“ดูเหมือนนายจะเข้าใจภาษาเอลฟ์โบราณด้วยสินะ”

ซาบริน่าพูดด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นขณะที่เธอมองออสตินเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาดูเหมือนจะแปลภาษาได้ดีกว่าเธอ! นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งสำหรับเธออย่างแน่นอน แม้ว่านี่จะเป็นการเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของเธอเท่านั้น

ออสตินไม่ตอบสนองต่อคำพูดของซาบริน่าในขณะที่เขาเลื่อนนิ้วไปรอบๆ ซึ่งต่างจากที่ซาบริน่าคิด เขาไม่ได้มีความเข้าใจมากกว่าเธอในด้านภาษา เพียงแต่ดวงตาที่เขาใช้จับจ้องนั้นมีความพิเศษเกินกว่าใครจะจินตนาการได้ซ่อนอยู่ นัยน์ตาของออสตินถูกซ่อนอยู่ใต้ม่าน มันส่องสว่างเป็นหลากสีและมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์

ต้องขอบคุณดวงตาของเขาที่ทำให้สามารถถอดรหัสที่แม้แต่ผู้ฉลาดที่สุดเองก็อาจสะดุดได้อย่างง่ายดาย 

ไม่กี่วินาทีผ่านไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่ออสตินยังคงถอดรหัสต่อไป ในไม่ช้าส่วนสุดท้ายของปริศนาก็ถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อประตูระเบิดออกมาพร้อมกับแสงวาววับ บังคับให้ทั้ง 2 ต้องหลับตา 

แสงนั้นคงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหายไป

ทั้ง 2 ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบกับประตูที่แวววาว ซึ่งลวดลายของมันตอนนี้มีรูปร่างที่แตกต่างออกไปพร้อมกับสามารถมองเห็นเอลฟ์หลายคนวิ่งเล่นไปมาท่ามกลางแสงไฟหลากสีสันได้ แถมยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นโดยที่กิ่งก้านของมันแกว่งไปรอบๆ และพวกเอลฟ์ก็ดูเหมือนกำลังเต้นรำไปรอบๆ ต้นไม้

“ต้นไม้โลกอิกดราซิล”

ซาบริน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์คนไหนก็ตาม พวกเขาต่างก็เคารพต้นไม้โลกที่รวบรวมอาณาจักรแห่งนางฟ้าไว้ด้วยกัน 

ความเคารพและการบูชาของพวกเขาต่อออร์เฟียสเองก็เหนือจินตนาการเช่นกัน

“ถ้าฉันสามารถก้าวเข้าไปในอิกดราซิลได้เพียงครั้งเดียวหล่ะก็”

เธอพึมพำด้วยท่าทางปรารถนา ทำให้ริมฝีปากของออสตินกระตุกเล็กน้อย 

เมื่อลองคิดดูแล้วเธอจะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้รู้ว่าไม่เพียงแต่เขาจะเคยเข้าไปในต้นไม้แล้วเท่านั้น แต่ยังเคยมีเซ็กส์กับออร์เฟียสอย่างร้อนแรงและหนักหน่วงอีกด้วย? 

อ่าาา แค่การพูดเรื่องนี้ก็ทำให้เขาถูกเอลฟ์ทั้งหมดตามล่าได้แล้ว 

“ไปกันเถอะ”

ออสตินพูดขณะที่เขาจับประตูเพื่อเปิด 

เสียงคลิกดังขึ้นมาขณะที่เขาค่อยๆ เปิดประตู หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ทั้ง 2 ก็มองเข้าไปในนั้นก่อนจะเห็นเส้นทางที่คล้ายอุโมงค์อันมืดมิด

“โอเค นี่ก็ทำให้ประหลาดใจอยู่บ้าง”

ซาบริน่าพูดด้วยท่าทีผิดหวัง และออสตินพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเธอ

“ก่อนที่เราจะเข้าไป นายพอจะรู้ไหมว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าบ้าง?”

ซาบริน่าถามขึ้นมา

“ก็พอจะรู้อยู่บ้าง”

ออสตินตอบ

“คนพวกนั้น พวกมันตามฉันมาเพราะพวกมันรู้ว่าฉันเป็นอะไรสินะ?”

