บทที่ 316 ลงทัณฑ์

ใต้เท้าเหวินเป็นขุนนางที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เขามีพยานและหลักฐานทั้งหมดที่ชี้ชัดว่าหมอฟางเป็นคนร้าย แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่สามารถรอดพ้นข้อหาไปได้

“ชายแซ่ฟาง เจ้าทำร้ายผู้คนมานับไม่ถ้วนและก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้าย ตามกฎหมายของราชวงศ์โจวเจ้าถูกตัดสินโทษ ประหารชีวิตด้วยทัณฑ์เลาะกระดูก! การประหารจะเริ่มในวันพรุ่งนี้!”

การประหารที่เรียกว่าทัณฑ์เลาะกระดูกหรือหลิงฉือนั้นคือการเฉือนเนื้อของนักโทษออกทีละชิ้น ก่อนจะมีการลงดาบครั้งสุดท้ายคือที่หัวใจเพื่อจบชีวิตของเขาลง มันคือวิธีการประหารสำหรับคนที่ก่อกรรมทำความผิดร้ายแรงเท่านั้น ตอนนี้ไม่มีใครเห็นใจชายผู้นี้เขาสมควรแล้วที่จะได้รับโทษทัณฑ์นี้!

เมื่อฟังคำตัดสินจบลงหมอฟางถึงกับหมดสติไปทันที ไม่รู้ว่าเพราะการบาดเจ็บหรือเพราะความกลัวกันแน่ คนที่ทำงานให้กับหมอฟางถูกเรียกมาไต่สวนทีละคนและถูกตัดสินโทษโดยการทำงานหนักเป็นเวลาสิบห้าปีตามความผิดทางอาญา การสารภาพผิดของหลิวหลานนั้น มีส่วนช่วยให้ทางการสามารถจับกุมหมอฟางได้ และนางเองมีส่วนช่วยหมอซูในการคิดค้นยาถอนพิษเพื่อช่วยเหลือคนทั้งสามสิบห้าคน นางจึงได้รับการลดโทษถูกสั่งโบยยี่สิบไม้

“หลิวหลาน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?” ใต้เท้าเหวินถามเสียงเข้ม

“ข้าน้อยไม่มีอะไรจะกล่าวเจ้าค่ะ ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ!” หลิวหลานโขกหัวของนางลงกับพื้นแสดงความขอบคุณใต้เท้าเหวิน เพราะผลของการตัดสินนี้เล็กน้อยกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก

ตอนนี้พวกเขารอดพ้นจากนรกบนดินเหล่านั้นแล้ว อาการของอาหยูดีขึ้นเป็นลำดับ การถูกโบยยี่สิบไม้นี้คือการผ่อนปรนอย่างที่สุดให้แก่นางแล้ว

ทางด้านหมอฟางนั้นมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอย่างแน่นหนา เพื่อรอการประหารชีวิตในวันพรุ่งนี้

ทั้งถังหลี่และเว่ยฉิงต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ช่วงเวลาที่ไม่มีผู้ใดสนใจชายหนุ่มกระซิบบอกภรรยาว่า

“ฮูหยิน วันนี้ข้าต้องอยู่ที่ศาลาว่าการอีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปหาเจ้าหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับไปพักเถอะ” ถังหลี่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ จากนั้นเข้าไปให้กำลังใจหลิวหลานก่อนจะรับโทษโบยยี่สิบไม้ เมื่อเห็นว่านางมีกำลังใจดีมาก ถังหลี่จึงกลับไปที่จวนสกุลเว่ย…

ตกดึก ณ ศาลาว่าการเมืองชิงเหอ

มีผู้บุกรุกเข้ามายามดึก ใต้เท้าเหวินมองคนที่มาเยือนเขาสามชุดสีดำอีกทั้งมีผ้าปกปิดใบหน้าดูลึกลับ ทันทีที่ใต้เท้าเหวินเห็นป้ายหยกที่เอว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นองค์รักษ์ชั้นในจากวังหลวง

“ใต้เท้าเหวิน” ชายชุดดำทักทายเขาก่อน ความจริงแล้วตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นใหญ่กว่าตำแหน่งของอีกฝ่ายมากนัก แต่ท่าทีที่เย่อหยิ่งเช่นนี้หาได้มาจากตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ แต่เป็นเพราะอำนาจคนที่หนุนหลังเขามากกว่า

