ตอนที่ 170 ภาพแผนที่ภูเขาแม่น้ำ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 170 ภาพแผนที่ภูเขาแม่น้ำ (2)
“ผู้อาวุโสและปรมาจารย์เหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จอมปราชญ์ซึ่งมีความสามารถมากมายไร้ที่สิ้นสุดและทรงพลังมหาศาล พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์ชั้นยอดในใต้หล้า” หลี่ฉางโซ่วตอบพลางยิ้ม แต่ก็เตือนนางว่าอย่ากล่าววาจาออกไปโดยไร้การยั้งคิด สงหลิงลี่จึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง นางย่อมไม่กล้าสร้างปัญหาให้พี่ชายของนาง ผู้เป็นเทพแห่งท้องทะเล และครึ่งวันต่อมา ก็มีสามเซียนบินมาจากฟากฟ้า หนึ่งในนั้นมีใบหน้ากลม ท้องกลม รอยยิ้มของเขาดูเป็นมิตรจนทำให้ผู้อื่นคิดว่าเขาใจดีมีเมตตาตั้งแต่แรกเห็น เขาเป็นศิษย์ชั้นในคนโตของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย นักพรตเต๋าตั๋วเป่า

คนทางซ้ายมีใบหน้าที่เคร่งขรึม รูปร่างกำยำแข็งแกร่ง และมีเครา เขาเป็นศิษย์ชั้นนอกคนโตของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งได้เป็นปรมาจารย์ใหญ่ ‘อันธพาลจอมโกง’ ในโลกบรรพกาลนี้ นามว่า จ้าวกงหมิง

ส่วนทางขวามือนั้น เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ซ่อนเร้นใบหน้าของนางอยู่ในหมู่เมฆ เมื่อรายงานนามของนาง พวกเขาก็รู้เพียงว่านางเป็นหนึ่งในสามนภา[1]ผู้มีชื่อเสียง เทพธิดาฉยงเซียว

บรรดาเซียนจากทั้งสองฝ่ายต่างก้มศีรษะให้กัน บรรดาศิษย์ด้านล่างล้วนลุกยืนขึ้นและทำการคารวะเต๋าให้กันและกัน ทั่วแผ่นฟ้าและผืนดินสว่างไสวไปด้วยแสงเซียนในทันที และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ยากยิ่งนักที่ทั้งสองฝ่ายที่ยิ่งใหญ่จะมารวมตัวกัน

บัดนั้นบรรยากาศของการประชุมก็ได้มาถึงจุดสำคัญแล้วก่อนที่จะเริ่มขึ้น

มันยังไม่จบ

เมื่อสองเซียนจากทั้งสองสำนักกลับมาที่ ‘แท่นสังเกตการณ์’ บนเกาะอมตะทั้งสอง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นในอากาศอีกครั้ง

เมฆบินมาจากขอบฟ้าหยุดอยู่ตรงหน้าของบรรดาเซียนในชั่วพริบตาเดียว ดูเหมือนว่า จะมีร่างหนึ่งอยู่ภายในนั้น จากนั้นอักขระเต๋าลึกลับและเงียบสงบก็ค่อยๆ กระจายออกไปทั่วหล้า ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วขึ้นทันที เขาคุ้นเคยกับอักขระเต๋านี้อย่างยิ่ง!

เมื่อมองขึ้นไป เขาก็เห็นร่างเลือนรางกระโดดออกมาจากก้อนเมฆ แทนที่จะบอกว่าร่างนั้นกำลังปกคลุมเมฆ มันกลับเป็นดั่งเมฆก่อตัวขึ้นเป็นร่างนั้นเสียมากกว่า นั่นคือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ นี่เขาใช้ปราการบดบังให้พร่ามัวไปกี่ชั้นหนอ…

ทันใดนั้น กวงเฉิงจื่อเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนท่ามกลางอากาศก่อนผู้ใดแล้วร้องตะโกนว่า “ศิษย์พี่เสวียนตูก็อยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ หาได้ยากยิ่งที่จะมาในวันนี้! ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ข้าขอคารวะท่าน ขอคารวะท่านอาจารย์ลุงใหญ่!” ผู้คนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน จากนั้นนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ร้องตะโกนว่า “คารวะศิษย์พี่เสวียนตู พวกเราเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ขอคารวะท่านอาจารย์ลุงใหญ่”[2]

