิมิตขึ้นมาจริง ๆ ทว่ากลับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ศิลานักปราชญ์เป็นพลังงานเพื่อสร้างแดนนิมิตจำลองขึ้นมา เมื่อไรก็ตามที่สัตว์มายาปรากฏตัวขึ้นในบริเวณแดนนิมิต มันจะกัดเซาะความเป็นจริงแล้วสร้างเป็นเขตแดนพิเศษที่เกิดจากการบรรจบของแดนนิมิตและความเป็นจริงขึ้นมาล้อมสนามรบเอาไว้

ด้วยวิธีนี้ ทุกอย่างในสนามรบจะอยู่ในสภาวะ ‘กึ่งหลับกึ่งตื่น’ และตราบใดที่ปิดเครื่องจำลองนิมิตลง ความจริงที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยก็จะฟื้นตัวกลับมาเอง…

แน่นอน ถ้าการกัดเซาะความจริงนั้นลึกเกินไป หรือหากมีใครตายไปในระหว่างนั้น…ก็ไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้

เครื่องจำลองนิมิตนี้มีความเสี่ยงอยู่

แต่ด้วยนวัตกรรมนี้ เหล่าอัศวินของหอพิธีกรรมต้องห้ามจึงไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ๆ มากมายนักและสามารถต่อสู้อย่างเต็มที่ได้ เหมือนอย่างเช่นเหยี่ยวราตรีกับวิเวียนในตอนนี้

ทั้งคู่อยู่ในระดับสัตว์ประหลาดที่ใกล้จุดสูงสุดและดวลกันเต็มกำลัง ผลที่ได้เกือบจะเทียบเท่าการต่อสู้ระดับภัยพิบัติจากมุมมองของคนทั่วไป และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะก่อให้เกิดซากปรักหักพังทั่วบริเวณ ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวมาก

แม้ว่าเมลิสซ่าจะค่อย ๆ ถอยร่นออกไป แต่ที่จริงเธอก็ยังไม่ได้ออกจากสนามรบ

“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ …ครูฝึกคนนั้นมีเงื่อนงำ!”

เธอลอบตระหนกในใจพร้อม ๆ กับกัดฟันครุ่นคิด

เมลิสซ่าแน่ใจว่าเจ้านักล่าของนิกายกลืนศพที่ใช้ชื่อ ‘เหยี่ยวราตรี’ นั่น เขามีท่าทีจะพุ่งมาหาเธอชัด ๆ!

นอกจากนี้ สุนัขป่าสีเงินขนาดยักษ์ที่โผล่มาอย่างเลือนรางในรอยแตกของมิติเมื่อครู่นี้ยังเห็นได้ชัดว่ามันคือสกายวูลฟ์ตัวที่ทำสัญญากับไวลด์ด้วย…แสดงว่าไวลด์รู้แล้วว่าเธออยู่ที่นี่ และส่งคนมาจัดการเธอโดยเฉพาะ!

ถ้าภารกิจนี้ถูกออกโดยสภาผู้อาวุโสจริง ๆ การจะไม่พิจารณาถึงปัญหาฐานะของเมลิสซ่านั้นเป็นไปไม่ได้เลย

แม้ว่าแต่เดิมแล้วเมลิสซ่าจะมีความเคลือบแคลงอยู่ในใจ แต่เธอก็คิดว่าสภาผู้อาวุโสคงเตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว อย่างเช่นข่าวกรองแจ้งว่าฐานที่มั่นนี้ไม่ได้มีพลังรบสูง หากจัดการได้เร็วแล้วถอยทัพทันที โอกาสที่ทำให้สมาชิกระดับสูงของนิกายกลืนศพไหวตัวทันก็จะน้อยลง

แต่ตอนนี้ ความจริงได้แสดงให้เห็นแล้วว่าความเร็วในการตอบโต้ของนิกายกลืนศพนั้นไม่จะเพียงเร็วสุด ๆ แต่ยังส่งสมุนสายตรงของไวลด์มาทันทีเลยด้วย

มาตรการรับมือที่เมลิสซ่าจินตนาการไว้ไม่ได้มีอยู่เลย

“ถ้าครูฝึกคนนั้นมีปัญหา บางทีภารกิจนี้ก็อาจจะไม่ได้มีอยู่กับเราเลยก็ได้…ต้องใช้เวลาสักพักกว่าสภาผู้อาวุโสจะตอบ แล้วยิ่งถ้าแจ้งพ่อที่อยู่ในสมาคมแห่งสัจธรรมก็จะยิ่งช้าไปใหญ่…”

