บทที่ 374 ยาทาลบรอยแผลเป็น
“อาจารย์ศึกษาค้นคว้าสำเร็จแล้วหรือขอรับ?” เมื่อมาถึงหน้าบ้านของอาจารย์ปรุงยาหลี่ อู๋ฝานก็อดไม่ได้ที่จะต้องตะโกนถาม
อาจารย์ปรุงยาหลี่เปิดประตูบ้านออกมา และเห็นท่าทีกระตือรือร้นของอู๋ฝาน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ก็แค่ยาน้ำธรรมดาใช้ลบรอยแผลเป็น ไม่ใช่สูตรยาลับอะไรแม้แต่น้อย ของแค่นี้ไม่คณามือข้าหรอก เจ้าเองก็เป็นถึงอาจารย์ปรุงยาระดับสูง ทั้งยังเป็นศิษย์ของข้า กับของแค่นี้ทำตัวเหมือนเจอของแปลกใหม่ไปได้”
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ปรุงยาหลี่ไม่ทราบเรื่องที่อู๋ฝานครอบครองจี้หยกกระเรียนขาวที่ช่วยเพิ่มทักษะการใช้ชีวิต
“ขอรับ อาจารย์สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ภายหน้าศิษย์จะสำรวมกว่านี้ขอรับ” ต่อหน้าอาจารย์ปรุงยาหลี่ อู๋ฝานไม่กล้าโต้แย้ง เพราะกังวลว่าอีกฝ่ายอาจจะเปลี่ยนใจ “อาจารย์ สูตรเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? แล้วผลลัพธ์ล่ะขอรับ?”
“สูตรอยู่นี่” อาจารย์ปรุงยาหลี่หยิบกระดาษใบหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะแล้วส่งให้อู๋ฝาน จากนั้นก็หยิบขวดใบเล็ก ๆ ตามขึ้นมา “นี่คือยาทาลบรอยแผลเป็นที่ทำสำเร็จแล้ว ส่วนจะได้ผลอย่างไร เจ้าไปทดลองด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
“ยาทาลบรอยแผลเป็น?” อู๋ฝานทวนคำพร้อมรับขวดเอาไว้
“ใช่ ไม่ใช่ยาน้ำทุกชนิดจะต้องส่งเข้าปาก โดยเฉพาะกับพวกที่ต้องใช้กับอาการบาดเจ็บภายนอก การส่งตัวยาตรงเข้าไปจากภายนอกจะให้ผลที่ดีกว่า” อาจารย์ปรุงยาหลี่ตอบกลับ “ยาทาลบรอยแผลเป็นของข้ามีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูง ใช้วันละครั้งต่อเนื่องสามวัน ก็น่าจะกำจัดรอยแผลเป็นได้หมด”
“หมดเลยหรือขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ใช่ หมด” อาจารย์ปรุงยาหลี่ยืนยันอีกครั้ง “ผิวส่วนที่ไม่เคยมีรอยแผลกับส่วนที่เคยมีรอยแผล จะเป็นเนื้อเดียวกันจนแยกไม่ออก”
“อาจารย์ขอรับ ศิษย์ขอยกนิ้วให้ ท่านเป็นสุดยอดอาจารย์จริง ๆ!” อู๋ฝานยกนิ้วโป้งให้อาจารย์ปรุงยาหลี่
“ก็แค่ของงั้น ๆ” หลังถูกอู๋ฝานชื่นชมจนออกนอกหน้า อาจารย์ปรุงยาหลี่ก็ยิ้มแย้มออกมา
อู๋ฝานร้อนใจคิดอยากทดสอบผลลัพธ์ของยาทาลบรอยแผลเป็นขวดนี้ ดังนั้นจึงเตรียมเทเลพอร์ตกลับ ทว่าขณะกำลังจะเดินกลับ อาจารย์ปรุงยาหลี่กลับเรียกเอาไว้ “จะว่าไปแล้ว ตอนที่ข้าศึกษาสูตรยาทาลบรอยแผลเป็นนี่ ก็บังเอิญสกัดยาน้ำที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ ไม่รู้ว่าเจ้าจะอยากเอาไปใช้ด้วยหรือไม่”
“ขอรับ ข้าขอนะขอรับ!” อู๋ฝานรีบหันกลับมาตอบรับโดยไม่ลังเล เรียกได้ว่าแทบจะหมุนตัวผมสะบัดโดนหน้าอาจารย์ปรุงยาหลี่ ชายหนุ่มรับสูตรจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เรื่องนี้เกินกว่าที่คิด แค่สอบถามยาลบรอยแผลเป็นจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ อีกฝ่ายกลับบังเอิญเสนอรายการหนึ่งแถมหนึ่งมาเสียได้ สำหรับยาทั้งสองที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมานี้ ต่อให้อู๋ฝานไม่ได้รักสวยรักงามเช่นสตรี เขาก็ยังทราบดีว่ามันมีมูลค่าต่อเหล่าสตรีเช่นไร เพราะเพศหญิงมักรักสวยรักงามเป็นธรรมชาติ ยาวิเศษที่ทำให้ผิวกายขาวผ่องสักเล็กน้อยได้ ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจ
ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรน่ะหรือ ยาที่ตัวตนระดับปรมาจารย์ปรุงยาคิดขึ้นมาด้วยตัวเอง มีหรือจะให้สรรพคุณเลวร้าย?
