ตอนที่ 356 ความริษยาคือเหตุตั้งต้น

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 356 ความริษยาคือเหตุตั้งต้น

เพียงชั่วพริบตาผ่านไปอีกสองวัน คนตระกูลเย่ว์เดินทางกลับเผ่าพร้อมด้วยลู่จือฉินและครอบครัวของลู่หันซู

เป่ยซีจัดแจงให้เหมียวอวี้นอนห้องเดิมที่เคยอยู่เมื่อก่อนนี้

แม่ลู่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างมีความสุข มองไปทั่ว จับนั่นจับนี่ ท่าทางดูชอบห้องนี้อย่างเห็นได้ชัด

ลู่หันซูมองแม่ตัวเองที่กำลังมีความสุข เธอยิ้มพูดกับเป่ยซี “คุณนายคะ หนูพักห้องเดียวกับแม่ก็ได้ค่ะ”

เป่ยซีพยักหน้า “จ้ะ”

อย่าว่าแต่คนเป็นลูกสาวจะไม่วางใจเลย เธอเองก็ไม่สบายใจถ้าจะให้เหมียวอวี้อยู่คนเดียว อย่างไรเสียก็เป็น ‘เด็กสามขวบ’

ย่าลู่พูดกับเป่ยซีอย่างเกร็งๆ “คุณนายคะ ฉันขออยู่กับพวกหันซูแล้วกันนะคะ ห้องนี้ใหญ่มาก เตียงก็ใหญ่ พอนอนสามคนค่ะ”

พวกเธอนอนไม่ดิ้น เตียงสองเมตรพอพวกเธอนอนกันสามคน

“น้าลู่คะ ห้องหับมีเยอะ อย่าไปเบียดกับเสี่ยวอวี้กับหันซูเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง เสี่ยวอวี้ใช้ชีวิตกับครอบครัวฉันมาสิบกว่าปี เป็นเหมือนน้องสาวของฉัน แถมหันซูก็เป็นศิษย์น้องของลูกสาวฉัน พวกเราถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”

ยายหลานยิ้มพลางพยักหน้า “นั่นสิ มาแล้วก็คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง มีเรื่องอะไรก็พูดตามตรงได้ ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพอพักผ่อนเสร็จ เสี่ยวซี อากวง รวมถึงอาจารย์ลู่จะพาพวกคุณไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านเหมียวไจ้นะ”

ย่าลู่รีบส่ายมือ “จะให้คุณนายเย่ว์กับคุณชายรองพาพวกเราไปได้ยังไงกันคะ มีแค่อาจารย์ลู่ไปเป็นเพื่อนก็พอแล้วค่ะ”

ลู่หันซูพยักหน้า

ถึงแม้จะเป็นแม่กับพี่ชายของศิษย์พี่ แต่อย่างไรเสียก็มีสถานะที่พิเศษ

เป่ยซียิ้มพูด “เราสมควรทำให้ค่ะ บาดแผลของเสี่ยวอวี้…ถึงขั้นที่เอาชีวิตปกป้องลูกสาวของฉันไว้จนมีสภาพเป็นแบบนี้ ฉันจำเป็นต้องไปพบสองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียวสักหน่อยค่ะ เพื่อพูด ‘ขอโทษ’ กับ ‘ขอบคุณ’ หลายปีมานี้ฉันโทษผิดคนมาตลอด”

พอแม่ลู่ได้ฟังเป่ยซีพูดก็รีบทิ้งหมอนข้างในมือแล้ววิ่งมาจับเป่ยซี “ไม่โทษ ไม่โทษ เสี่ยวอวี้ไม่โทษ”

เป่ยซีลูบผมสั้นที่หยิกตามธรรมชาติของเหมียวอวี้ ยิ้มพูด “จ้ะ ไม่โทษเสี่ยวอวี้”

“อือๆ”

เป่ยซีมองเหมียวอวี้ยิ้มอยู่สักพักแล้วหันไปมองลู่หันซู

“หันซูจ๊ะ พักผ่อนกับคุณแม่ไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงเวลาอาหารเย็นจะมีคนมาพาไปที่ห้องอาหาร”

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณนาย”

“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ” เป่ยซีปล่อยเหมียวอวี้แล้วพูดกับย่าลู่ “น้าลู่คะ ฉันจะพาน้ากับอาจารย์ลู่ไปที่ห้องพักค่ะ”