เมลิสซ่ารู้สึกเหมือนมีคำว่า ‘อันตราย’ ตัวโต ๆ เขียนไว้บนหัวของตัวเอง เธอจ้องมองร่างทั้งสองในสนามรบแล้วรู้สึกประหม่าลึก ๆ ในใจ

แต่เมื่อมอง ๆ ดูแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งแล้วเริ่มเฝ้าสังเกตการต่อสู้ที่ใกล้ระดับภัยพิบัตินี้อย่างใกล้ชิด อักขระสีทองตัวเล็ก ๆ เหมือนกระแสข้อมูลกระพริบอย่างต่อเนื่องในดวงตาของเธอ เธอวิเคราะห์การไหลและโครงสร้างอีเธอร์ของสองร่างที่วูบไหวในสายตาของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งสองทีละขั้น…

จากพื้นผิวสู่ส่วนลึก จากปรากฏการณ์สู่แก่นแท้…

เมลิสซ่าเคยมีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายครั้ง ในฐานะสมาชิกรุ่นที่สองที่เติบโตมาในหอพิธีกรรมต้องห้าม นอกจากความสามารถด้านการต่อสู้ของเธอจะไม่เลวแล้ว เธอยังเรียนรู้ได้รวดเร็ว มีศักยภาพสูง และไม่ได้ขาดโอกาสการต่อสู้อย่างสมจริงที่ถือว่าเป็นการฝึกสำคัญเลย

ตอนนี้เธอได้รับความสามารถให้มองทะลุถึง ‘ต้นกำเนิด’ ของสรรพสิ่งได้

ทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่คนทั้งสองในเบื้องหน้าได้แสดงให้เห็น ถ้าเธอนำไปฝึกเดี๋ยวนี้เลย ก็การันตีได้ว่าคงเรียนรู้ได้ราว ๆ เจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์

แต่ตอนนี้ ความสนใจของหญิงสาวไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ เพราะหลังจากการรู้แจ้งอย่างกะทันหันในระหว่างช่วงเจ็ดวันที่ถูกกักตัว เมลิสซ่าได้เข้าใจแล้วว่าการศึกษาสิ่งที่อยู่ตามพื้นผิวนี้เป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลยสำหรับเธอ

ตอนนี้เธอมีกุญแจสำหรับประตูทุกบานอยู่ในมือแล้ว

แต่ประตูที่สว่างไสวเหล่านี้กำลังบดบังทัศนวิสัยของเธอ ความจริงแล้วประตูที่เธอต้องเปิดมีอยู่แค่บานเดียว

การจัดเรียง การก่อเกิด และการสลาย ทุกอย่างล้วนกระทำจากคำสั่งเดียวกัน…

การต่อสู้ตรงหน้าเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเดือดพล่าน

สีหน้าของเมลิสซ่าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าจากการที่เธอทำอะไรไม่ถูก กระทั่งความเป็นห่วงที่มีให้วิเวียนก็เลือนหายไปแล้ว นิ้วของเธอกระตุกน้อย ๆ เป็นครั้งคราวเหมือนกำลังจะคว้าหรือควบคุมบางอย่าง

“เจอแล้ว นั่นไง! ถ้าจับเธอได้ เราจะยกความดีความชอบให้อย่างมหาศาล!”

เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

ชายสองคนในชุดคลุมสีดำมองเมลิสซ่าอย่างแปลกใจและโลภกระหาย

พวกเขาคือสมาชิกระดับสัตว์ประหลาดสองคนจากนิกายกลืนศพที่อยู่ในฐานที่มั่นแห่งนี้ ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นนักเวทมนตร์ดำ แต่ตอนนี้พวกเขาถูกดึงเข้ามาร่วมกับนิกายกลืนศพแล้ว

ในสนามรบ สัตว์ประหลาดยักษ์ที่เกิดจากการเย็บแขนขาและอวัยวะอื่น ๆ เข้าด้วยกันกำลังต่อสู้ถ่วงเวลากับอัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามจำนวนมาก

นี่คือผลจากการทำพิธีกรรมบวงสรวงเทพเจ้า แทนที่จะเลือกพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง พวกเขากลับเลือกที่จะเรียกอสูรคู่สัญญาออกมาเพื่อมองหาลูกสาวของโจเซฟ

เมลิสซ่าดูเหมือนกำลังเหม่อลอย ราวกับว่าเธอกำลังตกใจกลัวการต่อสู้ตรงหน้านี้ขึ้นมา

ชายชุดดำทั้งสองมองหน้ากันแล้วล้วงเอามีดพิธีกรรมออกมาจากในเสื้อคลุม

สมาคมแห่งสัจธรรม สังสาระจักรกล

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ…!