ขณะนั้น บรรดาเซียนของสามสำนักบำเพ็ญเต๋าบนท้องฟ้าและเหล่าเซียนที่อยู่บนพื้นดินด้านล่างล้วนทำการคารวะเต๋า

ทันทีที่ปรากฏตัว เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนโดยฉับพลัน… แค่กๆ บัดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะลั่น แล้วโค้งคำนับกลับไปในอากาศ

ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หมายมั่นบางอย่างมากขึ้นในใจของเขา

คงน่าอายยิ่งนักหากปล่อยให้ศิษย์น้องผู้หนึ่งจัดการกับเหตุการณ์เช่นนี้เพียงลำพังก่อน ในเวลานั้น ที่ริมทะเลสาบ หกสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเดิมทีอ่อนแอ บัดนี้ พวกเขาล้วนตื่นเต้นเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้

ในที่สุด ขณะนี้ความตึงเครียดของหลี่ฉางโซ่วก็ผ่อนคลายลง

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็มาด้วยเช่นกัน หลังจากนี้ เขาจะทำตามคำแนะนำของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เขาจะซ่อนกายอยู่ในกลุ่มคนและทำตัวเป็นศิษย์น้อยธรรมดา

หาใช่อื่นใดไม่… ทั้งสามสำนักบำเพ็ญล้วนอยู่ในสถานะสูงสุดแห่งอำนาจในขณะที่ทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและ สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซ่อนเร้นความตั้งใจของพวกเขาเอาไว้

เต๋ามีต้นกำเนิดมาจากสามสำนักบำเพ็ญแห่งคุนหลุน และกฎต่างๆ จากวังเมฆม่วง

ในเวลานี้ มีเกาะอมตะจำนวนสามเกาะลอยอยู่บนท้องฟ้า สำนักเซียนหลายร้อยสำนักภายใต้สามสำนักบำเพ็ญเต๋ารวมตัวกันอยู่ที่ด้านล่าง การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการที่นั่น

แต่เนื่องจากมีปรมาจารย์รุ่นใหญ่จากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจำนวนมากเกินไป แผนเดิมทีเคยวางเอาไว้จึงต้องชะงักงันไปด้วยเช่นกัน

ในขณะนั้น สำนักเซียนทั้งห้าที่คอยดูแลเรื่องนี้ กำลังจัดการธุระกันอยู่ กวงเฉิงจื่อ หัวหน้าของสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปข้างหน้า เขานั่งบนเมฆอย่างเป็นธรรมชาติและเริ่มเล่าเรื่องที่มาของทั้งสามสำนักบำเพ็ญ ซึ่งในคราวนี้ เขาเริ่มจากจุดเริ่มต้นของจักรวาลจริงๆ…

เริ่มแรก เขาเล่าว่าหลังจากที่ผานกู่แบ่งแยกสวรรค์และปฐพี ปราณวิญญาณของเขาก็แบ่งออกเป็นสหายสามคน

ต่อมาเขาก็เล่าว่า สหายทั้งสามได้เดินทางไปด้วยกันในโลกบรรพกาล ในเวลานั้น พวกเขาสื่อสารกับบรรดาสิ่งมีชีวิตเซียนเทียน และมีความใกล้ชิดกับเต๋าอันยิ่งใหญ่

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า ตัวเขา กวงเฉิงจื่อเข้าร่วมกับหยวนสื่อเทียนจุน และมีช่วงเวลาแห่งความสุขที่เขาใช้เวลาอยู่ในลานเล็กๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋า นั่นคือ ภูเขาคุนหลุน

หลังจากกวงเฉิงจื่อกล่าวจบ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ลุกขึ้นยืน เขามีความสุขมากที่ได้พูดคุยถึงปรมาจารย์จอมปราชญ์ ที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกดุด่าในอดีต

เขายังจำได้ว่าพวกเขาวิ่งไปทั่วอย่างไร้เดียงสาภายใต้ดวงสุริยายามอัสดง… นั่นคือส่วนแรกของการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ บรรดาศิษย์ของปรมาจารย์จอมปราชญ์จะระลึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งรื่นรมย์และขมขื่นใจ

