บทที่ 308 สายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 308 สายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต

“เจ้าจูบข้าทำไม? อา ข้าเข้าใจแล้ว จริง ๆ แล้วข้าคือชายในฝันของเจ้ามาตลอด ที่เจ้าหาเรื่องทะเลาะกับข้าบ่อย ๆ เพราะอยากดึงดูดความสนใจจากข้าใช่ไหม?” ซูอันนึกถึงวัยรุ่นที่ภายในหัวใจอัดล้นไปด้วยความรักแต่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกออกมาอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงกลั่นแกล้งคนที่ชอบเพื่อดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเอง

อืม มันก็สมเหตุสมผลดี

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

“อย่าไปคิดอะไรให้มากเลย เพราะเรากำลังจะตายอยู่แล้ว ข้าจะไม่ขัดขืนเจ้า” ซูอันพูดต่อพร้อมกับถอนหายใจ “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่บอกชูเหยียนว่าเจ้าทำอะไรกับข้า แม้ว่าเราสามคนจะร่วมทางไปสู่ชีวิตหลังความตายด้วยกันก็ตาม”

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!

เฉียวเสวี่ยอิงระเบิดอารมณ์ในที่สุด “นี่เจ้าเพ้อจบรึยัง!?”

“ยังหรอก ถ้าจำเป็นข้ายังพูดต่อไปได้อีกสามวันแปดวัน สวรรค์ประทานปากที่วิเศษเหนือใครให้กับข้า ข้าหมายถึง แม้แต่เจ้าก็ยังอดใจที่จะจูบข้าไม่ได้จริงไหมล่ะ?” ซูอันเอ่ยขึ้นขณะที่เขาเอานิ้วชี้ลูบไล้ริมฝีปากของตัวเอง

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!

นางหงุดหงิดจนแทบคลั่ง ไอ้เวรนี่!!! ก่อนหน้านี้ข้าคงถูกมนต์เสน่ห์อะไรสักอย่างถึงได้คิดเกี่ยวกับมันในแง่ดีเกินไป!

นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้าไม่รู้สึกบ้างรึไงว่าร่างกายของตัวเจ้าเองมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป?”

“เปลี่ยนไป? ยังไง…หืม?” ซูอันลองยกแขนขึ้นแกว่งไกวไปมา ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อตระหนักว่าอาการบาดเจ็บของตนหายดีแล้ว และแม้แต่พลังชี่ของเขาก็ยังได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าเพิ่งใช้หนึ่งในทักษะลับของเผ่าพันธุ์ข้ากับเจ้า! เชื่อมชะตาครึ่งชีวิต! จากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะแบ่งครึ่งอายุขัยและพลังชีวิตกับข้า ส่วนการฟื้นตัวของเจ้าเป็นเพียงของผลพลอยได้!” เฉียวเสวี่ยอิงอธิบาย

“อะไรนะ? ข้าได้อายุขัยและพลังชีวิตจากเจ้าแค่ครึ่งเดียว?” ซูอัน ทำท่าตื่นตระหนก “เจ้าแค้นอะไรนักหนาถึงทำกับข้าแบบนี้? จากที่ข้าควรจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุร้อยปี แต่ตอนนี้ข้ากลับมีอายุขัยแค่ครึ่งนึงของเจ้าเท่านั้นเหรอ!”

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

ซูอันถอนหายใจ และพูดว่า “ช่างมันเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าทำเช่นนี้เพื่อช่วยข้า ถ้างั้นนับจากนี้ก็แล้วแต่ฟ้าดินก็แล้วกัน”

เฉียวเสวี่ยอิงกัดฟันกรอดอย่างโกรธจัดและถ่มน้ำลายลงบนพื้น “เจ้ารู้รึเปล่าว่าอายุขัยของข้าอยู่ได้นานแค่ไหน!”

ซูอันมองประเมินนางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะตอบว่า “ดูคิ้วที่โค้งมนและริมฝีปากเล็ก ๆ ของเจ้า ต่อให้เจ้าได้รับพรจากเทพแห่งโชคชะตา ข้าให้เจ้ามากสุดเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี”

“ไร้สาระ! ตามปกติข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุ 1,500 ปีเป็นอย่างต่ำ! แต่ตอนนี้ข้าแบ่งให้เจ้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง เจ้ายังจะบ่นเรื่องนี้อยู่อีกเหรอไง!” เฉียวเสวี่ยอิงตอบกลับอย่างฉุนเฉียว

ซูอันตกตะลึง “หะ? 1,500 ปี?!”

เฉียวเสวี่ยอิงเมินหน้าหนี “นั่นแค่อย่างต่ำ! เมื่อข้ายกระดับการบ่มเพาะต่อไปเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะอยู่ได้ถึง 2,000 ปีด้วยซ้ำ!”

“มนุษย์จะอยู่ได้นานขนาดนั้นได้ยังไง?…” จู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของซูอัน “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเผ่าพันธุ์ของเจ้า? นี่ไม่ใช่มนุษย์เหรอ?”

“ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นมนุษย์!” เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตา “ข้าแค่เติบโตมาในเขตแดนของมนุษย์ก็เท่านั้น”

“แล้วเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน? มังกรสาว? จิ้งจอกสาว?” ซูอันพยายามแหวกกระโปรงของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกอับอายและโกรธเคือง นางรีบดึงกระโปรงกลับลงมาและตะโกนว่า “เจ้าทำบ้าอะไร!?”

“ข้ากำลังพยายามดูว่าเจ้ามีหางรึเปล่า?” ซูอันตอบอย่างจริงจัง

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

ซูอันไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้หัวข้อสนทนาเรื่องนี้หยุดลง เขาจึงถามต่อไปว่า “ว่าแต่ ร่างหลักของเจ้าคืออะไร? อา เจ้าสามารถเสกเถาวัลย์ได้ตามต้องการ เจ้าคงไม่ได้เป็นปีศาจต้นไม้ใช่มั้ย?”

ความทรงจำของเขาที่มีถึงปีศาจต้นไม้ในละครทีวีก็คือเฒ่าชราที่บังคับหญิงสาวสวยให้เป็นภรรยาของตัวเอง…

“เจ้าต่างหากปีศาจต้นไม้! ครอบครัวโคตรเหง้าเจ้าสิเป็นปีศาจต้นไม้!” เฉียวเสวี่ยอิงกรีดร้อง

“แล้วเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ล่ะ?”

“ข้าไม่บอก!” เฉียวเสวี่ยอิงมองไปที่ปลายง้าวทั้งสองที่ยังติดอยู่ในแขนของซูอัน และนางก็พบว่าหัวใจของตนอ่อนยวบลงอีกครั้ง “ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกหากเจ้ารู้ตัวตนของข้า มันมีแต่จะสร้างปัญหาให้เจ้ามากขึ้นก็เท่านั้น”

“เอาเถอะ ถ้าเจ้าจะไม่บอกข้าก็ไม่เป็นไร” ซูอันบ่นหน้ามุ่ย

หลังจากเถียงกันไม่นาน ทหารราบดินเผาก็อยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลนัก ซูอันจึงดึงปลายง้าวที่แขนออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งเข้าหาพวกมันอีกรอบ

เมื่อร่างกายของเขาหายดีและพลังชี่ได้รับการฟื้นฟู มันก็เหมือนกับว่าชายหนุ่มได้เกิดใหม่ แม้ว่าการฟื้นตัวของอาการบาดเจ็บจะทำให้ไม่ได้รับผลพิเศษเพิ่มเติมจากวิชาวัฏจักรหงส์อมตะอีกต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตายเวลาสะดุดก้อนหินสักก้อน

อย่างไรก็ตามความเร็วที่ลดลงอย่างมากทำให้เขาหลบการโจมตีจากทหารราบดินเผาได้ยากขึ้น แม้ว่าจะใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน ร่างกายของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยบาดแผลอีกครั้งในเวลาไม่นาน

เขามองไปที่เฉียวเสวี่ยอิง ก่อนที่นางจะจ้องกลับด้วยความสงสัย จากนั้นเขาจึงก้มลงจูบนาง

“อื้อออ!” เฉียวเสวี่ยอิง พยายามดิ้นรนต่อสู้กับเขาทั้งที่ได้รับบาดเจ็บ นางจ้องเขาอย่างโกรธจัดและตะโกนว่า “เจ้าทำบ้าอะไร!?”

“ก็ไม่มีอะไรมาก เห็นเมื่อกี้แค่เจ้าจูบข้าครั้งเดียวข้าก็หายดี ข้าเลยอยากลองดูว่าจูบกันอีกสักสองสามทีอาการบาดเจ็บของข้าจะฟื้นฟูเหมือนเดิมได้อีกมั้ย?”

ซูอันรู้สึกงุนงงว่าทำไมมันไม่ได้ผล ข้าจำเป็นต้องจูบอีกสักหน่อยหรือเปล่า?

“ตลกเถอะ!” เฉียวเสวี่ยอิงตะโกน “สายสัมพันธ์ครึ่งชีวิตเป็นทักษะลับที่มีค่าที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์ของข้า มันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดชีวิต!”

“ใช้ได้ครั้งเดียวตลอดชีวิต?” ซูอันตกตะลึง “เจ้ามอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้กับข้า?”

เฉียวเสวี่ยอิงหน้าแดง “ข้าแค่ไม่อยากตายที่นี่ เจ้าไม่ต้องซาบซึ้งจนเกินไป!”

“ก่อนนี้เจ้ายังดูไม่สนใจความเป็นตายอยู่เลย เจ้านี่โกหกไม่เก่งจริง ๆ” ซูอันยิ้มและเอ่ยขึ้น

“ทำไมเจ้าถึงพูดมากแบบนี้? จู่ ๆ ข้าก็ไม่อยากตายขึ้นมาได้หรือไม่? แล้วอีกอย่าง การที่ข้าช่วยเจ้ามันเป็นเพราะข้าอยากช่วยชีวิตคุณหนูเท่านั้น!” เฉียวเสวี่ยอิงตะโกน

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 213!

ในที่สุด ทหารราบดินเผาก็เข้ามาถึงระยะประชิด ดังนั้นซูอันจึงทำได้เพียงหันกลับมาสนใจการต่อสู้ แม้ว่าจะยังต้องการคุยในหัวข้อสนทนานี้ต่อไป

ฝ่ายทหารราบดินเผาก็สับสนไปหมด พวกมันมั่นใจว่าซูอันใกล้จะล้มลงกับพื้นแล้วเมื่อครู่ก่อน แต่ทำไมตอนนี้ถึงลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้อีกครั้ง?

มนุษย์นี่ตายยากเหมือนแมลงสาบงั้นเหรอ?

พวกมันได้แต่มองเพื่อนของตัวเองล้มลงทีละตัว แม้ว่าแต่ละตัวจะพยายามสร้างบาดแผลให้กับซูอัน แต่พวกมันก็ไม่สามารถจบชีวิตเขาได้

พวกมันกลัวว่าหากมนุษย์ผู้นี้หยิบแท่งไฟประหลาดนั่นขึ้นมาอีกก็คงจะถึงจุดจบของพวกมัน พวกมันจึงเร่งกันพุ่งเข้าใส่ซูอันเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลังจากการต่อสู้อันขมขื่นของทหารราบดินเผา ในที่สุดซูอันก็สามารถเอาชนะพวกมันทั้งหมดได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ปล่อยให้ทหารราบดินเผาตัวหนึ่งรอดชีวิต

เขาสังเกตเห็นว่าเฉียวเสวี่ยอิงหมดสติไปแล้ว ในตอนแรก นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียเลือดไปมาก แต่นางยังคงใช้ทักษะลับเพื่อช่วยเขา ดังนั้นนางจึงตกอยู่ในสภาวะที่แย่ลงจากพลังชีวิตที่ลดหายไปมาก

ในตอนแรก ซูอันพยายามที่จะทำให้นางโกรธเพื่อให้นางคงสติอยู่ได้ แต่เมื่อเขาต้องจัดการกับทหารราบดินเผาเขาจึงไม่อาจชวนนางคุยได้อีก พอรู้ตัวอีกทีนางก็หมดสติไปแล้ว