หลิงหลานสงสัยใคร่รู้ขนาดนี้เป็นเพราะว่าตลอดทางที่มา เธอไม่พบเพื่อนนักเรียน (กลุ่ม) ที่มีอุดมการณ์เดียวกับเธอและเข้ามาก่อนหน้าเธอหนึ่งก้าวเลย ในคลังไม่พบเงาคนและก็ไม่พบร่องรอยหุ่นรบที่ถูกขับออกไป หลิงหลานคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะอยู่ด้านใน
หลิงหลานอยากรู้มากๆ ว่าการที่อีกฝ่ายเพิกเฉยหุ่นรบระดับสูงเหล่านี้ แต่ว่าเลือกเข้าไปในห้องลับแห่งนั้นเป็นเพราะในห้องลับนั้นซ่อนความลับอะไรไว้หรือเปล่า? หรือว่าด้านในจะมีหุ่นรบระดับพิเศษหรือว่าตัวตนที่ระดับสูงยิ่งกว่านั้น?
ถึงแม้หลิงหลานรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่โรงเรียนทหารจะครอบครองอาวุธต่อสู้อันน่ากลัวอย่างหุ่นรบไพ่ราชา แต่หลิงหลานที่ถูกความสงสัยดึงดูดอยากเห็นมากๆ ว่าด้านในนั้นมีอะไรกันแน่
หลิงหลานปลดผนึกความเร็วทั้งหมดของเธอเพราะว่าอยู่ตัวคนเดียว ถ้าหากมีคนอยู่ด้านข้างก็อาจรู้สึกได้ว่าร่างกายของหลิงหลานรวดเร็วราวกับสายลมหอบหนึ่ง สายตาของคนธรรมดาไม่อาจตามความเร็วของเธอทัน รู้สึกได้เพียงเบื้องหน้าเงาดำพุ่งผ่าน วินาทีถัดมาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
หลิงหลานมาถึงปลายสุดของคลังเก็บของอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือกำแพงที่กว้างขวาง คนทั่วไปมาถึงที่นี่ก็คิดว่ามาถึงทางตันแล้ว จะต้องหันหลังกลับไป หลิงหลานกลับเดินขึ้นหน้าแล้วแตะกำแพง หลังจากนั้นก็เห็นเธองอขาสองข้างเป็นท่าม้า จากนั้นก็ให้ปราณจมลงไปที่จุดตันเถียน สองมือใช้แรงเคลื่อนไปที่ด้านขวา แขนที่เผยออกมาจากแขนเสื้อเผยเส้นเลือดหลายเส้นที่ปูดขึ้นมา เห็นได้ว่าหลิงหลานใช้แรงมหาศาล
จากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงดัง แกรกๆ หลายทีของโซ่ที่กระทบกับฟันเฟือง กำแพงสีขาวถูกหลิงหลานฝืนขยับออกไปหนึ่งเมตรกว่า เผยเส้นทางสายหนึ่ง หลิงหลานพุ่งเข้าไปทันที เสียงพรึบดังขึ้น กำแพงสีขาวกลับไปยังที่เดิมอีกครั้ง และกลับคืนสู่กำแพงสีขาวที่ไม่มีร่องรอยใดๆ เลย
“ไม่นึกเลยว่าจะทำลายระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าด้านใน!” หลิงหลานพุ่งไปถึงด้านในเส้นทางแล้วก็พรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง สาเหตุที่เธอใช้แรงผลักขนาดนี้เป็นเพราะว่าคนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ทำลายระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าด้านในเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกคนพบเข้า นี่ทำให้เสี่ยวซื่อไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ ได้แต่อาศัยหลิงหลานใช้กำลังเข้าไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอไปถึงระดับเขตแดนครึ่งก้าวแล้วละก็ คิดจะขยับกำแพงหินทั้งหลังที่หนักแสนกว่าจิน[1]นี้ ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