ส่วนที่สองของการประชุมได้ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เจ้าสำนักเซียนต่างๆ ได้อธิบายที่มาและภูมิหลังของสำนักเซียนของพวกเขา ตัวอย่างเช่น นักพรตเต๋าอู๋โหย่ว เจ้าสำนักตู้เซียนกล่าวว่าอาจารย์ของเขาคือ ตู้เอ้อร์ เจินเหริน ซึ่งเขาติดตามมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ เขายังพูดถึงสาเหตุที่เขาก่อตั้งสำนักในภายหลัง สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มีทั้งหมดหกกลุ่มเต๋าและไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เล่าเรื่องราวเสร็จสิ้น

แต่เมื่อบรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเริ่มพูดถึงภูมิหลังของตนเองและผู้ใดเป็นบรรพชนผู้ก่อตั้ง… ผู้อาวุโสเซียนสามคนบนเกาะอมตะก็แอบทำมุทราหยั่งรู้เพื่อสรุปออกมา ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ตระหนักได้เล็กน้อยว่าเมื่อนานมาแล้ว พวกเขายังสอนผู้บำเพ็ญเหล่านั้นด้วย…

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตาขณะมองขึ้นไปยังทิวทัศน์อันงดงามในหมู่เมฆแล้วรู้สึกสะเทือนอารมณ์

หากในอนาคต ไม่มีทัณฑ์สวรรค์คงจะดียิ่ง

แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงคำพูดในความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้วและเป็นหลักการที่มนุษย์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าล้วนผ่านความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอย ทุกอย่างล้วนมีหลักการของมัน สวรรค์และปฐพีนี้ไม่ยินยอมให้สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งเกินไป หากผู้ใดปรารถนาชีวิตนิรันดร์ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ…

ช้าก่อน!

หลี่ฉางโซ่วร้องคำรามออกมาในใจแล้วตัดการรับรู้ของเขาทันทีขณะที่ซึมซับข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่เงียบๆ และกักเก็บเอาไว้ในใจของเขา

อีกไม่นานเขาก็จะไม่อาจควบคุมจิตอริยะของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันจะช่วยให้เขาทะลวงผ่านขอบเขตพลังเล็กๆ ไปได้อย่างแน่นอน!

ช่างอันตรายยิ่งนัก…

เมื่อได้เรียนรู้จากกรณีของหลิงเอ๋อร์ หลี่ฉางโซ่วย่อมต้องระมัดระวังอย่างแน่นอน

อย่าคิดมาก…

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกและยังคงฟังบรรดาเซียนของสามสำนักบำเพ็ญเต๋าพูดคุยถึงเรื่องในอดีตต่อไป

หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างมีความหมาย หากดำเนินไปเช่นนี้ สำนักเซียนของสามสำนักบำเพ็ญเต๋าย่อมจะมั่นคงยั่งยืน

ทว่าตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดไว้ ในไม่ช้า ส่วนของ ‘การต่อสู้’ จะมาถึงพร้อมด้วยวิธีการไม่คาดคิด

เหล่าผู้อาวุโสของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าอยู่ที่นั่น มีบรรดาศิษย์มากมายเกินไปที่ยังไม่บรรลุเซียน และไม่อาจต่อสู้กันเองได้… ในขณะนั้น อวิ๋นจงจื่อ ผู้เป็นเซียนจินของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและฝูเต๋อเซียนจิน ปรมาจารย์นักหลอมเครื่องมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งบรรพกาล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในสมญานาม ‘จอมลอกเลียนแบบแห่งโลกบรรพกาล’ อันดับหนึ่ง ก็ยืนขึ้นพร้อมถือตะกร้าดอกไม้ออกมา

เซียนชราหยิบสมบัติวิญญาณโฮว่เทียนออกมา ซึ่งเป็นภาพวาดแผนที่ “ภูเขาแม่น้ำ[3]” ในภาพวาดนี้มีโลกเล็กๆ นับพัน และมี ‘สมบัติเล็กน้อย’ หลายร้อยชิ้นที่อวิ๋นจงจื่อสร้างขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ บรรดาเซียนหลายร้อยคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย บินหนีไป พร้อมจับกลุ่มสัตว์ดุร้ายและใส่เข้าไปในภาพแผนที่นั้น

