บทที่ 311 : ไอดอล
บทที่ 311 : ไอดอล
สรุปก็คือ…ไอ้ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี่ก็มันก็แค่น้ำ ส่วนเนื้อ ๆ เน้น ๆ จากใจคือประโยคสุดท้ายใช่ไหม?
มุมปากของโจเซฟกระตุก เขามองแอนดรูว์ที่ยิ้มแป้นแล้นตรงหน้าแล้วอดกำหมัดไม่ได้
แม้ว่าขั้นตอนทั้งหมดจะเห็นกันอยู่ทนโท่ แต่คุณก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี ดังนั้นห้องแล็ปทั้งหมดจึงยังเป็นความลับ เจ้าหมอนี่ต้องหมายความแบบนี้อยู่แน่ ๆ!
แต่ก็ต้องยอมรับว่า…ที่อีกฝ่ายพูดมาก็จริง
อย่าว่าแต่เดินอยู่ข้างนอกเลย ต่อให้พาพวกเขาเข้าไปในห้องแล็ปเพื่อดูงานที่อยู่ในระยะประชิด และได้จับได้แตะของในนั้น พวกเขาก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอะไรเป็นอะไร…
ต่อหน้าแอนดรูว์ที่มีใบหน้าอวดเบ่งอย่างน่าเกลียดนี้ เขาทำเพียงแค่ให้เหตุผลจากสมาคมแห่งสัจธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้เท่านั้น
ถ้าหากสิ่งที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ผูกขาดคือทรัพยากร ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่สมาคมแห่งสัจธรรมผูกขาดก็คือความรู้
ยิ่งกว่านั้น มันยังไม่ใช่ความรู้ธรรมดาอีกด้วย แต่เป็นความรู้สูงสุดที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสาขาอื่นไม่สามารถเข้าใจได้
นักวิชาการของสมาคมแห่งสัจธรรมมีคุณสมบัติที่จะถือตัวจริง ๆ
ตั้งแต่บนถึงล่าง ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกระดับล้วนได้รับผลประโยชน์ แถมการวิจัยและพัฒนาสินค้าระดับล่างบางรายการยังเปลี่ยนแปลงและได้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนทั่วไปด้วย…
ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่เพียงแต่ผูกขาดความรู้เท่านั้น แต่ยังผูกขาดผู้คนที่สร้างความรู้ด้วย
แม้ว่าสมาคมแห่งสัจธรรมจะไม่มีนักวิชาการระดับเหนือนภา แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อนอร์ซิน
โจเซฟย่อมไม่ถูกความเย่อหยิ่งของอีกฝ่ายกระตุ้นให้ระเบิด…เพราะถึงอย่างไร เขาก็ต่อยหน้ารองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมไม่ได้!
ขืนทำแบบนั้น หอพิธีกรรมต้องห้ามกับสมาคมแห่งสัจธรรมคงได้รบกันแน่ ๆ
โชคดีที่แอนดรูว์ก็เจนจัดในวิธีการเช่นกัน เขาจึงพูดปนหัวเราะ “ผมล้อเล่นครับ หวังว่าท่านเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานจะไม่โกรธกัน ถ้าไม่อย่างนั้นด้วยสรีระนักวิชาการของผม ผมอาจรับหมัดคุณไม่ไหวหรอก”
โจเซฟยิ้มตาหยี “ถึงผมจะอยากทำแบบนั้นจริง ๆ ก็ตาม… แต่ด้วยเกียรติภูมิของคุณในตอนนี้ ผมก็กลัวอยู่ว่า ถ้าขืนทำจริง ๆ ผมคงเจอปืนใหญ่ทลายอีเธอร์ยิงเละก่อนทันได้เริ่มแล้วมั้ง?”