“ใต้เท้าท่านนี้เดินทางมาไกล มีคำแนะนำอะไรกับข้าเช่นนั้นหรือ?” ใต้เท้าเหวินถาม

“ข้าอยากจะขอคนจากใต้เท้าเหวินสักคน” อีกฝ่ายกล่าว

“มีใครในทีนี้เข้าตาท่านอย่างนั้นหรือ?” ใต้เท้าเหวินประหลาดใจ

“พระอาการไม่บรรทมของฝ่าบาทแย่ลงเรื่อย ๆ ข้าเคยไปพบหมอที่มีชื่อเสียงมาแล้วจนทั่วะพบว่าหมอฟางที่เป็นนักโทษผู้นั้นเชี่ยวชาญเรื่องยามาก ข้าคิดว่าเขาสามารถรักษาอาการประชวรของฝ่าบาทได้” องค์รักษ์คนนั้นกล่าว

ใต้เท้าเหวินก้มศีรษะลง แววตาของเขาเย็นวาบชายผู้นี้มาที่นี่เพราะหมอฟางเช่นนั้นหรือ?

แม้แต่คนในวังก็มีส่วนร่วม…

คนที่อยู่เบื้องหลังขององครักษ์ผู้นี้คือผู้ที่มีอำนาจบาตรใหญ่ เขาต้องการตัวหมอฟาง ทั้งยังต้องการให้เขารู้เพื่อจะกดดันเขา

แต่อย่างไรก็ตามใต้เท้าเหวินผู้นี้ ไม่เคยเกรงกลัวต่ออำนาจ แม้มีนิสัยอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง หากมอบตัวหมอฟางให้ไป เขาจะมองหน้าเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาเหล่านั้นได้เช่นไร? ทั้งยังไม่คุ้มค่ากับความพยายามของรองเจ้าคณะมณฑลที่ทำงานอย่างหนักเพื่อจับตัวคนร้าย รวมถึงถังหลี่ หมอซูและคนอื่น ๆ เขาจะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร?

“ใต้เท้า หมอฟางคนนี้ไม่ใช่หมอเทวดาแต่เป็นหมอยาพิษ มีจิตใจที่โหดร้ายยิ่งนัก ข้าเกรงว่าคนเช่นนี้จะไม่สามารถรักษาพระอาการของฝ่าบาทได้ แต่จะเป็นการทำร้ายพระองค์แทน” ใต้เท้าเหวินเงยหน้าขึ้น

“ใต้เท้าเหวิน…หมายความว่าท่านจะไม่ยินยอมใช่หรือไม่?”

“เช่นที่ข้ากล่าว ข้าไม่สามารถปล่อยให้ชีวิตของฝ่าบาทเสี่ยงอันตรายได้ โปรดไตร่ตรองอีกครั้ง!”

องครักษ์ผู้นั้นเงียบไม่เอ่ยคำพูดออกมาอีก ทั้งสองจ้องตาเผชิญหน้ากันชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของใต้เท้าเหวินนั้นแข็งกร้าว ไม่มีทีท่าอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้นำตัวใครไปทั้งนั้น องครักษ์โค้งคำนับให้ใต้เท้าเหวินหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป เจ้าเมืองชิงเหอมองตามแผ่นหลังของฝ่ายตรงข้ามอย่างครุ่นคิด….

ห้องขัง

ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำเดินเข้าไป คนผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ความเยือกเย็นและดุดันเป็นบรรยากาศที่ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้ เขาคือเว่ยฉิงรองเจ้าคณะมณฑล ผู้คุมห้องขังทำความเคารพเขาทีละคน

“คารวะใต้เท้า!”

“คารวะใต้เท้าขอรับ!