“คุณนายให้คนพาพวกเราไปก็ได้ค่ะ คุณนายเองก็เพิ่งกลับมา คงเหนื่อยแย่”

“ไม่เป็นไรค่ะ มีลิฟท์ แปบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ”

โซนเจ้าของบ้านกับโซนของแขกอยู่คนละชั้นกัน

“งั้นก็รบกวนคุณนายด้วยค่ะ” ในเมื่อเจ้าของบ้านพูดขนาดนี้แล้ว ย่าลู่ก็ไม่ขัดข้องอะไร

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เป่ยซีหันไปบอกยายหลาน “คุณแม่กลับห้องไปพักก่อนนะคะ”

“อืม พวกลูกไปกันเถอะ”

ทุกคนทยอยออกไป

เป่ยซีไปส่งลู่จือฉินกับย่าลู่ที่ห้องพักแขกเสร็จก็กลับห้องตัวเองกับเย่ว์หลั่งที่โซนเจ้าของบ้าน

เย่ว์หลั่งจูงภรรยาไปที่เตียงแล้วรินน้ำอุ่นให้เธอ

“พาเข้าห้องพักหมดแล้วเหรอ”

“อืม”

“งั้นคุณดื่มน้ำแล้วไปอาบน้ำ นอนสักพักค่อยลุกมากินข้าวเย็น”

มื้อเที่ยงกินบนเครื่องบิน ถึงแม้จะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้เลิศหรูเท่ากินที่บ้าน

“อาหลั่ง ฉันไม่เหนื่อย ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ดูสิ เนื้อหนังฉันกลับมาแล้ว” มือข้างหนึ่งของเป่ยซีถือแก้ว มืออีกข้างลูบใบหน้าตัวเอง หยิกแก้มที่ป่อง

เธอสวยจนใกล้ถึงขีดสูงสุดแล้ว!

จุดสูงสุดของวัยป้า!

เย่ว์หลั่งเอามือลูบเอวของเป่ยซี ฝ่ามือวนรอบ “มีเนื้อขึ้นมาหน่อยแล้วจริงด้วย”

เป่ยซีถลึงดวงตาลูกกวางที่สุกใสใส่เขา “คุณรังเกียจที่ฉันมีเอวเหมือนถังน้ำเหรอ”

“ไม่ได้เหมือนถังน้ำ มีแค่เอว” ค่อนไปทางนั้นจริง แต่ไม่ถึงขั้นถังน้ำ

แต่ต่อให้เป็นถังน้ำก็ยังเป็นคนที่เขาชอบเพียงคนเดียว!

อุ๊บ…

เป่ยซีเพิ่งดื่มน้ำเข้าไปก็พ่นพรวดออกมา

เย่ว์หลั่งที่ถูกพ่นน้ำใส่เต็มหน้า “…”

เป่ยซีวางแก้วบนโต๊ะ รีบเอากระดาษทิชชู่เช็ดหน้าสามีด้วยความรู้สึกผิด

“อาหลั่ง หลายปีมานี้ลำบากคุณแล้ว”

“คุณลำบากที่สุด”

“ไม่หรอก คุณลำบากยิ่งกว่าฉัน ฉันเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ลูกสาว คุณไม่ใช่แค่คิดถึงลูกสาว ยังต้องหาทางทำให้ฉันเดินออกมาจากเรื่องนั้นได้ด้วย ไหนยังจะต้องดูแลพ่อแม่ ทำงาน…คุณทำสิ่งต่างๆ มากมาย แต่ฉัน…”

เย่ว์หลั่งหยุดคำพูดของเธอด้วยริมฝีปาก

สองนาทีต่อมาถึงผละออก

“เสี่ยวซี ความรู้สึกของคนเป็นแม่ไม่มีใครเข้าใจได้ ผมทำเพื่อลูกสาวเรา เพื่อคุณ เพื่อเผ่า นั่นก็เพราะเป็นความรักและหน้าที่ของคนเป็นพ่อ สามี ลูกชาย และคนตระกูลเย่ว์…”

เย่ว์หลั่งโอบภรรยา ค่อยๆ วิเคราะห์ความรู้สึกให้ฟัง

นับตั้งแต่ลูกสาวหายตัวไป พวกเขาก็ไม่ได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันแบบนี้มาสิบแปดปีแล้ว

“อาหลั่ง เหมียวฉี…”

เย่ว์หลั่งพูดเสียงเข้มขึ้นมาทันที “เสี่ยวซี ผมไม่เคยรู้จักเหมียวฉีเลยนะ!”

“อุ๊บ…คุณจะเครียดอะไรขนาดนั้น ฉันแค่อยากพูดว่า ตอนที่คุณอยู่โรงเรียนเดียวกับเหมียวฉี ทุกครั้งที่ฉันไปหาคุณดูเหมือนจะเห็นเหมียวฉีด้วย…”

“…ผมไม่ได้สังเกต…”

ในสายตาของเขามีแค่เป่ยซี ไม่เหลือหางตาไว้มองคนอื่นอีก

“อืม ฉันรู้ค่ะ” เป่ยซีทอดถอนใจ “หัวใจที่อิจฉาริษยาของมนุษย์มันน่ากลัวมากจริงๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ นับตั้งแต่โบราณมา ความริษยาก็คือหนึ่งในสาเหตุของความผิดทั้งหลายที่ฝังอยู่ในจิตใจมนุษย์”

“ใช่ ก็แค่พวกเรายอมรับไม่ได้ว่ามันอยู่ในตัวเรา”

ไม่เพียงแต่เขาจะอยากให้เหมียวฉีตาย ยังอยากจับครอบครัวของเหมียวฉีขังให้หมดด้วยซ้ำ!

แต่ลูกสาวสุดที่รักของเขา…ใจอ่อน!

แต่ก็จริง เติบโตมาโดยมีหมอเทวดาหยวนที่จิตใจเมตตาเลี้ยงดู ใครล่ะจะไม่จิตใจดีบ้าง

พวกศิษย์พี่ของลูกสาวเขาก็เป็นคนดีกันหมด แล้วนับประสาอะไรกับลูกสาวเขาที่เริ่มติดตามหมอเทวดาหยวนตั้งแต่เป็นทารก

เป่ยซีจูงเย่ว์หลั่งไปนั่งที่โซฟา

“สมัยโบราณ สงครามที่เกิดจากความอิจฉามีมากมายนับไม่ถ้วน สมัยนี้เหตุการณ์นองเลือดที่เกิดจากความริษยาก็มีไม่น้อย เผ่าของเรานับว่าดีมากแล้ว ประเทศอื่น…”

พอเป่ยซีพูดจบ เย่ว์หลั่งก็ถามด้วยความตกใจ “เสี่ยวซี…คุณอภัยให้เหมียวฉีได้เหรอ”

“อภัยน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก แต่เหมียวฉีอาจมีประโยชน์กับลูกสาวเรา พวกเราจะลงโทษถึงตายไม่ได้”

“อืม”

ใครมาขอร้องก็ไม่เป็นผลยกเว้นลูกสาวของพวกเขา!

“หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างแล้วกัน”

เย่ว์หลั่งพูดด้วยความนึกสนุก “เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ผมจะอุ้มคุณไปอาบน้ำนะ”

“…”

อืม อาบน้ำครั้งนี้กินเวลานานหน่อย ทำให้ทั้งสองคนกินไปเยอะตอนเวลาอาหารเย็น อย่างไรเสียก็ทำงานที่ใช้แรงมา

กินข้าวเสร็จก็ย้ายไปที่ห้องรับแขก ย่าเย่ว์ยิ้มพลางพูดกับย่าลู่ “ย่าหันซู ถ้าอยากไปเดินเล่นหลังกินข้าวก็เดินเล่นที่สวนหย่อมกลางหรือออกไปข้างนอกก็ได้นะ แต่ถ้าไม่อยากเดินเล่นจะไปชมทิวทัศน์ของเผ่าในยามค่ำคืนที่ดาดฟ้าก็ได้”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณนายผู้เฒ่า”

แม้ย่าลู่จะขานรับแล้ว แต่เธอไม่คิดจะไปเดินเพ่นพ่าน เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านชาวบ้านธรรมดา

ลู่จือฉินยิ้มพูด “น้าเย่ว์ รอน้าลู่พักผ่อนกันเสร็จแล้วฉันจะพาไปเดินเล่นที่หมู่อาคารด้านนอกค่ะ”

“ดี รอปรับอารมณ์ให้พร้อมค่อยไปหมู่บ้านเหมียวไจ้”

เธอมองออกว่าหันซูดูประหม่า

แต่ก็เป็นเรื่องปกติ