การออกไปของผู้ช่วยเฉียวทำให้มุมปากพันเอกคนนั้นยกขึ้น แววตามีความเยาะหยันพาดผ่าน นายพลพูดแล้วว่านี่เป็นคำสั่ง แต่ผู้ช่วยเฉียวคนนี้ยังไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้ ดูท่าหลังจากกลับไปแล้ว ผู้ช่วยเฉียวน่าจะต้องออกจากงานแล้ว เขาเดินไปที่ตำแหน่ง JMC มอง JMC ที่ทำงานบอกทางเป็นอย่างดี นายพลขับ Belief ส่งตัวออกไปจากยานรบอย่างรวดเร็วราวกับแสงพุ่ง พริบตาเดียวก็ผ่านน่านฟ้าอวกาศบินไปยังดาวซินสิง ไม่กี่วินาทีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง…
และในหน้าจอเหลือเพียงผู้ช่วยเฉียวที่ก้มหน้าท้อแท้ใจ
“พันเอก ตอนนี้เราควรทำยังไงดีครับ?” ในฐานะที่เขามียศสูงสุดต่อจากนายพล เดิมทีเขาก็คือหัวหน้าทีมการประเมินที่แท้จริง ทหารคนอื่นๆ ต้องสอบถามความเห็นของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทำยังไง? แน่นอนว่าต้องตามนายพลไปที่ดาวซินสิงสิ อีกอย่าง ส่งหนังสือรายงานให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของสหพันธรัฐด้วยว่าดาวซินสิงอยู่ในอันตราย” พันเอกเอ่ยปากสั่งการ พวกเขาไม่อาจให้นายพลต่อสู้ตามลำพัง จำเป็นต้องให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักรีบจัดกองยานรบที่แข็งแกร่งมาช่วยเหลือนายพลให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าเขามีความเชื่อมั่นในตัวนายพล แต่รับประกันความปลอดภัยไว้หน่อยย่อมเป็นเรื่องดี
คำพูดของพันเอกทำให้ทหารคนอื่นๆ บนยานรบเห็นพ้องมาก ดังนั้นยานรบจึงรีบส่งหนังสือรายงานให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของสหพันธรัฐ ในเวลาเดียวกันก็เปลี่ยนทิศทางแล่นตามหุ่นรบของหลิงเซียวไปที่ดาวซินสิงอย่างรวดเร็ว…
……
หลังจากที่หลิงหลานพาสมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่หนึ่งร้อยกว่าคนรีบมุ่งหน้าไปได้สิบกว่านาที ในที่สุดก็มาถึงคลังเก็บหุ่นรบส่วนตัวของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ในคลังเก็บหุ่นรบต่างๆ นานาที่มีระดับแตกต่างกันไว้ ให้นักเรียนใช้ฝึกฝนบังคับของจริงในโรงเรียนทหาร โดยปกติแล้วหุ่นรบเหล่านี้จะถูกล็อกไว้ในคลังและไม่อนุญาตให้นักเรียนแตะต้องง่ายๆ
“ลูกพี่ ประตูคลังเก็บของถูกทำลายจนเปิดออกแล้ว มีคนเข้ามาก่อนพวกเราแล้ว” ในฐานะที่เป็นแนวหน้าของทีม ฉีหลงพาคนอื่นๆ ในทีมหลิงหลานขึ้นนำไปก่อนเป็นแนวหน้าให้กับกลุ่มนักเรียนใหม่ พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่สัมผัสประตูคลังเก็บหุ่นรบ ก่อนจะสังเกตเห็นทันทีว่ากลอนของประตูที่เดิมทีควรปิดสนิทได้ขัดข้องแล้ว อยู่ในสภาพกึ่งปิด เมื่อเห็นดังนั้น ฉีหลงจึงรีบวิ่งกลับมาหาหลิงหลานที่รักษาการณ์อยู่ตรงกลางแล้วบอกเรื่องนี้ให้เธอฟัง
หลิงหลานได้ยินก็อึ้งไป คิ้วขมวดเล็กน้อย เอ่ยในใจว่า ‘หรือว่ามีคนเลือกวิธีการเหมือนเธอ? ’
สาเหตุที่หลิงหลานคาดเดาแบบนี้เป็นเพราะว่าหุ่นรบในคลังเก็บหุ่นรบเป็นหุ่นรบฝึกหัดของนักเรียน ไม่ใช่หุ่นรบตามมาตรฐาน อาวุธอุปกรณ์ด้านในเป็นเพียงพวกของทั่วไป อานุภาพน้อยกว่าหุ่นรบมาตรฐานมากนัก ปกติแล้วทหารทั่วไปจะไม่เลือกหุ่นรบในคลังโรงเรียนทหารไปสู้รบจริง และพวกอาจารย์ของโรงเรียนทหารมีหุ่นรบส่วนตัว และไม่มีทางมาหยิบที่นี่ได้ คนที่มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวในการมาที่นี่แล้วเลือกหุ่นรบไปก็มีเพียงนักเรียนในโรงเรียนทหารเท่านั้น