เสียงฝีเท้าก้องไปทั่วทางเดินเหล็กที่ว่างเปล่า

ทีมอัศวินที่นำโดยโจเซฟกำลังเดินตามหลังรองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมแอนดรูว์อยู่

อาคารและห้องแล็ปบางส่วนที่ถูกทำลายในเหตุการณ์ระเบิดของศิลานักปราชญ์ถูกซ่อมจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ห้องแล็ปสองข้างทางส่วนใหญ่จะถูกคั่นด้วยกระจกใส ทำให้สามารถเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ การทดลองที่วุ่นวาย และผู้คนที่เดินไปมาได้อย่างชัดเจน

แอนดรูว์หันไปมองโจเซฟแล้วพูดแนะนำอย่างเป็นกันเองว่า “ที่นี่คือห้องแล็ปที่ลึกที่สุดของเราและเกี่ยวข้องกับโครงการระดับสูงสุด อย่างเช่นเครื่องจำลองนิมิตที่เพิ่งส่งตัวอย่างไปให้พวกคุณก่อนหน้านี้ ก็มาจากที่นี่แหละ”

นักวิชาการที่สวมเสื้อโค้ทสีขาวเดินมาตรงหน้าแล้วโค้งต่ำ ๆ ให้แอนดรูว์ ก่อนจะทักทายอย่างนอบน้อมสุด ๆ “ท่านประธาน!”

โจเซฟมองตาม ระหว่างทางเขาเหมือนจะเห็นคนลักษณะนี้มาแล้วราว ๆ เจ็ดถึงแปดคนที่ทำเหมือนกับว่าแอนดรูว์ได้เป็นประธานสมาคมแห่งสัจธรรมไปแล้ว…

ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงของนักวิชาการพวกนี้ก็ฟังดูคลั่งไคล้และเทิดทูนบูชาจนผิดปกติ ดูไม่เหมือนนักวิชาการผู้เย็นชาและมีเหตุผลเลย

แต่ความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นกับสมาชิกผู้สุดโต่งของฝ่าย ‘ผู้แสวงหาความจริง’ แห่งสมาคมแห่งสัจธรรม…

แต่ตอนนี้ มันได้แพร่กระจายไปสู่นักวิชาการส่วนใหญ่ให้ได้เห็นแล้ว

โจเซฟรักษาอาการไว้แล้วหันกลับมาคุยกับแอนดรูว์ “ความลับระดับสูงสุดแบบนี้ ให้พวกเราเห็นจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”

เขาไม่ได้ใส่ใจรองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมมากนัก แม้ว่าอีกฝ่ายในตอนแรกจะทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ กับร้านหนังสือ แต่ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นฝีมือของไส้ศึก ทว่าโจเซฟย่อมไม่ชอบคนหน้าซื่อใจคดภายใต้หน้ากาก ‘สุภาพบุรุษ’ อยู่แล้ว

…สมาคมนี้ทำให้เขานึกถึงไวลด์

แอนดรูว์ยิ้มบาง ๆ “หอพิธีกรรมต้องห้ามกับสมาคมแห่งสัจธรรมเป็นพันธมิตรที่ดูแลกันมานานหลายปี แน่นอนว่าต่างฝ่ายต่างรักษาระดับความไว้ใจกันไว้สูงสุดครับ ครั้งนี้ผมขอให้ท่านเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานมาช่วยกวาดล้างพื้นที่หวงห้ามทั่วสังสาระจักรกล เมื่อเทียบกันแล้วพื้นที่ระดับสูงสุดพวกนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไรเลย อีกอย่างหนึ่ง ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งในคุณลักษณะของอัศวินแห่งหอพิธีกรรมต้องห้ามครับ”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น…คุณคงไม่เข้าใจมันด้วยแหละ”

โจเซฟนิ่งไป…