ตอนที่ 355 รีบไปพักตากอากาศ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 355 รีบไปพักตากอากาศ

หลังจากอาจารย์หลี่จัดการเรื่องโอนบ้านให้ลู่หันซูเสร็จก็ชวนมู่เถาเยา กู่ย่า หลี่อวี้เสวี่ย ลู่จือฉิน ครอบครัวลู่หันซูสามคนและเหลียงจีไปกินข้าวด้วยกัน

“พรุ่งนี้พวกเราก็จะไปแล้ว วันหน้าคงเจอกันอีกได้ยาก” อาจารย์หลี่อดพูดด้วยความเศร้าไม่ได้

หยางชุนเสี่ยวลูกสะใภ้อาจารย์หลี่พูดปลอบ “แม่ค่ะ ถ้ามีวาสนาต้องได้พบกันอีกแน่ค่ะ”

มู่เถาเยายิ้ม “พี่สะใภ้พูดถูกค่ะ ไม่แน่อีกไม่กี่วันอาจได้เจอกันอีกนะคะ”

อาจารย์หลี่ไม่ได้คิดจริง

ห่างกันตั้งไกล ยังจะเจอกันง่ายๆ ได้ที่ไหนกัน

ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ค่ะ อาจารย์หลี่คงยังไม่ทราบ แม่ของหันซูเป็นคนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ค่ะ พวกเธอก็เตรียมจะไปเยี่ยมญาติที่เผ่าอยู่ค่ะ”

อาจารย์หลี่หันมองแม่ลู่ที่ตั้งใจกินข้าวก่อน จากนั้นก็มองลู่หันซู ถามด้วยความตกใจ “แม่ของหนูเป็นคนเผ่าหมาป่าพระจันทร์เหรอจ๊ะ”

ลู่หันซูพยักหน้าเบาๆ “ถ้าสะดวก ไว้ก่อนพวกเรากลับจะไปเยี่ยมอาจารย์หลี่ได้ไหมคะ”

“ต้องได้อยู่แล้วจ้ะ!”

พี่สะใภ้หลี่ยิ้มพูด “ไว้มากินข้าวที่บ้านเรานะจ๊ะ พี่สะใภ้ลู่เป็นคนที่ไหนเหรอ”

ลู่หันซูตอบ “หมู่บ้านเหมียวไจ้ที่อยู่ข้างป่าพิษหมาป่าค่ะ” ศิษย์พี่บอกเธอมา

“อ้อ ตรงนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วิวสวยมาก พวกเราอยู่ในเขตเมือง ตอนสุดสัปดาห์มีไปเที่ยวที่นั่นบ้าง ไม่ถือว่าไกล ขับรถชั่วโมงกว่าก็ถึง”

อาจารย์หลี่ดีใจยิ่งกว่าเดิม “พวกเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ นะ”

ทุกคนพยักหน้า

หลี่หยวน[1]หลานสาววัยหนึ่งขวบของอาจารย์หลี่เพิ่งหัดพูดได้ไม่กี่คำ พอได้ยินย่าพูดว่าวาสนาก็คิดว่าเรียก จึงตบมือน้อยๆ ด้วยความดีใจ “หยวนหยวน…”

สะใภ้หลี่หยิกแก้มยุ้ยของลูกสาวเบาๆ ยิ้มพูด “คุณย่าพูดว่าวาสนา ไม่ได้เรียกเราเสียหน่อย”

“หยวนหยวน ย่าย่า”

อาจารย์หลี่ลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู “หยวนหยวนน้อยของย่าหัดพูดแล้วนะ!”

ความอาลัยอาวรณ์ที่มีต่อประเทศเหยียนหวงได้ลดน้อยลงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลานชายกับหลานสาวที่แสนน่ารัก

คนเราพอแก่ตัวลงก็ชอบที่จะมีคนในครอบครัวอยู่เคียงข้าง

เธอเป็นมนุษย์ทั่วไป ย่อมมีกิเลสเป็นธรรมดา

แม่ลู่มองหลี่หยวน ทันใดนั้นก็พูดโพล่งออกมา “เจ้าหญิงน้อย…”

ลู่หันซูกับย่าลู่วางตะเกียบลงด้วยความเครียด คนหนึ่งจับแขนของแม่ลู่ กลัวจะลุกพรวดไปอุ้มเด็ก

แม่ลู่มองเด็กน้อยหลี่หยวนอยู่สักพัก จากนั้นก็หันไปมองมู่เถาเยาที่นั่งข้างย่าลู่ เธอเรียก “เจ้าหญิงน้อย”

มู่เถาเยายิ้มบาง “ใช่ค่ะ หนูก็เป็นเจ้าหญิงเหมือนกัน น้าเหมียวเก่งมากค่ะ”

แม่ลู่เอียงหน้ายิ้ม ดีใจเหมือนเด็กน้อยหลี่หยวน

คนครอบครัวหลี่ไม่รู้ว่าแม่ลู่เป็นอะไร แต่ก็รู้ว่าอะไรควรถาม อะไรไม่ควรถาม

หลี่เทียนรุ่ยลูกชายอาจารย์หลี่ยิ้มพลางเรียกทุกคนกินข้าว พร้อมหมุนพวกกุ้งปลาไปให้กู่ย่ากับย่าลู่

“หัวหน้ากู่ครับ ขอบคุณหัวหน้ากับอาจารย์อวี้เสวี่ยมากนะครับที่หลายสิบปีมานี้ช่วยดูแลคุณแม่ของผม”

ถ้าไม่ใช่เพราะคนในคณะหมินเล่อดี เขาคงไม่วางใจให้แม่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเหยียนหวงคนเดียว

กู่ย่ายิ้มพูด “พูดอะไรแบบนั้น อาจารย์หลี่เป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงคุณวุฒิที่สุดของคณะเรา น้ากับอวี้เสวี่ยทำงานกับอาจารย์หลี่มาสามสิบกว่าปี ทุกคนช่วยดูแลกันและกันจ้ะ”

“คุณแม่ผมไม่ยอมออกจากคณะหมินเล่อย้ายไปอยู่ที่เผ่าสักที นอกจากเพราะตัดใจทิ้งกู่เจิงไม่ลงแล้ว ยังเพราะสนิทกับทุกคนด้วยครับ”

อาจารย์หลี่พยักหน้า “ตอนลูกชายฉันแต่งงานก็เรียกให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่ตัดใจไปจากทุกคนไม่ลงจริงๆ”

ลู่จือฉิน “ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา”

“นั่นสินะ ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ห่วงหาอาทรกัน ได้พบกันบ้างก็ดีมากแล้ว”

อาหารมื้อนี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ก่อนไป อาจารย์หลี่ได้หยิบผลนมหมาป่าที่หลี่เทียนรุ่ยพกมาจากเผ่าออกมาจากตู้เย็น ให้ลู่หันซูเอากลับไปให้แม่กินตอนเย็น เพราะเห็นแม่ลู่ชอบกินผลไม้ชนิดนี้มาก

“จือฉิน พรุ่งนี้หาคนมาทำความสะอาดให้ทั่วก็เข้ามาอยู่ได้แล้วนะ ที่นี่พร้อมเข้าพักทุกอย่าง ในตู้เย็นยังมีผักกับผลไม้ สะดวกมาก เอาคีย์การ์ดไปก่อน”

ลู่จือฉินยื่นมือไปรับมา ยิ้มพูด “ขอบคุณค่ะอาจารย์หลี่ พรุ่งนี้พวกเราจะไปส่งที่สนามบินนะคะ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เรียกรถจากเรือนอุ่นรักไปสะดวกมาก”

“ฉันกับเหลียงจีอยู่ว่างๆ ที่นี่มีรถสองคันพอดีด้วยค่ะ”

เหลียงจีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันไปส่งเสี่ยวเยาเยาที่มหาวิทยาลัยเสร็จก็ไม่มีธุระแล้วค่ะ”

“งั้นก็ได้จ้ะ พรุ่งนี้แปดโมงเช้าพวกเธอมากินข้าวเช้านะ เก้าโมงครึ่งพวกเราออกเดินทางไปสนามบินกัน”

“ได้ค่ะ”

พวกมู่เถาเยาออกจากบ้านครอบครัวหลี่ กลับไปบ้านของหยวนเหยี่ยที่อยู่ด้านหน้า

“ศิษย์น้อง ไปหารือกันดูนะว่าจะไปที่เผ่าเมื่อไร”

“พวกเราได้ตลอดค่ะ แล้วแต่หัวหน้าเผ่า คุณเย่ว์กับคุณนายเย่ว์ค่ะ”

“งั้นถ้าพวกเธออยากซื้อของฝากหรือเตรียมของให้ตากับยายก็เตรียมได้เลยนะ ศิษย์พี่จะกลับไปถามครอบครัวแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้บอกเวลาที่แน่นอน”

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะศิษย์พี่”

“ไม่ต้องรีบร้อน ครอบครัวพี่ไม่รีบ”

“ค่ะ”

คุยกับลู่หันซูเสร็จ มู่เถาเยาก็หันไปพูดกับลู่จือฉิน ย่าลู่ และแม่ลู่ จากนั้นก็บอกลา

“อาสะใภ้ขึ้นรถกลับเถอะค่ะ หนูจะไปกับพี่สะใภ้”

“ได้จ้ะ”

กู่ย่าขับรถกลับไปที่มหาวิทยาลัยเย่ว์ตูที่อยู่ข้างๆ

เหลียงจีไปส่งมู่เถาเยากับหลี่อวี้เสวี่ย

“ไปส่งพี่สะใภ้ก่อนค่ะ”

“ได้จ้ะ”

ส่งหลี่อวี้เสวี่ยถึงบ้านเสร็จ มู่เถาเยาคุยกับศิษย์พี่ใหญ่เล็กน้อยแล้วกลับตำหนักพระจันทร์ที่เซิ่งซื่อฉางอัน

“พี่เหลียงจีขับรถกลับระวังด้วยนะคะ”

“จ้ะ พรุ่งนี้ให้พี่มารับไปมหา’ลัยไหม”

“ไม่ต้องค่ะ พ่อกับแม่จะไปส่ง พรุ่งนี้พี่กับอาจารย์สามไปส่งอาจารย์หลี่กับครอบครัวที่สนามบินได้เลยค่ะ” พี่ชายสองคนของเธอจ้องตาเป็นมันอยู่ ไม่ถึงคิวให้เหลียงจีต้องไปส่ง

“จ้ะ งั้นพี่กลับแล้วนะ”

“ค่ะ”

พอเหลียงจีขับรถออกไป เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีก็ออกมา

“ลูกพ่อ กลับมาแล้วเหรอ ไปกินข้าวบ้านคนอื่นอิ่มหรือเปล่า ให้พ่อทำอะไรให้กินหน่อยไหม”

“ไม่ต้องแล้วค่ะพ่อ หนูอิ่มแล้ว” เธอไปกินข้าวที่ไหนก็อิ่มตลอด อีกทั้งไม่มีทางกินน้อยไปกว่าตอนอยู่ที่บ้าน

มู่เถาเยาคล้องแขนพ่อแม่กลับเข้าห้องรับแขก

“คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย อา น้าเล็กอวิ๋น พี่ใหญ่ พี่รอง” ไล่ทักทายทุกคน

หลังจากขานรับกันเสร็จเย่ว์จือกวงก็ชิงพูดก่อน “เสี่ยวเยาเยา พี่รองคั้นน้ำผลไม้ไว้ให้นะ”

มู่เถาเยายิ้มจนดวงตาลูกกวางโค้งมน “ขอบคุณค่ะพี่รอง”

เย่ว์จือกวงไปบาร์น้ำอย่างอารมณ์ดี

เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา จัดการเรื่องของศิษย์น้องเรียบร้อยแล้วเหรอ”

“ค่ะ กำลังอยากถามทุกคนเลยค่ะว่าจะกลับเผ่าเมื่อไร” คนทั้งตระกูลเย่ว์มาอยู่ประเทศเหยียนหวงก็นานพอสมควรแล้ว

เย่ว์หลั่ง “อีกสองวันค่อยกลับแล้วกัน”

ถึงจะไม่อยาก แต่กลับไปทำงานก็เพื่อดูแลเผ่าให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลูกสาว

“ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะบอกอาจารย์สามกับศิษย์น้อง”

อวิ๋นไป๋มองเย่ว์เลี่ยงตาปริบๆ

เขาเตรียมเรื่องไปพักตากอากาศไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่เย่ว์เลี่ยงพยักหน้าออกเดินทาง

ย่าเย่ว์อดขำไม่ได้ “พอพวกเรากลับเผ่า เย่ว์เลี่ยงกับเสี่ยวไป๋ก็ออกเดินทางจากที่นี่ไปเที่ยวกันเถอะ”

เย่ว์เลี่ยง “…ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้า

“…ก็ได้ค่ะ”

อวิ๋นไป๋ดีใจสุดขีด ยิ้มเหมือนลูกชายซื่อบื้อของพวกเศรษฐี

[1] หยวนในที่นี้แปลว่าวาสนา