ในใจหลิงหลานอดเกิดอยากรู้เกี่ยวกับนักเรียนที่เลือกเหมือนกันกับเธอไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพมาจากไหน ถ้าเกิดสามารถเป็นเพื่อนกันได้ หลิงหลานก็ไม่ถือสาที่จะรู้จักเพื่อนนักเรียนที่มีอุดมการณ์เดียวกันคนนี้
เนื่องจากเธอไม่รู้สถานการณ์ด้านในคลังที่แน่ชัด และกลัวว่าจะทำให้คนที่เข้ามาก่อนเข้าใจผิด หลิงหลานจึงสั่งให้พวกหัวหน้าทีมสั่งการลงไปว่า ในตอนที่เข้าไปในคลัง อย่าเอะอะ พยายามรักษาความเงียบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประตูคลังถูกพวกเขาหลายคนใช้แรงดันให้เปิดออก จากนั้นกลุ่มนักเรียนใหม่ก็เริ่มเข้าไปข้างในอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเข้าไปในคลัง ก็เห็นหุ่นรบเหล็กกล้าสูงใหญ่น่าเกรงขามนับไม่ถ้วนยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขา ในใจทุกคนอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็สัมผัสและควบคุมอาวุธต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่พวกนี้ได้แล้ว
หลิงหลานมองหุ่นรบที่อยู่ด้านหน้าสุดในคลังก่อนจะพบว่า พวกมันล้วนเป็นหุ่นรบฝึกหัดสามประเภทหลัก นอกจากอาวุธเย็นที่จำเป็นแล้ว หุ่นรบฝึกหัดไม่มีติดตั้งอาวุธร้อนโจมตีระยะไกลเลย หลิงหลานทิ้งหุ่นรบพวกนี้ไปโดยไม่ลังเล หุ่นรบฝึกหัดที่เห็นได้ชัดว่าเป็นโดรนแบบนี้ออกไปก็คือส่งตัวเองไปตาย เธอส่งสัญญาณให้คนของกลุ่มนักเรียนใหม่มุ่งหน้าตามเธอไป
เนื่องจากเธอทำการตรวจสอบล่วงหน้าแล้ว ในใจหลิงหลานจึงรู้ดีว่า การควบคุมหุ่นรบในโลกเสมือนจริงที่บรรดาสมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่ที่ตามเธอมาอยู่ในระดับอะไร ผู้ควบคุมหุ่นรบฝึกหัดรวมถึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต่ำพวกนั้นถูกเธอคัดออกไปแล้ว คนที่เหลือคือผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางขึ้นไป
ไม่ใช่หลิงหลานดูถูกนักเรียนระดับต่ำเหล่านั้น หากแต่เพราะว่าความสามารถในการต่อสู้ของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต่ำอ่อนด้อยมากเกินไปในการสู้รบของจริง อัตราการบาดเจ็บล้มตายก็สูงถึง 80% ถึงแม้คนที่รอดชีวิตมาได้ 20% อนาคตอาจกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในด้านหนึ่ง แต่นี่ต้องรอดชีวิตมาให้ได้
หลิงหลานคิดว่าการพลีชีพที่ไม่จำเป็นคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ไว้รอให้ระดับการควบคุมของนักเรียนเหล่านี้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นก่อน พวกเขาไปต่อสู้อีกที คนที่รอดชีวิตก็จะเพิ่มมากขึ้น อนาคตก็จะสวยงามมากเหมือนกัน
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเขา หลิงหลานจึงคัดผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต่ำเหล่านี้ออก เหลือเพียงสมาชิกที่เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางขึ้นไป นี่ก็คือสาเหตุที่กลุ่มนักเรียนหมดไปทีเดียวสองร้อยกว่าคน ผู้ควบคุมที่สามารถเข้าสู่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องเป็นพวกที่มีจิตใจโดดเด่นความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไป ขอเพียงได้รับการเจิมน้ำมนต์ของสงคราม คนเหล่านี้ย่อมเติบโตไวมากขึ้น!