เธอถามต่อ

“ใช่”

และออสตินก็ยืนยันให้เธอไป 

เมื่อเห็นแบบนั้นซาบริน่าก็เงียบไป เธอมองไปยังเส้นทางที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะถามคำถามสุดท้ายของเธอ

“การเดินทางนี้จะตอบคำถามของฉันได้ไหม?”

“ไม่ทั้งหมดแต่ก็บางส่วน”

เขาตอบกลับมา 

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงหันไปหาเขาและพูดต่อ

“ขอบคุณ”

“เรื่อง?”

ออสตินถามกลับ

“ไม่ว่าเหตุผลของนายจะคืออะไร แต่ของขวัญที่นายให้ฉันก่อนหน้านี้ก็มีประโยชน์จริงๆ”

เธอพูดขึ้นมา เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้เกิดรอยยิ้มที่เรียบง่ายที่ทำให้ใบหน้าของออสตินสว่างไสวอยู่ครู่หนึ่ง

“ไม่เคยคิดว่าเธอจะสามารถพูดขอบคุณได้ด้วย”

เขาพูดขึ้นมา

“ฮึ่มมมม นายควรภูมิใจที่ได้รับมันนะ”

ซาบริน่าสูดหายใจเข้าขณะเดินเข้าไปในอุโมงค์ 

เมื่อเห็นแบบนั้นออสตินก็ส่ายหัว คงไม่มีใครรู้ แต่เจ้าหญิงเอลฟ์ที่สง่างาม, ใจดีและดูสมบูรณ์แบบนั้นเป็นคนหลงตัวเองและเป็นคนค่อนข้างมีอีโก้สูงในเรื่องนั้น บางทีอาจเป็นผลข้างเคียงจากการกระทำของเขา แต่เขาจะเอาซาบริน่าคนนี้ไปเปรียบเทียบกับซาบริน่าที่เขารู้จักในเกมไม่ได้

“ขอรับ กระผมจะซาบซึ้งใจให้มาก”

ออสตินพูดอย่างประชดประชันขณะเดินตามเธอเข้าไปในอุโมงค์ หลังจากนั้นประตูด้านหลังพวกเขาก็ถูกปิดจนสนิทดึงพวกเขาเข้าสู่ความมืด 

ไม่นานหลังจากนั้นอุโมงค์ทั้งหมดก็สว่างขึ้นเป็นสีน้ำเงินผสมกับสีแดง มานารอบตัวพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปและหมุนวนขึ้นเหนือพวกเขาก่อนจะมีตาข้างเดียวปรากฏขึ้นด้านบนขณะจ้องมองไปที่ทั้งคู่

“มนุษย์กับราชวงศ์เอ-หือ?”

จู่ๆ เสียงที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดลงจากการพบบางสิ่งที่น่าสนใจ ดวงตาข้างนั้นตอนนี้กำลังจ้องมองไปที่ซาบริน่าโดยการมองเธอขึ้นๆ ลงๆ มันจ้องมองเช่นนั้นอยู่ 2-3 วินาที

“ข้าเดาว่ามันคงเป็นโชคชะตา…”

ในที่สุดเสียงนั้นก็พูดอีกครั้งด้วยความคิดถึงผสมกับความเสียใจ

“จงเผชิญกับความบททดสอบและรับรู้ถึงเรื่องราวที่ถูกต้อง พร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันนองเลือดที่ซ่อนอยู่ในพงศาวดารที่มืดมนที่สุดของอาณาจักรเอลฟ์ซะ”

เมื่อคำพูดสุดท้ายจบลง ดวงตาก็หายไป ปล่อยให้ทั้ง 2 คนได้แต่มองหน้ากัน

“นั่นเป็นความคิดที่เบื่อหูมาก”

ออสตินพูดขึ้นมา

“นายอ่านความคิดฉันได้งั้นเหรอ?”

ซาบริน่าตอบขณะที่ทั้ง 2 จ้องมองกลับไปยังเส้นทางที่อยู่ข้างหน้า 

ทั้ง 2 เริ่มเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน โดยทำตามขั้นตอนที่คำนวณไว้อย่างสงบ มีเพียงแต่เสียงพวกเขาที่กำลังเดินอยู่เท่านั้นที่ดังอยู่ในตอนนี้ เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องไปรอบๆ

“แล้วนายจะตอบฉันแค่ไหน ถ้าฉันถามคำถามนาย?”