เว่ยฉิงเข้าไปในห้องขังมองไปยังหมอฟางที่ถูกมัดและหมดสติอยู่ด้านใน ทันทีที่เขากวักมือเรียก ผู้คุมก็วิ่งมาเปิดประตูห้องขังให้แก่เว่ยฉิงทันที เขาเดินเข้าไปสายตาจับจ้องไปที่หมอฟาง

หมอฟางคนนี้แม้ไม่สนใจชีวิตของผู้อื่น แต่สำหรับตัวเขาเองแล้วกลับเป็นคนกลัวตายอย่างมาก เมื่อรู้ว่าตัวเองจะโดนประหารชีวิตด้วยวิธีเลาะกระดูกจึงหวาดกลัวอย่างหนัก

“ช่วยด้วย…ข้า…ข้าผิดไปแล้วขอรับ ข้าจะไม่ทำร้ายใครอีกแล้วขอรับ…” เขาเอ่ยปากขอร้องด้วยความลนลาน แต่เว่ยฉิงกลับเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมาแทน

“ข้าไม่ช่วยเจ้าหรอก คนที่ควรจะมาช่วยเจ้าคือเจ้านายของเจ้ามากกว่า”

ก่อนหน้านี้มีคนพยายามจะเข้ามาชิงตัวหมอฟางที่ศาลาว่าการ และเว่ยฉิงคาดว่ามันต้องเป็นพวกคนที่อยู่เบื้องหลังหมอฟางแน่

“ช่วยข้าด้วย…ทำไมท่านไม่มาช่วยข้า!” หมอฟางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“เจ้าโดนเขาทอดทิ้งแล้วนะสิ?” เว่ยฉิงพูดเบา ๆ

“เหอะ!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ในเมื่อเกลียดเขาขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะว่าเขาคือใคร?” เว่ยฉิงกล่าวหลอกล่อ

หมอฟางเป็นคนชั่วร้ายและเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาสามารถที่จะแว้งกัดใครก็ได้ แน่นอนว่าเขาจะบอกสิ่งที่รู้ทุกอย่างให้กับเว่ยฉิง

หมอฟางตกตะลึงไปชั่วครู่

“ข้าไม่รู้ เมื่อสิบปีก่อนมีคนมาหาข้าและบอกให้ข้านำเด็กมาทดลอง เขาจะให้เงินสนับสนุนข้าทุกอย่าง ตราบเท่าที่ข้าสามารถสร้างกองทัพซากศพให้เขาได้”

กองทัพซากศพเหล่านี้ถึงตอนนี้จะควบคุมได้ก็ยังไม่เพียงพอ เป้าหมายสูงสุดคือการทำให้บรรดาซากศพเดินได้พวกนี้สามารถแพร่เชื้อให้คนที่ถูกกัดได้ ผู้ที่โดนกัดจะกลายเป็นซากศพทันที ด้วยวิธีนี้เขาจึงควบคุมกองทัพที่ทรงพลังและไม่มีวันตายได้! แต่ผลของการทดลองยังไม่เป็นไปตามนั้น พวกมันสามารถทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บได้เท่านั้นแต่ยังไม่สามารถแพร่เชื้อได้

เหตุใดสวรรค์จึงไม่เข้าข้างเขา?

ตอนแรกเว่ยฉิงต้องการสอบสวนถึงคนที่อยู่เบื้องหลังของชายผู้นี้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่รู้เช่นกันและค่อนข้างระมัดระวังในการพูด เว่ยฉิงรู้สึกว่าเสียเวลาโดยใช่เหตุ จึงหันหลังกลับไปโดยไม่หันมามองหมอฟางอีกเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากที่เพชฌฆาตกินอิ่มนอนหลับเพียงพอแล้ว เขาก็มายังห้องขังและค่อย ๆ ใช้มีดเฉือนเนื้อหมอฟางทีละชิ้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหมอฟางดังโหยหวนไปหัวห้องขัง

บนชั้นสองของศาลาแห่งหนึ่งใกล้ห้องขัง มีร่างสวมอาภรณ์สีขาวยืนอยู่ตรงนั้น เขามองไปที่ทิศทางของห้องขังฟังเสียงนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนี้บิดเบี้ยว เขากำหมัดแน่นพูดลอดไรฟันออกมาด้วยความโกรธแค้น

“ดี! ดียิ่ง! ใต้เท้าเหวิน เจ้ากล้าฆ่าคนของเปิ่นหวางผู้นี้ เปิ่นหวางจะจดจำเจ้าเอาไว้!”