ภายในคลังเก็บหุ่นรบมืดสนิทและเงียบงัน ไม่เห็นเงาคนที่เข้ามาก่อนหน้าเลย เมื่อคนแรกย่างเข้าไปในคลังเก็บหุ่นรบ ไฟเซนเซอร์ก็สว่างขึ้นอัตโนมัติ คลังเก็บหุ่นรบที่เดิมทีมืดสนิทพลันเปลี่ยนเป็นส่องสว่างอย่างหาใดเปรียบ
แม้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะทำให้นักเรียนบางคนที่ไม่ได้เตรียมใจสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แต่พวกเขาก็จดจำคำสั่งของหลิงหลานไว้มั่น ไม่ได้ส่งเสียงตกใจอะไรออกมา เมื่อมองไปที่เพื่อนข้างกายที่ยังคงสงบนิ่ง เขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว คลังเก็บหุ่นรบกว้างมาก ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเป็นระเบียบของกลุ่มนักเรียนใหม่เท่านั้น
หลิงหลานเดินนำหน้าอย่างรีบเร่งไปได้สามนาทีก็ผ่านเขตหุ่นรบระดับต่ำ แล้วก็มาถึงเขตหุ่นรบระดับกลางอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นอาวุธระยะประชิดกับระยะไกลหลายแบบมากกว่าหุ่นรบอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน หลิงหลานค่อยหยุดฝีเท้าลงด้วยความพึงพอใจในที่สุด
“พวกเพื่อนๆ ที่ไปถึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางในโลกหุ่นรบ โปรดเลือกหุ่นรบที่ตัวเองคุ้นเคย” หลิงหลานมองเวลาในอุปกรณ์สื่อสารแล้วสั่งต่อทันทีว่า “จำไว้ว่า พวกนายมีเวลาทำความคุ้นเคยหุ่นรบแค่สิบนาที เมื่อถึงเวลาให้หัวหน้าทีมของตัวเองพาออกไป อีกอย่าง ถ้าเห็นศัตรูต้องรักษาความเยือกเย็นไว้ ต้องใส่ใจการร่วมมือกัน อย่าหุนหันพุ่งไปคนเดียว นอกจากนี้พยายามรอดชีวิตกลับมาพบฉันให้ได้!”
“ครับ หัวหน้ากลุ่ม!” คำพูดของหลิงหลานดังก้องทรงพลังเป็นพิเศษท่ามกลางคลังเก็บของที่เงียบสงัด ทำให้นักเรียนเกือบแปดสิบคนรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง พวกเขาตอบรับเสียงดัง
หลิงหลานโบกมือขวาครั้งเดียว คนเหล่านีรีบขึ้นไปบนหุ่นรบที่พวกเขาหมายตาไว้ นั่นเป็นหุ่นรบที่พวกเขาบังคับในโลกหุ่นรบมาตลอดจนคุ้นเคยอย่างหาใดเทียบเคียง แน่นอนว่าหุ่นรบในโลกหุ่นรบกับหุ่นรบของจริงย่อมแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วยังคงเหมือนกัน การทำความคุ้นเคยไม่ใช่เรื่องยากมากเลย นี่ก็คือเหตุผลที่หลิงหลานให้พวกเขาทำความคุ้นเคยสิบนาที
แน่นอนว่า ไม่มีคนไปเลือกหุ่นรบที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนต่างรู้ดีว่า ต่อให้มีหุ่นรบที่ดีกว่าหุ่นรบที่พวกเขาบังคับ พวกเขาก็ไม่เลือกไม่ได้ เพราะว่ามีเพียงหุ่นรบที่ตัวเองคุ้นเคยเท่านั้นถึงจะสามารถแสดงพลังรบของหุ่นรบออกมาได้ทั้งหมด และนี่เป็นกุญแจสำคัญที่เกี่ยวพันว่าพวกเขาจะเอาชีวิตรอดในสนามรบได้หรือไม่
เดิมทีนักเรียนที่สามารถเข้าสู่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือก็เป็นเด็กที่โดดเด่นเหนือใคร และคนที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้ก็ยิ่งเป็นกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากในนั้น พวกเขาไม่ขาดแคลนทั้งสติปัญญาและความเยือกเย็น ดังนั้นจึงรู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร
เมื่อเห็นคนเหล่านี้เริ่มยุ่งกับการทำความคุ้นเคยหุ่นรบของตัวเอง หลิงหลานก็ลอบพยักหน้า เธอหันหน้ามองไปทางเพื่อนๆ ที่ยังคงอยู่ข้างกายแวบหนึ่ง มีเพียงสามสิบห้าคนเท่านั้น นอกจากลูกทีมเจ็ดคนของทีมเธอแล้ว ยังมีอีกยี่สิบแปดคน ยี่สิบเอ็ดคนจากในนั้นคือหัวหน้าทีมต่างๆ ของกลุ่มนักเรียนใหม่
