บทที่ 307 จูบแรก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 307 จูบแรก

เมื่อสังเกตเห็นบาดแผลมากมายที่อยู่บนร่างของเขา เฉียวเสวี่ยอิงก็สั่นสะท้านด้วยความตกใจ “เจ้าบาดเจ็บขนาดนี้เพื่อปกป้องข้า…”

“ข้าไม่สามารถใช้เจ้าเป็นโล่ได้ใช่มั้ยล่ะ?” ซูอันยักไหล่ “นอกจากนี้ ข้าเป็นคนที่ผูกเจ้าไว้ข้างหน้า มันจะน่าอายแค่ไหนถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาข้า”

เฉียวเสวี่ยอิงกัดริมฝีปาก

“มียาเหลือบ้างมั้ย?” ซูอันถาม

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่เริ่มแรก แต่ต้องขอบคุณผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะที่ทำให้ชายหนุ่มมีความแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับพวกพลธนูดินเผาได้ แต่อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บใหม่ที่ได้รับมานั้นทำให้สภาพของเขายิ่งแย่ลงไปอีก จนทำให้รู้สึกว่าตัวเองใกล้ถึงขีดจำกัดเข้าไปทุกที…

ซูอันแม้จะจัดการกับทหารม้าและพลธนูดินเผาได้ แต่ก็ยังมีทหารราบดินเผาอีกไม่ต่ำกว่า 500 ตัวเหลืออยู่ ในสภาพร่างกายเช่นนี้ชายหนุ่มคงไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับพวกมันได้จนถึงที่สุด

“ไม่เหลือแล้ว…” เฉียวเสวี่ยอิงตอบอย่างรู้สึกผิด

นางได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบที่ต่อเนื่อง นางจึงต้องหยิบยาฟื้นฟูขึ้นมาใช้เป็นระยะ ๆ ส่งผลให้ยาของนางหมดลงอย่างรวดเร็ว

“งั้นข้าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าไหวก็แล้วกัน” ซูอันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาทหารดินเผาต่อไป เขาถือไฟฉายวิเศษไว้ในมือข้างหนึ่ง ตั้งใจจะใช้มันเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง ขณะที่อีกมือหนึ่งกำแท่งพิษไว้แน่น

ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับห้าเช่น ซือคุน ก็ไม่มีทางสู้กับทหารดินเผาเหล่านี้ทั้งหมดได้ แต่ก็ยังมีความหวังเล็กน้อยสำหรับ ซูอัน กระบวนทัพของพวกมันยังคงตกอยู่ในความโกลาหล ทำให้ชายหนุ่มสามารถใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบวกกับการใช้ไฟฉายวิเศษเพื่อควบคุมทหารดินเผาให้ถอยร่นไปหากเขาเกิดพลาดพลั้ง

ในทางกลับกัน พวกทหารราบดินเผาก็โกรธแค้นสุดฤทธิ์ พวกมันไม่คาดฝันเลยว่าทหารม้าและพลธนูจะถูกกำจัดโดยคนเพียงสองคน ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลทั้งสองยังกล้าที่จะพุ่งเข้าใส่กระบวนทัพของพวกมัน

ไอ้สองคนนี้มันดูถูกพวกเราจริง ๆ!

ท่านยั่วยุทหารดินเผาสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 9 + 9 + 9…

ทหารราบพุ่งเข้าหาซูอันราวกับคลื่นซัดสาด

การใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน ทำให้ซูอันสามารถหลบการโจมตีของทหารราบได้อย่างง่ายดายในขณะที่ชายหนุ่มโจมตีสวนกลับออกไปด้วย แล้วถ้าพบว่าตัวเองจนมุมจริง ๆ เขาจะส่องไฟฉายไปรอบ ๆ เพื่อข่มขู่ทหารราบเป็นการซื้อเวลาให้ตัวเอง

ราวกับใบไม้ชิ้นเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำในช่วงพายุ มันดูราวกับว่ามันจะจมลงได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ยังมีโอกาสที่จะเอาตัวรอดจากภัยพิบัติทั้งหมด