“อาจารย์ขอรับ ข้าออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ป่ามา ครั้งนี้ได้รับสมุนไพรที่ดีมาไม่น้อย” อู๋ฝานเริ่มนำเอาสมุนไพรบางส่วนออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะเริ่มวางพวกมันลงบนโต๊ะของอาจารย์ปรุงยาหลี่ “สมุนไพรเหล่านี้ให้อาจารย์ขอรับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายตอบแทนสูตรยาทั้งสอง”
อาจารย์ปรุงยาหลี่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่อู๋ฝานนำออกมา ก็พบว่าพวกมันคือสมุนไพรระดับสูงทั้งสิ้น เขาถึงกับต้องโพล่งถามออกมา “เจ้าไปหาสมุนไพรระดับสูงเหล่านี้มาจากที่ใด? แล้วนี่เจ้าเก็บสมุนไพรมีค่าเหล่านี้ไว้ในอกเสื้ออย่างไร้ความระวังงั้นหรือ? หากมันเสียหายไปจะทำยังไง? เจ้าเป็นถึงอาจารย์ปรุงยาระดับสูง ควรใส่ใจเรื่องการเก็บรักษากว่านี้หรือไม่?”
“ขอรับ ภายหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้” อาจารย์ปรุงยาหลี่เตือนด้วยความหวังดี อู๋ฝานจึงไม่คิดโต้แย้ง แต่อันที่จริงแล้ว ใต้อกเสื้อของเขานั้นเป็นแค่ฉากบังหน้า เพราะสมุนไพรเหล่านี้ถูกเก็บเอาไว้ที่กระเป๋าหลัง ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น
“อาจารย์ สมุนไพรเหล่านี้ที่ข้าเก็บมา พวกมันใช้ได้หรือไม่ขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่เลว ดีทุกต้น” อาจารย์ปรุงยาหลี่พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ
“เช่นนั้นก็คงพอจ่ายค่าสูตรยาทั้งสองได้ใช่หรือไม่ขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามต่อ
“พอ มากเกินพอ! ก็แค่สูตรยาทั่วไปสองสูตร มูลค่าของสมุนไพรระดับสูงเหล่านี้เกินกว่าสูตรทั้งสองนั้นไปมากแล้ว” เมื่ออาจารย์ปรุงยาหลี่กล่าวถึงตรงนี้ ก็รู้สึกกระดากใจขึ้นมา “จะว่าไปแล้ว เหมือนข้ากำลังเอาเปรียบศิษย์เช่นเจ้า”
“หามิได้ขอรับ ถือเสียว่าเป็นหน้าที่ของศิษย์ที่ต้องตอบแทนอาจารย์” อู๋ฝานยิ้มรับ
อาจารย์ปรุงยาหลี่ไม่ทราบถึงมูลค่าของสูตรยาทั้งสอง เพราะมองว่าพวกมันไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งอะไรแม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเพียงแค่สูตรยาทั่วไปสองชนิด แต่สำหรับอู๋ฝานนั้นไม่ใช่ เขาทราบดีว่าสูตรยาทั้งสองมีมูลค่าเสียยิ่งกว่าสมุนไพรระดับสูงเหล่านี้ กับโลกแห่งความเป็นจริง สูตรยาเหล่านี้มีค่าเสียยิ่งกว่าสูตรยาชูกำลังด้วยซ้ำ
อาจารย์ปรุงยาหลี่รู้สึกว่าตนเองกำลังเอาเปรียบลูกศิษย์ ขณะที่อู๋ฝานรู้ดีแก่ใจว่าคนที่เอาเปรียบอีกฝ่ายคือตนเอง
ด้วยสูตรยาที่เพิ่งได้รับมา ชายหนุ่มไม่อาจอดใจรอที่จะทดสอบสรรพคุณของพวกมันได้ ดังนั้นจึงรีบจากไปพร้อมสูตรยาทั้งสองด้วยใจเริงร่า
อาจารย์ปรุงยาหลี่มองอู๋ฝานที่เดินจากไป แล้วพลางพึมพำเสียงเบา “ก็แค่สูตรยาธรรมดาสองสูตร ดีใจอะไรขนาดนั้น?”