เขามองนักวิชาการที่ผ่านมาอีกคนหนึ่งคำนับแอนดรูว์อย่างเทิดทูน แล้วพูดอย่างแฝงความนัยว่า การจะเรียกใช้ปืนใหญ่ทลายอีเธอร์ได้มีแค่สองวิธีเท่านั้น หนึ่งคือนักวิชาการระดับสูงของสมาคมแห่งสัจธรรมจัดประชุมแล้วลงมติเลือกผู้บังคับบัญชาการเพื่อออกคำสั่งเหมือนในเหตุการณ์รับมือกับเทพพิรุณ และอีกวิธีคือประธานสมาคมออกคำสั่งด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้จะสามารถข้ามวิธีการแรกไปได้ทันที
จากมุมมองของโจเซฟ ดูเหมือนความทะเยอทะยานของแอนดรูว์จะเป็นที่ชัดเจน
ประธานมาเรียเก็บตัวเงียบหายไปหลายเดือนโดยไม่มีข่าวคราว และดูเหมือนว่าแอนดรูว์จะขึ้นรักษาการแทน…ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเป็นรองประธานหรือเป็นประธานก็มีค่าเท่ากัน…
ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนนักวิชาการพวกนี้จะดูผิดปกตินิดหน่อย
แม้ว่าจุดประสงค์การมาของโจเซฟในตอนนี้จะเพื่อสืบความเป็นไปของสมาคมแห่งสัจธรรมก็ตาม แต่สัญชาตญาณของเขาก็ยังทำให้รู้สึกแปลก ๆ
แอนดรูว์เดินนำต่อไปอย่างทองไม่รู้ร้อน เขาพูดอย่างใจเย็น “คุณนี่ก็อารมณ์ขันดีนะครับ…นักวิชาการใต้บังคับบัญชาของผมหลายคนก็เป็นสมาชิกแฟนคลับของคุณเหมือนกัน ผมเกรงว่าขืนออกคำสั่งไปจะทำให้ปากกระบอกปืนคงเล็งมาที่ผมก่อนเลย”
เขาหยอกล้ออย่างผ่อนคลาย แต่โจเซฟฟังออกว่ามีการเสียดสีแทรกอยู่
ผู้โด่งดัง…ส่วนใหญ่ที่มีการก่อตั้งแฟนคลับก็คือ ‘ไอดอล’ แต่ ‘ไอดอล’ พวกนี้ก็เป็นแค่หุ่นเชิดที่มีรูปลักษณ์เป็นผู้คนหน้าตาดีเท่านั้นเอง
นี่เป็นการพูดเสียดสีภาพลักษณ์ที่ดึงดูดใจของเขา แต่ความจริงแล้วกลวงว่างเหรอ?
จากสถานะปัจจุบันของเขาแล้ว คนที่จะเชิดชูเขาได้ก็มีแค่สภาผู้อาวุโส…
อันที่จริง หากคิดตามมุมมองนี้อย่างลึกซึ้งแล้ว เขาก็ถูกชักใยอยู่จริง ๆ ไม่ใช่เหรอ?
การเอาชนะออสวาลด์แล้วขึ้นครองตำแหน่งอัศวินแห่งแสงอีกครั้งเป็นเจตนาของสภาผู้อาวุโส และคำสั่งร่วมมือเต็มที่กับร้านหนังสือก็มาจากสภาผู้อาวุโสด้วย
ถ้าอย่างนั้น เขากำลังเตือนหรือกำลังยั่วยุล่ะ?
โจเซฟเดินตามไปเงียบ ๆ เขาจ้องมองแผ่นหลังของแอนดรูว์ แม้จะไม่คุ้นเคยกับชายคนนี้มากนัก แต่พวกเขาก็เคยมีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาหลายครั้ง
ในความประทับใจของเขา เพลย์บอยวัยชราคนนี้อาจจะไม่มีอุบายแบบนั้นอยู่
อะไรกันที่เปลี่ยนแปลงสมาคมแห่งสัจธรรมได้ขนาดนี้?
เขาครุ่นคิดเรื่องนี้ ทว่าแอนดรูว์ที่นำทางอยู่ก็ชะงักเท้าแล้วพูดว่า “เรามาถึงแล้ว ที่นี่คือเขตหวงห้ามในสังสาระจักรกลครับ”
โจเซฟมองขึ้นไป
ตรงสุดทางเดินมีประตูยักษ์ที่ทำจากเหล็กบานหนึ่งที่เต็มไปด้วยอักขระสลักอยู่เต็มไปหมด ขยายออกจากจุดศูนย์กลางสู่ส่วนขอบ บ้างส่องสว่างบ้างดับแสง และที่กลางประตูเป็นหลุมเว้าเหมือนช่องเสียบการ์ด
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าประตู และเมื่อเห็นแอนดรูว์ เขาก็ออกมาต้อนรับทันที
“ฮู้ด เตรียมการไว้หรือยัง?” แอนดรูว์ถาม
ฮู้ดยกมือขึ้นอวดศิลานักปราชญ์ในมือแล้วยิ้มกว้าง “สด ๆ ร้อน ๆ เลยครับ!”