ซูอันไม่สามารถบอกได้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่แขนของเขาเริ่มชา แต่ก็นึกดีใจอย่างเหลือเชื่อที่อาวุธของตนเป็นมีดสั้น ด้วยความสั้นของมันจึงทำให้น้ำหนักของมันเบามากจนชายหนุ่มไม่ต้องใช้แรงมากในการใช้มันแต่ละครั้ง หากตอนนี้เขายังใช้กระบี่อยู่ ไม่มีทางที่เขาจะสามารถยืนหยัดฟาดฟันได้นานขนาดนี้

ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าระดับการบ่มเพาะของเขายังอยู่ในระดับที่สามเท่านั้น แม้ว่าทั้งวิชาร่างก้าวทานตะวันและสิบสามท่วงท่ากระบี่พื้นฐานไม่ได้กินพลังชี่มากจนเกินไป แต่หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน พลังชี่ของชายหนุ่มก็ใกล้จะหมด

การโจมตีแต่ละครั้งของเขายากยิ่งกว่าปกติถึงห้าเท่าสิบเท่า

ซูอันเริ่มเสียใจ เขาควรจะใช้คะแนนความโกรธทั้งหมดก่อนที่จะเข้าสู่ผนึกปฐพี ต่อให้จะไม่ได้รับของวิเศษหรือทักษะสุดโกง แต่มันก็ยังดีกว่านี้ที่ชายหนุ่มจะได้รับผลไม้พลังชี่ เพื่อยกระดับการบ่มเพาะของเขาสักหน่อย…

เขาแค่กลัวที่จะเปิดเผยเรื่องคีย์บอร์ดออกไปเพราะทั้งเฉียวเสวี่ยอิงที่เฉลียวฉลาดและหมี่ลี่ที่ทรงพลังจนไม่อาจหยั่งรู้ได้ต่างก็คอยจับตาดูอยู่ แต่ถ้ามันสามารถช่วยชีวิตเขาได้ แม้จะต้องเปิดเผยการมีอยู่ของคีย์บอร์ดให้กับคนทั้งโลก…ชายหนุ่มก็ยอม

อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้วสำหรับความเสียใจ เขาถูกศัตรูรายล้อม ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้ชีวิตของเขาดับดิ้นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ซูอันไม่มีทางสุ่มรางวัลไปด้วยสู้ไปด้วยได้อย่างแน่นอน

ตอนนั้นเองที่ทหารราบดินเผาสิบตัวฟันง้าวลงมา ซูอันรีบใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันหลบไปด้านข้าง น่าเสียดายที่ในสภาพที่อ่อนล้า เขาจึงไปหยุดอยู่ในพื้นที่ที่เหนือจากที่ตั้งใจไว้ ทำให้ตนเหยียบขาที่แตกหักของทหารดินเผาบนพื้น

มันเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรง เขาเสียการทรงตัวและล้มลงไปด้านข้าง

ไม่มีทางที่ทหารราบดินเผาจะพลาดโอกาสทองนี้ ง้าวหลายอันพุ่งเข้าหาร่างของซูอันทันที

เพื่อป้องกันเฉียวเสวี่ยอิงจากการกระแทกกับพื้น เขาได้หงายตัวเอาส่วนหลังกระแทกพื้นเพื่อปกป้องหญิงสาว แต่นี่ก็หมายความว่าง้าวจะแทงถูกนางก่อน

ดังนั้นซูอันจึงใช้มีดสั้นเพื่อเบี่ยงเบนง้าวสองอัน และยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อบังง้าวที่เหลือที่กำลังพุ่งเข้าใส่เฉียวเสวี่ยอิง

ฉึก ฉึก!

ง้าวสองอันแทงเข้าที่แขนซ้ายของเขา ทำให้เลือดกระจายไปทั่ว ทำให้เขาไม่สามารถใช้มือซ้ายจับไฟฉายได้อีกต่อไป

ทหารดินเผาจำนวนมากกว่าเดิมเดินควงง้าวมาหาเขา

เมื่อรู้ว่าคราวนี้ตนใกล้จะตายจริง ๆ ซูอันก็คำรามอย่างโกรธจัดขณะที่เขาตัดส่วนปลายของง้าวที่ติดอยู่ในแขนของตนด้วยมีดสั้นก่อนที่จะกลิ้งไปด้านข้างพร้อมกับ เฉียวเสวี่ยอิงทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาในช่วงเวลาวิกฤตินี้ได้

ซูอันยังคงใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันต่อไปเพื่อยื้อเวลารอฟื้นตัว แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดทหารดินเผาที่ไล่ตามพวกเขาออกไปได้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขาจึงทำได้เพียงใช้เศษพลังชี่ที่เหลืออยู่เพื่อใช้เจ้าวายุเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้สามารถเคลื่อนห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรในทันทีและหลบหนีจากการล้อมของทหารดินเผาออกมาได้

แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถโล่งใจได้เลย พลังชี่ของเขาหมดลงอย่างสมบูรณ์ในครั้งนี้แล้วก็ทำไฟฉายวิเศษหายด้วย บางทีอาจเป็นเพราะระยะทางที่ห่างกันทำให้เขาไม่สามารถดึงมันกลับเข้ามาในคีย์บอร์ดได้ด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น สายตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว ชายหนุ่มรู้ว่านี่เป็นผลข้างเคียงของการสูญเสียเลือดมากเกินไปและความเหนื่อยล้าที่สะสม

“ดูเหมือนว่าเราจะตายด้วยกันที่นี่จริง ๆ…” ซูอันพึมพำในขณะที่เขาหายใจไม่ออก

ซูอันไม่แข็งแกร่งพอแม้แต่จะยืนได้ ดังนั้นจึงทรุดตัวลงกับพื้นและมองดูทหารดินเผาพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างสิ้นหวัง

แต่เฉียวเสวี่ยอิงไม่คล้อยตาม นางจ้องไปที่แขนของเขาที่มีเลือดไหลออกมา โดยปลายง้าวยังคงติดอยู่ในเนื้อของเขา

นางก้มศีรษะลงและพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าอาจจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ถ้าเจ้าปล่อยข้าลง”

ซูอันส่ายหัวและตอบว่า “ต่อให้ข้าจะปล่อยเจ้าลง ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้หรอก ระดับการบ่มเพาะของข้าต่ำเกินไปที่จะจัดการกับทหารจำนวนมากในคราวเดียว”

ดวงตาของเฉียวเสวี่ยอิง ยังคงจดจ่ออยู่ที่แขนที่มีเลือดออก “ทำไมเจ้าถึงกันง้าวพวกนั้นให้ข้า? เจ้าอาจจะอยู่ได้นานกว่านี้ถ้าเจ้าไม่ทำอย่างนั้น”

ซูอันแกล้งพูดเบา ๆ “ฮ่า! พอคิดถึงเรื่องนี้มันก็น่าหงุดหงิดจริง ๆ ทำไมกันน้าข้าถึงทำแบบนั้น? เจ้าเองก็ไม่ได้เป็นภรรยาของข้าด้วยซ้ำ แล้วทำไมข้าถึงต้องพยายามช่วยเจ้าแบบนี้ด้วย? ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะเหวี่ยงเจ้าไปรับง้าวพวกนั้นอย่างแน่นอน ให้ตายเถอะ แค่คิดก็เซ็งแล้ว…”

เมื่อมองไปที่ท่าที่ผิดหวังที่เขาแสดง เฉียวเสวี่ยอิงก็หัวเราะออกมา “ทั้ง ๆ ที่เจ้าทำตัวดีแท้ ๆ แต่ปากของเจ้าก็เป็นซะอย่างนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงถูกคนอื่นเกลียด”

“เฮ้ ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเจ้าใช่มั้ย? อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็ควรหยุดปากร้ายใส่ข้า…” ซูอันท้วง

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉียวเสวี่ยอิงก็เงยหน้าขึ้นและประกบริมฝีปากของนางเข้ากับปากเขา

ซูอันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เขาต้องยอมรับว่าปากของนางมีความอ่อนหวานและนุ่มนวลยิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงจูบเขาในเวลาแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่นางเกิดความปรารถนาในร่างกายของเขาขึ้นมาจนไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้อีกต่อไปเพราะไหน ๆ เราก็จะต้องตายอยู่แล้ว?

เป็นเวลานานครู่ใหญ่ก่อนที่ริมฝีปากของพวกเขาจะแยกจากกัน แก้มซีดของนางแดงระเรื่อ นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อซูอันอุทานด้วยความตกใจ “เจ้าขโมยจูบแรกของข้า!”

เฉียวเสวี่ยอิงไม่ตอบ

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!