ขณะอู๋ฝานกลับจากบ้านของอาจารย์ปรุงยาหลี่ เขายังแวะไปหาลั่วเยวี่ย พร้อมกับส่งยาทาลบรอยแผลเป็นให้นาง “ทายาน้ำนี่ลงบนรอยแผลเป็น”
การต่อสู้กับพยัคฆ์ทะยานเมฆครั้งก่อน ลั่วเยวี่ยได้รับบาดเจ็บหนัก แม้จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ร่างกายก็มีรอยแผลเป็น อู๋ฝานที่กำลังคิดหาใครสักคนทดสอบผลลัพธ์เพื่อความแน่ใจ เด็กหญิงจึงเป็นตัวอย่างทดลองอันเหมาะสม
ลั่วเยวี่ยที่ได้ฟังคำพูดของอู๋ฝานหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงรับขวดที่บรรจุยาทาลบรอยแผลเป็นออกมา หลังลังเลไปครู่หนึ่ง นางก็เลิกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องขาวสะอาดนวลเนียน
อู๋ฝานตระหนักว่าตำแหน่งบาดแผลของลั่วเยวี่ยคือบริเวณส่วนบนของหน้าท้อง หากคิดทายาก็จำเป็นต้องถอดเสื้อหรือเลิกชายเสื้อขึ้นสูง
ครั้งแรกที่อู๋ฝานได้พบกับลั่วเยวี่ย อีกฝ่ายยังเป็นเด็กน้อยหิวโหยเพราะไม่มีอาหารประทังชีวิต ร่างกายผ่ายผอม ใบหน้าซูบซีด รูปลักษณ์ดูขาดสารอาหารอย่างรุนแรง หลังมาเยือนหมู่บ้านเร้นลับ นางก็ได้รับการบำรุงเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ร่างกายจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง มีน้ำมีนวลมากขึ้น ผิวที่เคยหมองคล้ำ ก็ได้รับการดูแลทำความสะอาดประหนึ่งหยกขาว ความงามนี้ถึงขั้นทำให้อู๋ฝานที่ได้เห็นต้องรู้สึกกระดากใจเสียด้วยซ้ำ
“แค่ก! แค่ก!” อู๋ฝานกระแอมไอแก้เขินเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังหลบเลี่ยง ทว่าหัวใจยังคงเต้นรัว ราวกับตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงเข้าให้ แม้รู้สึกผิด แต่เขาก็ยังอยากพิสูจน์สรรพคุณของยา
แม้ลั่วเยวี่ยจะเขินอายไปบ้าง แต่ก็หาได้ปฏิเสธคำขอของอู๋ฝาน กระทั่งไม่ขอให้หันหน้าหลบเสียด้วยซ้ำ เด็กหญิงแค่หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยขณะเริ่มทายาลบรอยแผลเป็นลงบนแผลเป็น
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” อู๋ฝานอดไม่ได้จนต้องถามออกมา
“ค่อนข้างเย็นเจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยตอบรับ
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่มีเจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยส่ายศีรษะ
เมื่ออู๋ฝานได้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ของลั่วเยวี่ย ความเขินอายในใจก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น มันกลายเป็นความปวดใจแทน เพราะอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก แต่กลับต้องเผชิญอาการบาดเจ็บอันสาหัสเพราะต้องการปกป้องผู้เป็นนายเอาไว้ กระทั่งรอดพ้นมาได้ นางก็ยังไม่เคยพร่ำบ่นแม้แต่ครึ่งคำ เขาจะยังไปคิดอะไรอื่นได้อีก?