“นี่มันคืออะไรกัน?”

ซาบริน่าถามพร้อมขมวดคิ้วขณะมองลงไปที่ศพ 

หลังจากที่ออสตินฆ่ามันไปแล้ว ร่างนั้นก็เริ่มเหี่ยวเฉาและในไม่ช้าก็กลายเป็นโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยฝุ่นซึ่งส่องแสงเป็นสีแดง

“เธอไม่รู้งั้นเหรอ?”

ออสตินถามขณะยืนอยู่ข้างเธอ โดยที่ดวงตาของเขากำลังมองผ่านโครงกระดูก

“ไม่ เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะฉันคิดว่ามันอาจจะบอกถึงปัญหาของฉันได้”

เธอตอบกลับมาขณะใช้มือสัมผัสกับโครงกระดูกเพื่อรู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของมันและอาจพยายามดูว่าพวกตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเอลฟ์แบบไหนอยู่

“เธอต้องขุดลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเอลฟ์ถึงจะพบสถานที่แห่งนี้”

ออสตินพูด โดยที่ซาบริน่าทำเพียงพยักหน้าขณะจดจ่ออยู่กับการค้นหาเบาะแสต่างๆ 

น่าเสียดายที่เธอมองหามันอยู่ 19 นาที โดยพยายามใช้คาถาทั้งหมดที่ใช้ได้แล้ว แต่เธอกลับต้องออกมาโดยไม่รู้อะไรเลย

“มันเป็นเอลฟ์แบบไหนกันแน่?”

ซาบริน่าถามขณะยืนขึ้นพร้อมกับใบหน้าของเธอที่หรี่ลงขณะขมวดคิ้ว

“ถึงฉันจะพูดไปเธอก็ไม่เชื่อหรอก ไปหาความจริงด้วยตัวเองดีกว่า”

ออสตินตอบก่อนจะเริ่มเดินไปข้างหน้า ขณะที่ซาบริน่าจ้องมองที่แผ่นหลังของเขา ความอยากรู้อยากเห็นของเธอเกี่ยวกับชายที่อยู่ตรงหน้านั้นกำลังลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ 

สุดท้ายแล้วเธอก็เดินตามเขาไปโดยไม่ได้พูดอะไรและในไม่ช้าทั้ง 2 คนก็กลับมาเดินต่อผ่านสถานที่มืดมนและน่าสยดสยองนี้

“บอกฉันหน่อยสิว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างนายสูญเสียคนที่มีค่าไปได้ยังไง?”

ซาบริน่าถามด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ โดยไม่สนใจความจริงที่ว่าเธอกำลังฉีกบาดแผลลึกที่อาจถึงแก่ชีวิตได้

‘ดูเหมือนว่าเธอยังคงไม่สามารถเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ข้างในได้’

ออสตินคิดขึ้นในใจขณะที่ภายนอกใบหน้าของเขามีแต่ความสงบและไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นมากนักเมื่อเขาตอบกลับเธอไปด้วยน้ำเสียงสงบ

“พรสวรรค์ที่มากเกินไปสร้างความเย่อหยิ่งเข้ามาในหัวของฉัน และความเย่อหยิ่งนี้ก็นำไปสู่จุดจบ”

เขาตอบ โดยที่หลังจากที่พูดจบ มือของเขาก็โบกไปข้างหน้าเร็วกว่าที่ซาบริน่าจะสามารถตอบสนองได้ด้วยการกระแทกเข้าที่ท้องของเธอโดยตรง และส่งเธอให้กระเด็นออกไปจนกระแทกเข้ากับกำแพง

“แค่กๆ…นี่นาย!”

เลือดหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากปากของซาบริน่า ขณะที่เธอเดินโซเซออกมาจากกำแพง 

ออสตินหันกลับมาหาเธอด้วยดวงตาที่จริงจังมากขึ้นกว่าที่เคย ขณะนั่งยองๆ และเผชิญหน้ากับเจ้าหญิงที่ถูกทุบตี

“จำเอาไว้ด้วยเจ้าหญิงว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน เธอเป็นคนพูดออกมาเองไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นให้ฉันจะทำให้หัวของเธอเข้าใจตรงๆ เลยนะว่าเราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ”

คำพูดของเขาทำให้ซาบริน่าเบิกตากว้าง ความผิดพลาดของเธอกำลังย้อนกลับมาทำร้ายเธออยู่ตอนนี้