แต่หลังจากที่เข้าไปในเส้นทางแล้ว ตลอดทางของหลิงหลานกลับเปลี่ยนไปราบรื่นอย่างหาใดเปรียบ เนื่องจากอีกฝ่ายทำลายระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ด่านอุปสรรคบางอย่างจึงไม่ทำงานเช่นกัน หลิงหลานเดินทางอย่างรวดเร็วไปได้หนึ่งนาทีครึ่ง ก็มาถึงปลายสุดของเส้นทาง ประตูเหล็กที่สูงใหญ่ทั้งหนาและหนักบานหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ขณะที่หลิงหลานกำลังคิดจะเร่งฝีเท้าเข้าไปนั้น…
“หัวหน้า พวกเราจะเปิดใช้งานหุ่นรบพวกนี้จริงๆ เหรอ? ถ้าเกิดถูกทีมเฝ้าระวังตรวจตราของโรงเรียนพบเข้า พวกเราจะต้องได้รับโทษหนักแน่ๆ ถึงขนาดที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเลยนะ” เสียงแหลมที่แฝงไปด้วยความกังวลดังลอดจากอีกฟากของประตูเหล็กเข้ามาในหูของหลิงหลานอย่างกระจ่างชัด
เนื่องจากหุ่นรบมีพลังทำลายล้างแข็งแกร่งสุดขีด โรงเรียนทหารจึงคอยควบคุมอย่างเข้มงวดมาก นอกเสียจากจำเป็นต้องควบคุมหุ่นรบของจริงแล้ว โดยปกติจะไม่อนุญาตให้นักเรียนแตะต้องหุ่นรบเป็นการส่วนตัว และตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยากฉวยโอกาสใช้หุ่นรบในตอนที่วุ่นวาย คนที่ขี้ขลาดจึงกระวนกระวายใจอย่างยากจะเลี่ยงได้
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ชะงักเท้าทันที สีหน้าจริงจังขึ้นมา ดูท่าจะไม่ใช่คนหรือกลุ่มคนในจินตนาการเธอ หากแต่เป็นคนที่มีจำนวนคนกลุ่มใหญ่เหมือนเธอ
“จู่ๆ โรงเรียนก็ส่งเสียงเตือนจู่โจมฉุกเฉิน เดิมทีนี่ก็ไม่ปกติแล้ว ฉันให้เสี่ยวเหยียนไปขโมยข้อมูลของกองกำลังภาคพื้นดินเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์…พวกนายก็เห็นข้อมูลกันแล้ว สถานการณ์เคร่งเครียดมาก คาดการณ์ได้เลยว่านี่จะเป็นสงครามครั้งใหญ่ ถ้าเกิดพวกเราไม่บังคับหุ่นรบที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ มีความเป็นไปได้สูงว่า เราจะกลายเป็นเหยื่อของศัตรู นี่เป็นเรื่องที่ฉันไม่มีทางยินยอมเป็นอันขาด” เสียงที่ทรงพลังเย็นชาดังขึ้น น้ำเสียงเฉียบขาดแน่วแน่ ดูเหมือนว่าเขามองผลการต่อสู้ครั้งนี้ของกองกำลังภาคพื้นดินในแง่ร้ายสุดขีด
“เวลานั้นอย่าว่าแต่ทีมเฝ้าระวังตรวจตราของโรงเรียนเลย ขนาดโรงเรียนยังคงอยู่ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” เสียงเย็นชาเอ่ยเสริมขึ้นอีกครั้ง
คำพูดของเขาทำให้คนอื่นๆ เงียบไป ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง และก็ไม่ได้ส่งเสียงเห็นด้วยเช่นกัน ดูท่า กฎที่เข้มงวดของโรงเรียนทหารยังคงทำให้คนมากมายพะว้าพะวงไม่หยุด
ในตอนนี้เอง เสียงที่หยาบกระด้างก็ตวาดด้วยความไม่พอใจว่า “เพราะว่าหัวหน้าเชื่อใจพวกเรา ดังนั้นถึงได้พาพวกเราเข้ามา ที่เขาพูดก็เป็นความจริง พวกนายไม่คิดดูละ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ หัวหน้าก็ต้องแบกความรับผิดชอบหนักมากขึ้น หัวหน้าไม่กลัว พวกนายยังกลัวอะไร? ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากตาย และก็ไม่อยากกลายเป็นเชลยของศัตรูด้วย หัวหน้า ฉันจะทำตามนาย”
เมื่อเสียงนี้กล่าวออกมาก็มีคนไม่น้อยส่งเสียงตอบรับดังลั่น สถานการณ์คึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความกังวลของคนอื่นๆ ถูกกดลงไป หลิงหลานเอ่ยในใจ ‘นี่ถือว่าเป็นการแสดงคู่หรือเปล่า? หรือว่าเชื่อมั่นหัวหน้าคนนั้นจริงๆ?’
“ในเมื่อทุกคนไม่มีความเห็นแล้ว งั้นพวกเราก็รีบขึ้นหุ่นรบโดยเร็วที่สุด อีกสามนาทีให้หลังก็เดินทางจากท่าส่งตัวของที่นี่” เสี่ยงเย็นชาออกคำสั่งทันทีโดยไม่ให้คนเสนอความคิดเห็นอีก
“ได้ หัวหน้า…” ท่ามกลางเสียงตอบรับที่อยู่ด้านข้างนั้น มีเสียงหนึ่งที่โดดออก ได้ยินอีกฝ่ายถามว่า “หัวหน้า นายไม่แจ้งพวกลูกพี่ฮั่วให้ไปด้วยกันเหรอ?”
นี่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจ ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านี้ก็คือกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง หัวหน้าคนนั้นน่าจะเป็นราชันสายฟ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น
ถ้าหากเป็นราชันสายฟ้าคนนั้นจริงๆ ละก็…แววตาของหลิงหลานเย็นเยียบเล็กน้อย ดูเหมือนอนาคตเธอต้องระมัดระวังตอนที่ต่อสู้กับราชันสายฟ้าหน่อยแล้ว ราชันสายฟ้าคนนี้คาดเดาสถานการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำมาก เนื่องจากเธอมีเสี่ยวซื่อยืนยัน ดังนั้นถึงได้กล้าทำขนาดนี้ แต่ราชันสายฟ้ากล้าสั่งให้ลูกน้องขโมยข้อมูลของกองกำลังภาคพื้นดิน ใช้ข้อมูลน้อยนิดมาตัดสินผลการรบที่อาจเป็นไปได้และดำเนินการที่เหมาะสมหลังจากเสียงเตือนภัยเท่านั้น…ต่อให้เป็นหลิงหลาน ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อ เธอก็คงไม่กล้าเด็ดขาดเหมือนกับราชันสายฟ้า บางทีเธออาจยังพิจารณาอีกสักรอบ หลิงหลานสัมผัสได้ถึงความห่างชั้นในการตัดสินสถานการณ์ของเธอกับราชันสายฟ้า เธอยังอ่อนประสบการณ์ไปหน่อย
อย่างที่คิดไว้เลย คนที่สามารถตั้งตนเป็นใหญ่ในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย! แววตาของหลิงหลานฉายความเคร่งขรึมออกมาแวบหนึ่ง ราชันสายฟ้าที่เดิมทีเธอไม่ค่อยให้ความสำคัญถูกเธอทำเครื่องหมายไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
“สิ่งที่เราทำในตอนนี้เป็นเรื่องที่ละเมิดกฎของโรงเรียน แน่นอนว่าคนที่รู้ยิ่งน้อยยิ่งดี พวกเราเป็นคนที่ลูกพี่ไว้วางใจมากที่สุด…ถ้าเกิดบอกคนอื่น เปิดเผยพิรุธออกไปโดยไม่ระวัง ถูกทีมเฝ้าระวังตรวจตราของโรงเรียนรู้เข้า พวกเขาจะต้องมาขวางไว้ เวลานั้นพวกเราจะหยิบหุ่นรบไปไม่ได้เลยสักคน” คนที่ตอบคำกล่าวนี้ไม่ใช่เสียงเย็นชานั้น หากแต่เป็นเสียงหยาบกระด้างที่สนับสนุนลูกพี่คนนั้นมาตั้งแต่แรก
ราชันสายฟ้าไม่ได้อธิบายอะไร ดูเหมือนยอมรับความคิดของเสียงหยาบกระด้างโดยปริยาย….หลิงหลานอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอไม่เห็นด้วยกับวิธีการของราชันสายฟ้า หลิงหลานคิดว่าถ้าหากคนในกลุ่มมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านไม่ได้ ทำได้เพียงอิจฉากันและกัน เช่นนั้นกลุ่มนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงอยู่แล้ว ถ้าเกิดอาลัยอาวรณ์ก็สามารถทำอย่างเด็ดขาดได้ ขับไล่พวกคนในกลุ่มที่คิดว่าไม่เหมาะสมออกไป…หัวหน้ากลุ่มที่ละเลยปล่อยให้ความหวาดระแวงแบบนี้พัฒนาขึ้นในกลุ่ม ในสายตาของหลิงหลาน นี่ย่อมไม่ผ่านคุณสมบัติแน่นอน
คำอธิบายของเสียงหยาบกระด้างน่าจะทำให้ทุกคนยอมรับแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขาอีก ไม่นาน หลิงหลานก็ได้ยินเสียงเปิดใช้งานหุ่นรบจำนวนไม่น้อย หลิงหลานตั้งใจฟังสักพัก เปรียบเทียบกับข้อมูลหุ่นรบที่เสี่ยวซื่อให้มา ตัดสินคร่าวๆ ออกมาว่าหุ่นรบที่คนเหล่านี้เปิดใช้งานล้วนเป็นหุ่นรบระดับพิเศษ
หุ่นรบระดับพิเศษเชียวนะ ถึงแม้ว่าชื่อของมันแค่สูงกว่าหุ่นรบระดับสูงขึ้นมาครึ่งระดับ แต่ครึ่งระดับนี้กลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์หุ่นรบแล้ว แต่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงกลับเป็นได้แค่นักรบหุ่นรบ ถ้าเกิดเข้าไปในกองทัพ ยศทหารของนักรบหุ่นรบชั้นสูงอย่างมากสุดก็อยู่ที่ร้อยเอก แต่ยศทหารของปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษอย่างน้อยที่สุดก็คือพันตรีแล้ว
เมื่อรู้ว่าด้านในประตูเหล็กวางหุ่นรบระดับพิเศษไว้ ในใจหลิงหลานก็ลอบยินดี หากสามารถบังคับหุ่นรบที่ดีขึ้นอีกหน่อย กำลังรบของเธอก็สามารถแสดงออกมาได้มากขึ้น สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่หลิงหลานตื่นเต้นยินดีแล้วก็ไม่ลืมนับจำนวนหุ่นรบหลายตัวที่เปิดใช้งานอย่างเงียบๆ สุดท้ายก็พบว่าคนด้านในมีไม่น้อยเลยจริงๆ น่าจะสิบห้าคน แต่หลิงหลานไม่อาจยืนยันได้ ราชันสายฟ้าคนนั้นก็อยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่า ถึงอย่างไรก็เล่ากันว่า ราชันสายฟ้าเข้าสู่ระดับหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว…หลิงหลานไม่แน่ใจว่าในคลังของโรงเรียนทหารนี้จะมีราชาแห่งการเข่นฆ่าบนสนามรบ…หุ่นรบไพ่ราชาหรือเปล่า
ในตอนนี้เอง หุ่นรบที่มีเสียงแตกต่างจากหุ่นรบตัวอื่นๆ พลันถูกเปิดใช้งานขึ้นมา หลิงหลานได้ยินเสียงนี้ สีหน้าก็ตกตะลึงจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยินดีทันที เนื่องจากเธอฟังออกว่า เสียงเปิดใช้งานหุ่นรบที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่นี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหุ่นรบไพ่ราชา