อย่างที่คิดไว้เลย คนที่สามารถกลายเป็นหัวหน้าทีมได้ต่างเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุด ในหมู่ยี่สิบเจ็ดทีมของกลุ่มนักเรียนใหม่ มีเพียงหัวหน้าทีมหกคนที่ยังไปไม่ถึงระดับนี้ และผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงหกคนที่เหลือ สี่คนคือลูกทีมของอู่จย่ง รวมเยี่ยซวี่อยู่ในนั้น ส่วนอีกสามคนก็เป็นลูกทีมของหลี่อิงเจี๋ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสามารถของลูกทีมอู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยแข็งแกร่งกว่าทีมอื่นๆ อย่างชัดเจน
หลิงหลานลอบยอมรับความสามารถของทีมอู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ย แต่เธอไม่รู้ว่าในสายตาของลูกทีมอู่จย่งกับทีมหลี่อิงเจี๋ย ทีมหลิงหลานแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นเจ็ดคนที่ตามหลังหลิงหลานมาติดๆ เดินไปยังเขตหุ่นรบระดับสูงด้วยกัน สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่ได้ แววตาเผยร่องรอยความประหลาดใจและชื่นชม พวกเขาย่อมประหลาดใจที่ลูกทีมหลิงหลานไปถึงระดับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงกันหมดแล้ว (ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เรื่องสามคนที่เข้ามาใหม่ คิดว่าทีมหลิงหลานยังคงเป็นหกคนเหมือนที่ผ่านมา) ในขณะเดียวกันก็ยอมรับอย่างสุดจิตสุดใจว่า ลูกพี่หลานสมกับเป็นลูกพี่หลานจริงๆ ลูกทีมใต้บังคับบัญชาก็แข็งแกร่งมากเหลือเกิน คิดๆ ดูแล้วก็เข้าใจได้ ลูกพี่หลานแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าหากสมาชิกทีมอ่อนแอ แล้วพวกเขามีคุณสมบัติอะไรมาติดตามเขากันอีกล่ะ?
หลิงหลานพานักเรียนสามสิบห้าคนเข้าไปในเขตหุ่นรบระดับสูงเช่นนี้เอง เวลาผ่านไปอีกสองนาที หลิงหลานให้ลูกทีมที่เหลือรีบขึ้นไปบนหุ่นรบ และเวลาทำความคุ้นเคยหุ่นรบก็เปลี่ยนเป็นแปดนาที เนื่องจากพวกเขาต้องไปรวมกลุ่มกับพวกลูกทีมที่เขตระดับกลาง เวลาทำความคุ้นเคยจึงต้องลดตามไปด้วยเพราะว่าเสียเวลาไปสองนาทีแล้ว แต่คนที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงได้ต่างเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบ เวลาแปดนาทีในการทำความคุ้นเคยหุ่นรบจริงย่อมไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่มอบหมายทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว หลิงหลานก็สั่งเสี่ยวซื่อให้ติดต่ออู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ย บอกเขตที่พวกเขาต้องมา และส่งพิกัดในคลังให้อีกฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเสียเวลา อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องทำความคุ้นเคยหุ่นรบ หากสามารถเพิ่มเวลาทำความคุ้นเคยได้หนึ่งวินาทีก็เพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้หนึ่งส่วน
โชคดีที่ทิศทางของสถานที่ป้องกันการโจมตีทางอากาศเป็นทางเดียวกับคลังเก็บหุ่นรบโดยประมาณ เพียงแต่เลี้ยวกันคนละมุม อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยไปก่อนหนึ่งก้าว เลยไม่ได้ชักช้ามากนัก จากคำตอบของพวกเขา พวกเขาเพิ่งจะมาถึงคลัง ดูจากความรีบเร่งในการเดินทางของพวกเขา สามนาทีก็ควรจะมาถึงได้แล้ว
หลิงหลานคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง จากความสามารถของอู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ย อาศัยเวลาห้านาทีเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับหุ่นรบระดับสูง เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็วางใจ บอกกับคนของทีมตัวเองว่า เธอเตรียมตัวไปยังห้องลับที่เสี่ยวซื่อค้นพบคนเดียว ที่นั่นยังอยู่ลึกเข้าไปด้านในอีก อยู่ในสุดของเขตหุ่นรบระดับสูง ด้านนอกดูเหมือนกับสุดทางแล้ว แต่ความจริงด้านหลังกำแพงนั้นแตกต่างราวกับคนละโลก
—————————-