‘เธอคุ้นเคยกับทุกสิ่งที่เป็นไปตามแผนของตัวเองมากเกินไป จนเธอลืมไปว่าคนที่ควบคุมที่นี่ไม่ใช่เธอ’

คราวนี้มือของออสตินยื่นไปข้างหน้าเพื่อจับแก้มของซาบริน่าเอาไว้ ขณะที่เขาทำให้เธอมองมาที่เขา

“เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ดังนั้นเธอควรเข้าใจว่าเมื่อใดควรดึงแผนการของตัวเองกลับไปนะ เธอคิดถูกว่าฉันต้องการเธอ แต่ถ้าเธอเรื่องเยอะเกินไป ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะจบชีวิตเธอลงด้วยมือของฉันหรอกนะ”

เมื่อพูดจนถึงตอนนี้ออสตินก็ปลดปล่อยเจตนาฆ่าของเขาออกมาใส่ซาบรีนาไว้จนมิด ทำให้ร่างของเธอสะดุ้ง ในขณะที่เหงื่อเย็นไหลออกมาปกคลุมแผ่นหลังของเธอ 

ซาบริน่าหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา

“ฉันขอโทษด้วย เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ดี”

ออสตินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะรักษาเธอให้หายในไม่กี่วินาที 

เขายื่นมือให้เธอแล้วดึงเธอขึ้นมาขณะพูด

“ไปกันเลยไหม?”

เขาพูดขณะเริ่มเดินไปข้างหน้า โดยที่ตอนนี้ซาบริน่าเดินตามหลังเขาด้วยความเงียบ

+100 ความชอบ

‘ใช่แล้ว ไม่มีใครปกติเลย’

ถ้าออสตินไม่ได้รู้ดีกว่านี้ เขาคงจะคิดว่าซาบริน่าเป็นพวกมาโซไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น 

ความชอบที่เขาได้รับจากเธอนั้นเกิดจากความหยิ่งทะนงภายในและความหลงตัวเองของเธอที่ปะทุขึ้น เขามั่นใจว่าเมื่อทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้ว เธอจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ในมือเพื่อค้นหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเขา โดยหวังว่าจะมีบางอย่างที่ทำให้เขาสบายใจได้

‘แต่นี่มันรู้สึกดีจริงๆ’

ออสตินปฏิเสธไม่ได้ว่าการต่อยหนึ่งในเป้าหมายในการจีบนั้นน่าพึงพอใจเล็กน้อย เขาต้องตกนรกเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นและเตรียมกลยุทธ์หลายอย่างเพื่อดึงดูดใจพวกเธอ 

แน่นอนว่าเขาจะตกหลุมรักพวกเธอ แต่การปลดปล่อยความหงุดหงิดเล็กน้อยก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ไม่เหมือนกับความงามและจิตใจของเธอ เขาจะไม่สามารถรักเธอได้

“กรรรร…กรรร…กรร…”

เสียงคำรามดังก้องไปทั่วอุโมงค์ทำให้ออสตินต้องมองไปข้างหน้าก่อนจะพบเข้ากับเอลฟ์ที่ดูน่าเกลียดอีก 3 คนที่กำลังยืนสี่ขาอยู่ 

ดวงตาสีแดงเลือดของพวกมันจ้องมองพวกเขาด้วยความโลภของสัตว์ เหมือนเอลฟ์ก่อนหน้านี้ที่ทั้ง 3 คนอารมณ์ไม่ดี พวกมันหายตัวไปด้วยความเร็วสูงก่อนจะปรากฏตัวอีกทีข้างๆ พวกเขา

เอลฟ์ 2 คนมุ่งความสนใจไปที่ออสตินในขณะที่เอลฟ์คนสุดท้ายเล็งไปที่ซาบริน่า ทั้ง 3 คนนี้เองก็มีอาวุธสีแดงเลือดอยู่ในแขนเช่นกันนั่นคือดาบ, หอกและค้อน 

2 คนแรกมีเป้าหมายที่จะแทงออสตินด้วยดาบและหอก ในขณะที่เอลฟ์คนที่ 3 นั้นมีเป้าหมายที่จะบดขยี้ซาบริน่าด้วยค้อน

แต่ทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเกินไปสำหรับออสติน เขาโบกมือเบาๆ เพื่อกระจายคลื่นทำลายล้างเล็กๆ ที่มองไม่เห็นไปยังผู้โจมตี 2 คนจนทำให้พวกมันกลายเป็นฝุ่นไป พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกรีดร้องด้วยซ้ำ 