หรือว่าในคลังของโรงเรียนทหารจะมีหุ่นรบไพ่ราชา ราชาแห่งการเข่นฆ่าของสนามรบอยู่จริงๆ เหรอ? หลิงหลานคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจก็เต้นกระหน่ำโดยพลัน สามารถควบคุมราชาแห่งการเข่นฆ่าบนสนามรบได้ หลิงหลานเองก็ต้านทานความการเย้ายวนใจนี้ไม่ได้เหมือนกัน
หลิงหลานตื่นเต้นได้เพียงพริบตาเดียว แล้วเธอก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มเก็บงำกลิ่นอายของตัวเอง ถึงขนาดที่เปิดใช้พรสวรรค์ เปลี่ยนทั่วทั้งร่างให้เย็นเป็นน้ำแข็ง แทบจะลบอุณหภูมิร่างกายเดิมของเธอ
หลิงหลานไม่ลืมว่าหุ่นรบไพ่ราชามีอุปกรณ์ค้นหาอัตโนมัติหลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นรวมถึงการค้นหาพลังงานความร้อน เมื่อถูกหุ่นรบค้นเจอ หุ่นรบก็จะแจ้งเตือนไปทางผู้ควบคุมเอง นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่หุ่นรบไพ่ราชากลายเป็นราชาบนสนามรบ
แน่นอนว่าอุปกรณ์ต่างๆ ของหุ่นรบระดับราชันกับหุ่นรบขั้นเทวะย่อมยอดเยี่ยมกว่าหุ่นรบไพ่ราชา แต่ก็เป็นเพราะมันแข็งแกร่งมากเกินไป พลังทำลายจึงน่ากลัวมากเกินไป ว่ากันว่า ต่อให้เป็นการโจมตีครั้งเดียวของหุ่นรบระดับราชันก็สามารถ เปลี่ยนพื้นที่ในรัศมีหลายร้อยลี้ให้กลายเป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่า ส่วนหุ่นรบขั้นเทวะยิ่งไม่ต้องพูดถึง นั่นเป็นตัวแทนพลังระดับสุดยอดของประเทศ พวกเขาได้แต่กลายเป็นพลังที่ยับยั้งการคุกคามของประเทศอื่น แต่ไม่อาจกลายเป็นกำลังหลักในสงครามได้อย่างแท้จริง นอกเสียจากเป็นเรื่องที่สั่นคลอนรากฐานของประเทศ…
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะถึงแม้มนุษย์จะสร้างอาวุธที่มีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวสุดขีดแบบนี้ออกมา ในขณะเดียวก็หวาดกลัวอานุภาพของมัน เพื่อควบคุมไม่ให้ประเทศอื่นใช้อาวุธที่น่ากลัวพวกนี้ ประเทศระบบดาวทั้งหมดของโลกมนุษย์จึงร่วมกันทำสนธิสัญญา ไม่อนุญาตให้อาวุธระดับสุดยอดพวกนั้นตั้งแต่หุ่นรบไพ่ราชาขึ้นไปปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ...
นี่ก็คือเหตุผลที่หุ่นรบไพ่ราชาถูกเรียกขานว่าเป็นราชาแห่งการเข่นฆ่า มันเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่ปรากฏตัวขึ้นได้ในสนามรบ พูดได้ว่าจำนวนของผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชารวมถึงความต่างชั้นของความสามารถจะตัดสินผลแพ้ชนะสุดท้ายของ สงคราม
————————–
[1] 1 จิน เท่ากับ 500 กรัม