จู่ๆ ซาบริน่าก็ถามขณะที่พวกเธอกำลังเดินอยู่

“ขึ้นอยู่กับว่าฉันอยากตอบแค่ไหนหล่ะนะ”

ออสตินตอบ 

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็เริ่มถามขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่ดูเหมือนนายจะหายตัวไป?”

เธอถาม

“ฉันออกเดินทางไปทั่วหน่ะ”

“งั้นข่าวลือที่ว่าเธอถูกทิ้งไปเพราะไม่มีพรสวรรค์ก็เป็นเรื่องโกหกใช่ไหม?”

เธอถามต่อ

“ใช่”

เขายืนยัน

“พวกราชวงศ์สินะ?”

“แน่นอน”

ด้วยการตอบในทันทีของเขา ทำให้เธอพยักหน้าด้วยท่าทางคิดถึง

“ตอนนั้น”

เธอพูดขึ้นมา

“มันแย่ที่สุดเลยใช่ไหมหล่ะ?”

ออสตินพูดขึ้นมา

“เลือด….”

“อ่า มันเจ็บปวด แล้วทำไมนายต้องซ่อนพลังทั้งหมดนั้นไว้ด้วยหล่ะ?”

“ทำไมต้องซ่อนพลังทั้งหมดของเธอเอาหล่ะ?”

คำถามที่เขาถามกลับทำให้เธอเงียบไป และขณะที่เธอกำลังจะตอบ ทั้ง 2 ก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ด้านหน้า 

อุโมงค์ที่เหมือนเส้นตรงที่ไม่มีวันสิ้นสุดทั้ง ข้างหน้าและข้างหลังก็มืดมิด 

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไปเส้นทางข้างหน้าก็สว่างขึ้นมา

“เลือด….”

เสียงแหบห้าวร้องออกมา เสียงนั้นฟังดูแหบแห้งและแตก ก่อนที่ในไม่ช้าจะมีเอลฟ์ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ทำให้ซาบริน่าต้องเบิกตากว้าง

เอลฟ์ตนนั้นมีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนกับเอลฟ์คนอื่นๆ ความแตกต่างที่สำคัญคือเอลฟ์คนนี้มีสี่ขาเหมือนสัตว์ร้าย ร่างกายของมันเหมือนโครงกระดูก ในขณะที่ดวงตาที่เต้นเป็นเลือดสองดวงสแกนพวกเขาจากช่องว่างของผมสีแดงขนาดใหญ่ที่ปกคลุม ใบหน้า 

ร่างกายของมันแทบจะไม่มีสิ่งปกคลุมใดๆ ในขณะที่เส้นเลือดแดงที่สูบฉีดสามารถมองเห็นได้ทั่วร่างกาย

และสิ่งสำคัญเกี่ยวกับเอลฟ์ก็คือมันน่าเกลียด…

ช่ายยย มันดูน่าเกลียดมาก ฟันสีแดงเห่าใส่พวกเขาราวกับว่ามันเป็นสัตว์บางชนิด

“เอ่อออ…แปลกใหม่ดีนะ”

ออสตินพูดขณะที่เขาจ้องมองสิ่งน่ารังเกียจที่มองพวกเขาด้วยเจตนาฆ่า เมื่อมองไปด้านข้างของเขา ออสตินก็เห็นว่าซาบริน่าเองก็กำลังตกตะลึงอยู่เช่นกัน

กรรรร!

เสียงคำรามดังลั่นออกจากปากขณะที่เอลฟ์หรือสัตว์ร้ายตนนั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา โดยที่ในมือของมันมีกริชสีแดงเล็กๆ ที่กำลังเล็งฟันไปที่ออสติน 

ออสตินตอบโต้ไปแบบเรียบง่ายโดยการยกมือขึ้นด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่เอลฟ์จะตอบสนองได้ทันและจับคอของมันได้ 

ร่างของมันถูกตรึงไว้ทันที ทำให้สิ่งเดียวที่มันทำได้คือการเตะขาไปรอบๆ และข่วนมือของออสติน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

แกร่ก!

เสียงของคอที่ถูกหักดังขึ้นมาก่อนที่เอลฟ์ตนนั้นจะได้หายใจเข้าเฮือกสุดท้าย 

ออสตินคลายมือก่อนจะปล่อยให้ร่างของเอลฟ์ล่วงลงกับพื้น และในตอนนั้นเองกริชของมันก็ดูเหมือนจะสูญเสียสถานะจนกลายเป็นของเหลวไป

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต