บทที่ 328 ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าพี่ชาย

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 328 ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าพี่ชาย

บทที่ 328 ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าพี่ชาย

สุนัขจิ้งจอกเตือนขึ้น [ซู่จู่ ตอนนี้ 16.28 น. ความทรงจำที่ลู่เฉินจำคุณได้จะหายไปในตอนเช้าเวลา 04.28 น. คุณมีเวลาไม่มากแล้วนะ]

ซูโย่วอี๋ยกยิ้มขึ้นและมองไปยังชายผู้สง่างามที่อยู่ไม่ไกล “ลู่เฉิน คืนนี้พวกเราออกไปเดตกันนะ”

“ไม่ว่าคุณจะมีเรื่องสำคัญมากแค่ไหน ก็ห้ามปฏิเสธฉันด้วย”

เสียงอันอบอุ่นของลู่เฉินรับคำ

คุณนายฮันที่เห็นลูกสาวพูดเช่นนั้น “รีบกลับบ้านล่ะ พรุ่งนี้เราต้องเข้าร่วมงานแถลงข่าวอีก”

มันเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าซูโย่วอี๋นั้นคือคนของตระกูลฮัน

ลู่เฉินหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา มือใหญ่ของเขากุมมือของซูโย่วอี๋แน่น “ไปกันเถอะ”

ซูหยินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ประธานลู่อย่าพึ่งรีบร้อนสิคะ รอให้ฉันได้พูดคุยกับที่รักของฉันก่อน”

ซูหยินดึงซูโย่วอี๋เข้าไปในห้องนอน

ซูหยินดูจริงจังมาก “ที่รัก ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเธอมีลูกยาก อยากจะลองไปตรวจดูหน่อยไหม?”

เพราะมีระบบอยู่ ซูโย่วอี๋จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย

“มันเป็นการวินิจฉัยที่ผิดพลาด เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“จริงเหรอ?” ซูหยินพูดอย่างตื่นเต้น

พูดจบเธอก็กระพริบตาปริบ ๆ พร้อมทั้งจับจ้องไปที่ซูโย่วอี๋

ซูโย่วอี๋ถูกจ้องจนรู้สึกเกร็ง “ทำไมเหรอ?”

ซูหยินโอบรอบไหล่ของเธอเอาไว้และกระซิบที่หูของซูโย่วอี๋

จนเธอรู้สึกจั๊กจี๋จนต้องหดคอลง

“ที่รัก เธอมีลูกกับประธานลู่สักคนสิ”

“แบบนั้นครอบครัวของเราสองคนจะได้ให้เด็ก ๆ หมั้นกันไง ถ้าเป็นเพศเดียวกันก็ให้เป็นพี่ชายน้องชายไม่ก็พี่สาวน้องสาว แต่ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง…”

“หึ ๆ…” ซูหยินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ซูโย่วอี๋นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอและลู่เฉินยังไม่ถึงขั้นที่จะคุยกันเรื่องแต่งงานเลยด้วยซ้ำ และเธอเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องการมีลูกมาก่อนเลย

แต่ตอนนี้…

เธอคิดอะไรไปเรื่อย ถ้าหากว่าตลอดชีวิตนี้เธอกับลู่เฉินไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่สามารถเลี้ยงลูกของเราทั้งสองคนให้เติบโตก็ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสำคัญในชีวิต

แม้ว่า… การทำแบบนี้มันจะเห็นแก่ตัวก็ตาม

เธอไม่พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน ซูหยินจึงคิดว่าเธอไม่เห็นด้วย “ฉันก็แค่พูดไปงั้น ๆ แหละ ดูสิ ทำเธอตกใจเลย”

“ไปเดตกับประธานลู่ของเธอเถอะไป”

ในสมองของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้ รู้ตัวอีกทีเธอก็ขึ้นรถมาแล้ว

ลู่เฉินที่นั่งอยู่ที่ฝั่งคนขับหันมามองเธอ “โย่วอี๋ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ขอโทษทีนะที่ละเลยคุณ”

ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ?

ซูโย่วอี๋มองสายตารู้สึกผิดของลู่เฉิน เลยรู้ว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดไป

คงคิดว่าที่เธอบังคับให้มาออกเดตก็เพราะกำลังโกรธ

“ลู่เฉิน คุณมาที่บ้านหยินหยินได้ยังไง?”

“ไม่ใช่คุณเหรอที่เป็นคนโทรบอกผมว่าหยินหยินมีเรื่องสำคัญจะประกาศ?”

ซูโย่วอี๋เม้มริมฝีปาก

ดูเหมือนว่าในขณะที่ระบบลบความทรงจำเรื่องของซูหยินออกไป ก็ทำเรื่องราวทั้งหมดให้สมเหตุสมผลด้วย

“โย่วอี๋ คุณดูแปลก ๆ นะ ผมเห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยดี อยากจะเปลี่ยนวันไหม?”

ซูโย่วอี๋ส่ายหน้า “ไม่ ฉันอยากไปตอนนี้”

“ไปไหน?”

“สวนสนุกที่คู่รักจะต้องได้ไปสักครั้ง”

ลู่เฉินยิ้มออกมา “ตกลง”

พวกเขาขับรถไปยังสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง ลู่เฉินโทรศัพท์หาผู้ช่วยให้เขาจองทั้งสวนสนุกให้

แต่ซูโย่วอี๋ห้ามเอาไว้

ลู่เฉินถาม “ทำไมเหรอ?”

“ไม่ต้องจองทั้งหมดหรอกค่ะ คนเยอะ ๆ สิถึงจะสนุก”

“ถ้าคนเห็นเข้า คุณจะถูกคนรุมเอานะ”

“ไม่เป็นไร”

ลู่เฉินนิ่งไป เขาไม่ขัดใจเจ้าแมวจอมขี้เกียจของตัวเอง จึงทำได้เพียงออกคำสั่ง “ให้สวนสนุกขยายเวลาปิด”

“จะให้ขยายเวลาไปถึงตอนไหนก็รอดูสถานการณ์อีกที”

หลังปีใหม่ อากาศค่อย ๆ อบอุ่นมากขึ้น

บนถนนใหญ่ ชายหนุ่มหญิงสาวที่อายุน้อย ๆ ถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออก ต่างก็สวมเสื้อโคตไม่ก็เสื้อแจ็กเก็ต

ซูโย่วอี๋ตบ ๆ ลงที่แก้มของตัวเอง ปากของเธอแสดงออกถึงความเศร้า “ฉันใส่ชุดไม่สวยเลย”

ลู่เฉินลูบหัวของเธออย่างปลอบประโลม “คุณใส่อะไรก็สวยหมดแหละ”

“เพ้อเจ้อ พวกเรามาออกเดตกันนะ”

“อีกเดี๋ยวต้องถ่ายรูปสวย ๆ ด้วย”

ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางที่เหมือนเป็นเด็กน้อยของเธอ จึงจอดรถลงที่ข้างทาง และพาเธอไปห้างใกล้ ๆ

พนักงานเข้ามาดูแลทันที “ทั้งสองท่านอยากดูสินค้าชิ้นไหนดีคะ?”

สายตาของซูโย่วอี๋มองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นเธอก็ชี้ไปยังกระโปรงสูทสีชมพูที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์ “รบกวนขอดูตัวนั้นค่ะ”

ดวงตาของลู่เฉินจับจ้องไปที่กระโปรงสูทตัวบาง “โย่วอี๋ ถ้าสวมกระโปรงตัวนี้ออกไปจะเป็นหวัดเอาได้นะ”

ซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย “ฉันขอแค่สวยก็พอ”

พนักงานช่วยพูดขึ้น “คุณผู้ชายคะ กระโปรงนี้ทำจากผ้าขนสัตว์ กับงานปีกที่เป็นเอกลักษณ์ของเราช่วยให้ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ถ้าห่วงว่าคุณผู้หญิงจะเป็นหวัด คุณเพิ่มเสื้อโคตบาง ๆ ไว้ด้านนอกได้นะคะ”

“แบบนั้นก็จะสวยมากเลยค่ะ”

ซูโย่วอี๋รีบหอบชุดเข้าไปในห้องลองอย่างรวดเร็ว กลัวว่าลู่เฉินจะพูดคำว่าไม่ออกมา

ผ่านไปสักพัก ซูโย่วอี๋เปิดประตูห้องลองและเดินออกมา

ราวกับว่าทั้งร้านจะดูสดใสขึ้น

ชุดสีชมพูหวานขับให้ใบหน้าของเธอดูราวกับดอกท้อในเดือนมีนาคม เสื้อผ้าที่ตัดเย็บมาอย่างดีทำให้เอวของเธอดูบางมากขึ้น

ใต้กระโปรงเผยให้เห็นถึงเรียวขาขาวเนียนทั้งสองข้าง

จะห่วงเรื่องอุ่นไปทำไม กระโปรงก็ยาวถึงเข่า แต่ทว่าลู่เฉินยังคงขมวดคิ้วมุ่น “โย่วอี๋ มันจะหนาวเอานะ”

ซูโย่วอี๋โบกมือขึ้นทันที “คิดเงินด้วยค่ะ”

หลังจากนั้นก็มองไปยังลู่เฉิน “เรื่องของสวย ๆ งาม ๆ คุณไม่ต้องยุ่งเลย”

พนักงานเกรงว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกัน “คุณผู้ชายคะ ร้านของเรามีถุงน่องที่เข้ากับชุดนี้ด้วยนะคะ”

ลู่เฉินพูดด้วยเสียงต่ำ “เอามาให้ผมด้วยครับ”

ซูโย่วอี๋เบิกตาขึ้น “คุณทำอะไร? ฉันไม่ใส่ เพื่อความสวยแล้ว หนาวแค่นี้ฉันทนได้ อีกอย่างนะ วันนี้อากาศก็ไม่ได้หนาวอะไรมากมาย ข้างนอกยังมีพระอาทิตย์อยู่เลย”

ลู่เฉินดึงแฟนสาวของตัวเองเข้าไปในห้องลองเสื้อ และกดให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่พูดไม่จา “คุณจะใส่เองหรือให้ผมช่วยใส่ให้?”

ซูโย่วอี๋พึมพำ “ดุชะมัด”

“ฉันแต่งตัวสวย ๆ ก็เพื่อให้คุณมอง แล้วคนอื่น ๆ ก็จะบอกว่า ว้าวคุณดูแฟนสาวของผู้ชายคนนั้นสิ สวยมากเลย”

ลู่เฉินเบิกตาขึ้น “คุณจะสวมใส่อะไรผมไม่ยุ่ง แต่ห้ามป่วย”

ถ้าเพื่อการทำงานก็พอได้ แต่ในชีวิตจริงจะฝืนตัวเองแบบนี้ไม่ได้

ลู่เฉินคุกเข่าลงกับพื้นและถอดรองเท้าของเธอออก พร้อมกับแกะถุงน่องออกจากถุงแล้วใส่ไปที่เท้าของซูโย่วอี๋

น้ำเสียงของซูโย่วอี๋แหบลง “พี่ชายคะ นี่มันสีดำอ่ะ”

“อ่า พนักงานนี่ก็เกินไปแล้ว พี่ชาย พี่ชอบสีดำหรือเปล่า?”

พูดจบเธอก็ใช้เท้าเสยคางของลู่เฉินขึ้น

และถูกลู่เฉินคว้าเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ “อย่าเล่น”

ซูโย่วอี๋ยิ้มกว้าง “อ่า? พี่ชายไม่ชอบเหรอ ดูเหมือนว่าพี่สาวพนักงานจะไม่รู้ใจพี่เสียเลย”

“หรือว่าฉันอาจจะเป็นคนที่เข้าใจพี่ชายมากที่สุดกันนะ”

ลู่เฉินอดกลั้นความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไว้ไม่ไหว เขารีบใส่ถุงน่องให้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็วและลุกขึ้นยืนพร้อมกับดวงตาสีเข้ม

ซูโย่วอี๋นิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ถอยหลังไปสองก้าว “พี่ชายอยากจะจัดการกับฉันยังไงเหรอคะ?”

ลู่เฉิน “…”

หลังจากที่ลู่เฉินจ่ายเงินเสร็จ ทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังสวนสนุกอีกครั้ง ตอนที่มาถึงก็ประมาณหกโมงเย็นแล้ว

“พวกเราไปกินข้าวกันก่อน”

ซูโย่วอี๋ปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยออก “เอาตามที่พี่ชายบอกเลยค่ะ แต่ฉันกลัวว่าถ้ากินข้าวเสร็จแล้วไปเล่นรถไฟเหาะต่อจะอ้วกออกมานะ”

“ข้าง ๆ นี้มีร้านค้าเล็ก ๆ อยู่ ไปดูกันไหม หาอะไรง่าย ๆ กิน”

ลู่เฉินทำท่าจะเปิดประตู และใช้โอกาสตอนที่ซูโย่วอี๋ไม่ทันตั้งตัวดึงเธอเข้ามาใกล้ ทั้งสองใกล้กันมากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ

“ซูโย่วอี๋ คุณไปเรียนจากใครมาถึงเอาแต่เรียกพี่ชาย”

ซูโย่วอี๋ทำหน้าใส่ซื่อ “ทำไมเหรอคะ ฉันเรียกคุณว่าพี่ชายไม่ได้เหรอ?”

ลู่เฉินกัดไปที่ปากของเธอหนึ่งที “แน่นอน… แล้วแต่คุณจะเรียกเลย”

หลังจากนั้นก็ปล่อยเธอและลงจากรถไป

ซูโย่วอี๋มองไปยังผู้ชายที่อยู่นอกกระจกรถและหัวเราะออกมา

เวลาเดิมที่สวนสนุกปิดคือหกโมงเย็น ตอนนี้เป็นเวลาออกจากสวนสนุกพอดี ทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ข้างถนนเต็มไปด้วยผู้คน

ฝีเท้าของลู่เฉินหยุดลงที่หน้าประตู เขาไม่อยากเข้าไปแล้ว

แต่ซูโย่วอี๋กอดแขนของเขาแน่น “พี่ชาย ไปกันเถอะ”

เขาและเธอเดินเข้าไปในฝูงชน

ลู่เฉินเอื้อมมือไปกอดซูโย่วอี๋เอาไว้ ทุกครั้งที่คนชนเธออย่างไม่ตั้งใจหรือเข้ามาเบียด ลู่เฉินจะเดินไปอีกด้านนึงอย่างเงียบ ๆ และปกป้องเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

ซูโย่วอี๋เหมือนกับกระต่ายที่กระโดดไปมา

เวลาผ่านไปไม่นานในมือก็เต็มไปด้วยของกินทั้งปิ้งย่าง น่องไก่ทอด ผลไม้เคลือบน้ำตาล ไอศกรีม

พอถือไม่ไหวก็เอาไปใส่ในมือของลู่เฉินไว้

“ว้าว อันนี้สวยจัง”

ซูโย่วอี๋มองดูพ่อค้าแม่ค้าที่ขายเครื่องประดับอยู่ข้างถนน ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าไปทันที

เธอหันหน้ากลับมา “พี่ชาย มานี่สิ”

แสงหลากสีสะท้อนบนหน้าผากและดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอ ช่างสวยงามราวกับเพทธิดาในเทพนิยาย

ควันไฟจากร้านปิ้งย่างลุกโชนขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของเธอ ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาหายไปในกลุ่มควัน

ตอนนี้ลู่เฉินเห็นแค่เพียงร่างบางในชุดสีชมพูเท่านั้น

ซูโย่วอี๋เลือกหน้ากากอย่างเพลิดเพลิน เธอเลือกหน้ากากปีศาจให้กับลู่เฉิน และเลือกหน้ากากสุนัขจิ้งจอกครึ่งหน้าให้ตัวเอง

แต่การใส่หน้ากากอนามัยทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสะดวก กินอาหารอะไรก็กินไม่ได้

แต่พอใส่หน้ากากอยู่ก็สบายมากขึ้น

สุนัขจิ้งจอกพอใจมาก [ซู่จู่ ตาถึงมากเลย]

ซูโย่วอี๋กระแอมเบา ๆ “คิดเข้าข้างตัวเองไปเถอะ”

[ซู่จู่ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันเองก็จะเล่นด้วยเหมือนกัน คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉันก็พอนะ]

หลังจากนั้นเสียงก็หายไป

ซูโย่วอี๋สงสัย “เจ้าจิ้งจอกเน่า…”

“ซู่จู่ คุณมองมาข้างหลังสิ”

ซูโย่วอี๋หันไปเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองขวบยืนอยู่ไม่ไกล

ซึ่งก็คือร่างก่อนหน้านี้ของสุนัขจิ้งจอกที่มีอายุน้อยลงกว่าปกติ

เธอรู้สึกตกใจจนร้องออกมา “เจ้าจิ้งจอกเน่า ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?”

สุนัขจิ้งจอกเลิกคิ้ว “ฉันว่ามันน่ารักดี ไม่ดีเหรอ?”

หึ

ซูโย่วอี๋เองก็พูดไม่ได้ว่ามันไม่ดี มันก็น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ แต่อยู่ ๆ จะมาเปลี่ยนเป็นร่างของเด็กน้อยทำไม

ถ้าจะแกล้งก็คงจะรู้สึกผิดมาก ๆ

“ไม่ต้องมองฉันแล้ว ถ้ายังมองอีกลู่เฉินจะจับได้เอานะ คุณหาโอกาสเอาเงินให้ฉันหน่อยสิ”

ซูโย่วอี๋ทำได้เพียงมองกลับมา

ในจุดที่มองไม่เห็น สุนัขจิ้งจอกก้มหน้าลง

เขารู้มานานแล้วว่าราคาของการหยุดเวลานั้นสูงมาก แต่ไม่คิดว่าจะสูงมากถึงขนาดนี้ เขาสูญเสียเวลาการฝึกฝนไปแปดปีในครั้งเดียว ตอนนี้สุนัขจิ้งจอกมีพลังเท่ากับสิบปีเท่านั้น

รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเหมือนตอนเด็ก ๆ

อย่างนี้จะตามจีบพี่ไป๋ได้อย่างไรกัน

สุนัขจิ้งจอกทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง อย่างน้อยเขาก็ช่วยพี่ซูกลับมาได้

ซูโย่วอี๋หยิบหน้ากากให้ลู่เฉินใส่

ใบหน้าของอีกฝ่ายดูไม่พอใจ “ไม่ใส่ได้ไหม?”

ซูโย่วอี๋เองก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ เพียงแค่พูดด้วยเสียงต่ำ “ถ้าพี่ชายไม่ชอบ งั้นไม่ต้องใส่ก็ได้ ฉันแค่ปวดใจนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

ลู่เฉิน “…”

ชายหนุ่มหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่เงียบ ๆ

ดวงตาของซูโย่วอี๋เปล่งประกายขึ้นมาในทันที “พี่ชายหล่อมากเลย ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าพี่ชายมาก่อนเลย”