เขายกยิ้มแล้วพึมพำ “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมลองทำศิลานักปราชญ์คุณภาพสูงขนาดนี้…แถมโครงสร้างภายในต้องเชื่อมต่อกับทุกอักขระที่ประตูนี้ด้วย โชคดีที่มีห้องแล็ปคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วนำทรัพยากรของการวิจัยอื่น ๆ มาใช้ชั่วคราว ทำให้ทุกอย่างช้าไปครึ่งเดือนครับ”
เขากลอกตาแล้วบ่นหงุงหงิง “กุญแจประตูอันเดิมโดนทำลายไปซะได้ ยุ่งยากแท้”
โจเซฟฟังพลางขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตรงหน้าตัวเอง อาจจะอายุน้อยกว่าเมลิสซ่าด้วยซ้ำไป
ศิลานักปราชญ์คุณภาพสูง นี่คือสัญลักษณ์ของนักวิชาการระดับภัยพิบัติ…
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนศิลานักปราชญ์ชิ้นนี้จะเป็นกุญแจของประตูบานนี้ ดังนั้นมันจึงมีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อนกว่าเมื่อเทียบกับศิลานักปราชญ์คุณภาพเทียบเท่ากันกับชิ้นอื่น ๆ
เด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีน้ำเสียงผ่อนคลาย ถ้าเป็นคนอื่นคงทำแบบนี้ไม่ได้จนตาย แต่เขากลับพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่าเสียเวลาไปครึ่งเดือน
แอนดรูว์แนะนำ “นี่ฮู้ดครับ หลานชายประธานมาเรีย หัวหน้าฝ่าย ‘ผู้แสวงหาปัญญา’ และเป็นนักวิชาการระดับภัยพิบัติคนเดียวในสมาคมแห่งสัจธรรมในตอนนี้”
โจเซฟสงสัยว่าหูของเขาจะมีปัญหา
สมาคมแห่งสัจธรรมมีนักวิชาการระดับภัยพิบัติตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในเมื่อเขาเป็นหลานของประธานมาเรีย จึงล้มเลิกความเป็นไปได้ว่าเขาจะใช้วิธีการพิเศษในการคงรูปลักษณ์ เขาเป็นพ่อหนุ่มน้อยวัยสิบกว่าปีเท่านั้น…ยิ่งกว่านั้น นักวิชาการระดับภัยพิบัติอายุสิบกว่า ๆ เนี่ยนะ?
นี่มันงานเสมือนจริงไร้สาระหรือเปล่า?
ฮู้ดมองท่าทางอันน่ากลัวของโจเซฟ ก่อนจะยักไหล่แล้วฉีกยิ้ม “ถ้าคุณไม่พึ่งพาตัวเอง สั่งสมประสบการณ์เอง ก็ขึ้นระดับภัยพิบัติไม่ได้หรอกครับ แต่มันก็เร็วไปจริง ๆ นั่นแหละ”
แอนดรูว์โบกมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะ การจัดระดับอย่างเป็นทางการก็อีกหลายวันจากนี้ ตอนนี้ก็เร็วเข้าเถอะ”
แล้วฮู้ดก็เขย่งเท้าเสียบศิลานักปราชญ์เข้าไปในช่องที่ประตูเพื่อเริ่มการทำงานของมัน
อักขระที่ประตูหม่นแสงลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสาดแสงออกมาอย่างแรงกล้าแล้วเริ่มกร่อนเป็นอนุภาคจากใจกลางลอยไปทั่ว ทางเดินยาวที่มืดมิดปรากฏตรงหน้า แล้วห้องทดลองที่ถูกทิ้งร้างก็เผยสู่สายตาตลอดสองข้างทาง
หัวใจของโจเซฟเต้นกระตุก…
ฮู้ด?
เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!
คล็อดเคยบอกเขาว่า…คืนหนึ่ง ฮู้ด หลานชายของประธานมาเรียเคยบุกเข้าไปในร้านหนังสือแล้วถูกเจ้าของร้านหลินจับตัวได้ คล็อดเคยทำคดีนี้มาก่อน
—