สำนักเซียนทั้งห้าที่รับหน้าที่จัดงานได้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้เช่นกันว่า ในวันนี้ เฉพาะศิษย์น้องที่มีอายุไม่ถึงสองร้อยปี จึงจะเข้าไปในภาพแผนที่นั้นได้ และผู้ที่ทำผลงานได้ดีก็จะได้รับรางวัลชิ้นเยี่ยมตอบแทนมากมาย…

หลังจากนี้ หากเขายืนขึ้น เขาก็จะถูกดูดไปอยู่ในภาพแผนที่ภูเขาแม่น้ำ

ดังนั้นเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักเซียนต่างๆ จึงชี้แนะแก่บรรดาศิษย์ของพวกเขา ทันทีที่เหล่าศิษย์ครึ่งหนึ่งยืนขึ้น ก็ถูกลำแสงที่พุ่งออกมาจากภาพวาดแผนที่กวาดเข้าไป ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่นั่นอย่างมั่นคงปานไท่ซาน[4]

เขา… ย่อมไม่ได้ทำให้สำนักตู้เซียนต้องอับอาย

ทว่าในขณะนั้น เซียนบนเมฆคนหนึ่งก็แย้มยิ้มพลางสะบัดนิ้วพลิ้วไหว ทำให้หลี่ฉางโซ่วพลันรู้แจ้งในใจและมันก็ควบแน่นขึ้นกลายเป็นถ้อยคำเดียว

“ไป”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วด้วยความวิตกเล็กน้อย แต่ก็ทำตาม ‘คำสั่งสอนของปรมาจารย์จอมปราชญ์’ อย่างเชื่อฟังโดยไม่ลังเลใดๆ พลางเรียกเสี่ยวสงสง[5]ที่อยู่ข้างๆ เขา ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็ยืนขึ้นพร้อมๆ กัน เป็นผลให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูที่อยู่บนก้อนเมฆ พลันกะพริบตาทันทีที่เห็นว่ามีหอคอยเหล็ก[6]อยู่ข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว แล้วจู่ๆ สีหน้าของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ดูแปลกไปเล็กน้อย

ฉับพลันนั้นก็มีลำแสงสีทองสาดส่องมาแล้วดึงหลี่ฉางโซ่ว และสงหลิงลี่เข้าไปในภาพวาดอย่างกะทันหันในขณะที่เซียนจิน อวิ๋นจงจื่อ ฝูเต๋อจินเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ผู้ควบคุมภาพแผนที่นั้น พลันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ไฉนศิษย์น้อยสองคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเหล่านี้ จึง… หนักยิ่ง?

………………………………………………………

[1] เทพธิดาแห่งสามนภา หรือซานเซียวเซิ่งหมู่ หรือบางทีก็เรียกขานเป็นซานเซียวเหนียงเนี่ยง หรือ สุภาพสตรีแห่งสามดาว ประกอบด้วย เทพธิดาอวิ๋นเซียว เทพธิดาฉยงเซียว และเทพธิดาปี้เซียว

[2] เป็นการคารวะปรมาจารย์เต๋าเสวียนตู และไปถึงบรรพชนไท่ชิง ดังนั้นสรรพนามที่ใช้เรียกขานจึงมีสองครั้งที่แตกต่างกัน

[3] หมายถึงภาพแผนที่โลกหรือแผนที่สมบัติที่มีสภาพแวดล้อมทั้งหมด ทั้งภูเขาแม่น้ำ ว่ากันว่าเป็นของเทพีหนี่วา

[4] ภูเขาใหญ่

[5] หมายถึงสงหลิงลี่ ในภาษาจีน สงแปลว่าหมี หรือเรียกเป็นฉายาว่าหมีน้อยซึ่งสอดคล้องกับร่างใหญ่ของสงหลิงลี่อีกด้วย

[6] หมายถึงสงหลิงลี่สตรีน้อยร่างกำยำ