หลังจากสังหารผู้โจมตีของตัวเองไปแล้วในวินาทีเดียว ออสตินก็หันไปทางซาบริน่าที่กำลังรับการโจมตีที่รุนแรงอยู่

เธอสงบมากขณะเผชิญกับค้อน ดวงตาของเธอสว่างขึ้นก่อนจะมีต้นไม้ที่ไม่ทราบที่มาทะลุออกมาพร้อมกับบาเรียที่ถูกกลางขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีขณะที่การโจมตีด้วยค้อนกำลังจะลงบนต้นไม้ แต่ทันใดนั้นดวงตาสีแดงของเอลฟ์ตัวสุดท้ายดูเหมือนจะสว่างขึ้นเป็นสีแดง ซึ่งทำให้กระแสเลือดของซาบริน่าพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ส่งผลให้สมาธิของเธอหายไปจนทำลายทุกการเคลื่อนไหวของเธอ

มันเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่ตอนนี้ค้อนของศัตรูก็มาอยู่ตรงหัวของซาบริน่าเพื่อหวังจะบดขยี้หัวของเธอแล้ว 

ซาบริน่าไม่ได้ตื่นตระหนกขณะที่ร่างกายของเธอสว่างขึ้นในความมืด ซึ่งทำให้เอลฟ์ผู้โจมตีถูกตรึงอยู่กับที่ นั่นคือจุดเริ่มต้นเมื่อไม่นานร่างกายของมันก็กลายเป็นสีดำเข้มและละลายลงกับพื้นกลายเป็นเพียงสารเหนียว

“นายน่าจะช่วยฉันหน่อยนะ”

ซาบริน่าบ่นเล็กน้อยขณะที่เลือดเริ่มไหลออกจากจมูกขณะที่เธอเอามือกุมหัว

“พลังเจ๋งดีนี่”

ออสตินพูดขณะเข้ามาใกล้เธอก่อนจะรักษาให้หายภายในไม่กี่วินาที 

ซาบริน่าหันกลับมามองเขาก่อนจะร้องขอขึ้นมา

“นายพอจะมีวิธีที่จะแบ่งปันพลังการรักษาของนายไหม? ไม่มีใครสามารถรักษาฉันได้เลยในตอนที่ฉันใช้พลังนี้ ความสามารถของนายเลยเป็นประโยชน์กับฉันอย่างมาก”

“ขอโทษที แต่คงจะไม่ได้”

ออสตินปฏิเสธในทันทีที่ทำให้ซาบริน่าถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า ขณะที่แววตาที่ซ่อนเร้นส่องผ่านออกมาจากดวงตาของเธอ ชั่วครู่หนึ่งดวงตาของเธอดูเหมือนงูด้วยซ้ำ

“งั้นก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยนายพอจะบอกฉันได้ไหมว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เธอถามออสตินด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนที่เขาจะตอบกลับมา

“มันก็ง่ายๆ คือเอลฟ์ตัวนั้นเพิ่งควบคุมเลือดของเธอไปชั่วขณะหนึ่งหน่ะ”

“เลือดของฉันเหรอ?”

ซาบริน่าถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ซึ่งเธอมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น เธอจะไม่เป็นแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเธอเพิ่งจะได้รู้ว่ามีบางสิ่งที่สามารถควบคุมเลือดของคนอื่นได้อยู่ด้วย? พลังเช่นนี้จำเป็นต้องเกรงกลัวอย่างแน่นอน

“เธอไม่ต้องกังวลมากหรอก เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะทำได้แค่สร้างความผันผวนให้กับเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

ออสตินพูดขึ้นมา

“งั้นก็หมายความว่ามีบางตัวที่สามารถควบคุมเลือดของฉันได้อย่างสมบูรณ์งั้นเหรอ?”

ซาบริน่าถามโดยหยิบคำพูดของออสตินมาใช้ 

ออสตินทำเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะเริ่มเดินไปข้างหน้า

“ใครจะรู้หล่ะ? ทำไมเธอต้องกลัวด้วย?”

คำพูดล้อเล่นของออสตินถูกทิ้งไว้ข้างหลังในตอนที่เขาเริ่มเดินไปข้างหน้า 

ซาบริน่ามองไปที่ด้านหลังของเขาก่อนจะหันกลับไปมองทางที่เธอเดินผ่านมา เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ส่ายหัวและเริ่มเดินตามออสตินไป

‘แบบนี้คุ้มกว่า’

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต