ตอนที่ 454 ความประหลาดใจครั้งใหญ่

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 454 ความประหลาดใจครั้งใหญ่

ฉินหลิวซีสรุปเรื่องราวของไถชิงกับเหยียนฉงเฮ่อให้ฟัง แล้วจากนั้นน่ะหรือ

ยมทูตชุยสบถขึ้นมา “เรื่องของชายหญิงที่เมามายในความรักบนโลกนี้เป็นสิ่งผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุด หลังจากตายไปแล้วทุกอย่างก็จบลง ชีวิตนี้จบลงแล้ว ชีวิตหน้าค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้งก็ได้ มีชายหญิงมากมายบนโลกใบนี้ เหตุใดต้องยึดติดกับคนใดคนหนึ่งด้วย ช่างน่าเบื่อ!”

ไถชิงรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย คิดว่าตอนที่เขาเป็นคน คงจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่ไม่เข้าใจในความรักกระมัง

เหยียนฉีซานและคนอื่นๆ กลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง เพียงแต่ฝืนยิ้ม

“ยมทูตชุยกล่าวถูกแล้ว การรักใครคนหนึ่งฝังใจนั้นเป็นการขาดทุนจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เกิดจากอารมณ์ของคน ผู้ที่ละทางโลกอย่างท่านและข้าย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเช่นนี้” ฉินหลิวซีสะกิดเขาหนึ่งประโยค “เพียงแต่วิญญาณที่ยึดติดกับความขุ่นเคืองก็ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ จะต้องได้รับการแก้ไข เพื่อไปเกิดใหม่ในภายภาคหน้า ท่านและข้าก็จะได้บุญกุศลด้วย ท่านว่าอย่างไร”

ยมทูตชุยหัวเราะลั่น “ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้อื่น หากเจ้าอาวาสน้อยต้องการหาที่อยู่ของคนผู้หนึ่ง ข้าย่อมไม่กล้าปฏิเสธ” จากนั้นเขาก็เหลือบมองเหยียนฉีซาน แอบพยักหน้า “ตระกูลของคนผู้นี้ก็เป็นตระกูลที่มีโชคลาภยิ่งใหญ่ เทพเหวินชางปกป้องรักษาจวน[1] มีบุญกุศล ช่างเถิด ข้าจะลองดู”

เหยียนฉีซานและเจียงเหวินหลิวมีความสุขเป็นอย่างมาก

เมื่อยมทูตผู้สูงส่งเอ่ยว่าตระกูลเหยียนมีโชคอันยิ่งใหญ่ ต้องไม่ใช่แค่เรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน

เจ้าสำนักศึกษาถังรู้สึกอิจฉา แต่ก็รู้สึกมีความสุขกับสหายสนิทเป็นอย่างมาก

มีใครบ้างที่ไม่ปรารถนาให้ตระกูลมีความเจริญรุ่งเรืองและโชคลาภ

ทุกคนมองยมทูตชุยหยิบพู่กันขึ้นมา เปิดดูใบเป็นตาย เขียนชื่อของเหยียนฉงเฮ่อลงบนใบเป็นตาย ทันใดนั้นแสงสีทองก็ส่องประกาย ตัวอักษรสีแดงค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนความว่างเปล่า

“เหยียนฉงเฮ่อ ชาวอวี๋หัง เกิดวันที่ยี่สิบสี่ เดือนสาม ปีมะเส็ง เสียชีวิตใน…”

ใบเป็นตายบันทึกการเวียนว่ายตายเกิดและบาปบุญคุณโทษของคน กรรมชั่วหรือคุณความดีใดๆ ที่ทำในระหว่างที่มีชีวิตและหลังความตายล้วนถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน

เหยียนฉีซานกับเจ้าสำนักศึกษาถังซานและคนอื่นๆ ล้วนรู้สึกว่าได้เปิดโลก ชื่นชมในความมหัศจรรย์ของผู้สร้าง ใบเป็นตายเล็กๆ ใบนั้น กลับสามารถบันทึกชีวิตของคนได้อย่างละเอียด

พวกเขาจ้องไปที่ตัวอักษรเหล่านั้นอย่างไม่กะพริบตา เหยียนฉงเฮ่อมีชีวิตอยู่เพียงยี่สิบสองปี การกระทำตอนที่ยังมีชีวิตของเขาถูกอ่านอย่างรวดเร็วไปจนกระทั่งเขาตาย

“ร้อยปีมานี้ได้ปกป้องทะเลสาบลวี่ที่อวี๋หัง ขณะเป็นผีได้ฝึกบำเพ็ญจิตวิญญาณ ได้รับความเคารพบูชาเป็นเทพเจ้าน้ำ ใต้หล้าให้การยอมรับ…”

ฉินหลิวซีไม่แปลกใจเลยที่เหยียนฉงเฮ่อไม่ได้ไปเกิดใหม่ แต่การที่ผีธรรมดาทั่วไปฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นเทพเจ้าน้ำ กลับทำให้นางประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ยมทูตชุยเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย มองไปยังเหยียนฉีซาน เอ่ยว่า “มิน่าละบนร่างกายของเจ้าจึงได้มีโชคลาภความเจริญรุ่งเรื่อง ที่แท้เป็นเพราะบรรพบุรุษของเจ้าได้ใช้ร่างผีฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นเทพเจ้าน้ำ ผลบุญแห่งศรัทธาจึงได้สะท้อนกลับ”

เหยียนฉีซานสับสนไปหมด

เทพ เทพเจ้าน้ำหรือ

ท่านปู่ทวดของเขาน่ะหรือ

ฉินหลิวซีมองยมทูตชุยแล้วถามว่า “เพียงร้อยปีก็สามารถฝึกบำเพ็ญจากผีธรรมดาทั่วไปกลายเป็นเทพเจ้าน้ำได้ จะต้องมีความโชคดีและความมุมานะพยายามมากแค่ไหน มีเหตุการณ์สำคัญอะไรที่เกิดขึ้นในอวี๋หังเมื่อช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้บ้าง”

ยมทูตชุยก็ประหลาดใจเช่นกัน เปิดบันทึกประวัติศาสตร์ของอวี๋หัง ตรวจดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็เอ่ยว่า “มิน่าล่ะ เมื่อหกสิบปีก่อน เกิดแผ่นดินไหวอย่างกะทันหันในอวี๋หัง น้ำในทะเลสาบลวี่หูเกือบล้นตลิ่ง ตอนนั้นมีคนอยู่ที่ทะเลสาบอวี้หูไม่น้อย หลังจากพลัดตกลงไปในทะเลสาบ เขาก็ทุ่มพลังวิญญาณทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือคนขึ้นฝั่ง เศษวิญญาณที่เหลือจมลงก้นทะเลสาป หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือคิดว่าเป็นอภินิหารของเทพเจ้าน้ำ จึงได้สร้างศาลเจ้าเพื่อบูชาเทพเจ้าน้ำ”

“ใช่แล้ว ข้าเคยอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ ตอนนั้นจู่ๆ อวี๋หังก็ประสบกับแผ่นดินไหว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก น้ำจากทะเลสาบลวี่หูเกือบทะลักเข้าไปในเมือง ไม่รู้ว่ากลับคืนมาสู่ทะเลสาบได้อย่างไร” เหยียนฉีซานเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “จริงๆ แล้วมีศาลเจ้าเล็กๆ ที่มีรูปปั้นเคารพบูชาขนาดเล็กอยู่ข้างทะเลสาบลวี่หู ข้ายังเคยไปคำนับบูชาอีกด้วย! ดังนั้นหมายความว่าเทพเจ้าที่ข้ากราบไหว้คือท่านปู่ทวดของข้าหรือ”

แม่เจ้า นั่นคือเทพเจ้าเชียวนะ!

เจียงเหวินหลิวถึงกลับขนลุก

เจ้าสำนักศึกษาถังชาไปทั้งตัว

ตอนนี้เขาเริ่มอิจฉาตาร้อนขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

ไถชิงน้ำตาไหลอาบแก้ม เป็นคนที่นางรักจริงๆ

“เหลือเพียงเศษวิญญาณก็ยังสามารถเป็นเทพเจ้าได้หรือ” เจ้าสำนักศึกษาถังไม่พลาดคำว่า ‘เศษวิญญาณ’

ยมทูตชุยกล่าวว่า “เศษวิญญาณที่เหลืออยู่ หากได้รับการหล่อเลี้ยงและความศรัทธา ก็จะค่อยๆ หลอมรวมขึ้นมา อีกอย่างเขาก็เพียงแค่กระจายพลังวิญญาณไปในทะเลสาบลวี่หู และเขาก็ไม่ได้จากไปไหน ซ้ำยังมีราษฎรเคารพบูชาและมีความศรัทธา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบุญกุศลที่จะสะท้อนกลับคืนสู่ตัวเขาเองอีกครั้ง มิเช่นนั้นจะเรียกได้หรือว่าสวรรค์ยุติธรรมเสมอ แต่ว่าเขาฝึกบำเพ็ญสำเร็จโดยใช้ร่างผี เศษวิญญาณไม่เพียงพอ ข้าเดาว่าคงสามารถเรียกได้เพียงครึ่งเทพ”

“หากไม่มีศรัทธาแล้วล่ะ”

“เมื่อความศรัทธาหายไป เทพเจ้าก็ย่อมหายไปด้วย” ฉินหลิวซีตอบว่า “เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งขุนเขา หากมีคนศรัทธานาง เช่นนั้นนางก็จะคงอยู่ แต่หากไม่มีแล้วนางก็จะหายไปในโลกนี้”

“ใช่แล้ว อีกอย่างเดิมทีเขาก็เป็นผีน้ำ เพียงแต่ไม่ได้หาตัวตายตัวแทนมาเพื่อไปเกิดใหม่ อยู่เฝ้าทะเลสาบลวี่หูมาตลอดจึงได้รับโอกาสนี้ เมื่อความศรัทธาหายไป เขาก็จะหายไปในทันที” ยมทูตชุยเอ่ยต่อ “ตระกูลเหยียนมีโชคลาภเป็นพิเศษ หลังจากที่เขากลายเป็นผีน้ำก็ยังได้รับโอกาส จึงได้กลายเป็นเทพเจ้าน้ำที่ถูกใต้หล้ายอมรับ”

ไถชิงเอ่ยเบาๆ ว่า “เช่นนั้นเขาก็ไปไหนไม่ได้ใช่หรือไม่”

“จะไปที่ไหน เขาเป็นเทพเจ้าน้ำของสถานที่นั้น ทั้งยังได้รับความเคารพบูชาจากราษฎรและการยอมรับจากใต้หล้า ย่อมต้องคอยปกป้องดินน้ำของสถานที่แห่งนั้น หากเทพเจ้าไปแล้ว ก็จะไม่มีเทพเจ้า แล้วราษฎรก็จะไม่ศรัทธาอีกต่อไป เมื่อไม่มีความศรัทธา แล้วเขาจะยังคงอยู่ได้หรือ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะจากไป!” ยมทูตชุยเหลือบมองนาง “เป็นอย่างไร ยอมแพ้แล้วหรือไม่ กลับไปยมโลกกับข้าเพื่อไปเกิดใหม่เถิด เพื่อเห็นแก่เจ้าอาวาสน้อย เจ้าเองก็ไม่มีบาปกรรมอะไร จะให้เจ้าไปเกิดใหม่ในที่ที่ดี”

ไถชิงส่ายหน้า “ข้าไม่ไป”

“คิดให้ดี หากเจ้าไม่ไปเกิดใหม่ เป็นผีเร่ร่อนอยู่ในโลกนี้ ในภายภาคหน้าหากอยากจะไปเกิดใหม่ก็ต้องต่อแถวยาว ด้วยความที่เจ้ายังอ่อนแอและรูปร่างงดงาม หากไปต้องตาผีใหญ่เหล่านั้นเข้า หากไม่ถูกดึงไปเป็นผีอนุก็คงถูกกลืนกิน”

ไถชิงตกใจจนวิญญาณอ่อนกำลัง เอ่ยพึมพำว่า “ข้าไม่สามารถอยู่ข้างกายเทพเจ้าน้ำได้หรือ อย่างท่านก็ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นพวกผีที่หัวเป็นวัวตัวเป็นงูอะไรเหล่านั้นได้เลย เช่นนั้นข้าก็อยู่ใต้บังคับบัญชาของเทพเจ้าน้ำได้เช่นกัน”

“อ้อ เป็นเลขาส่วนตัวหรือ” ยมทูตชุยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นทุกคนสีหน้ามึนงง จึงเอ่ยว่า “ในยุคต่อไปเขาเรียกกันเช่นนั้น”

ไถชิงรู้สึกว่าคำนี้นั้นกล่าวผิดไปเล็กน้อย แต่นางก็ไม่กล้าโต้แย้ง ทำได้เพียงก้มหน้าลง

“หากรู้ว่าอยู่ไหนเช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย ลองไปดูก่อนเถิด จะไปเกิดใหม่หรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง” ฉินหลิวซีกล่าวกับยมทูตชุยว่า “ท่านมีเรื่องมากมายต้องทำ ข้าไม่กล้ารั้งท่านให้อยู่สนทนาที่นี่”

ยมทูตชุย “ข้าไม่ยุ่ง ยังมีเวลาดื่มกับท่านเจ้าอาวาสน้อยสักสองจอกด้วยซ้ำ”

ฉินหลิวซีชี้ไปยังไถชิง เอ่ย “ข้ารับเงินมาแล้ว เรื่องนี้ยังไม่จบ อย่างไรก็ต้องพานางไปที่นั่นสักครั้ง”

ยมทูตชุยจ้องมองไถชิงอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงเอ่ย “เช่นนั้นก็ได้”

“รบกวนท่านต้องมาถึงที่นี่ น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ กลับไปเอาไปแบ่งกันกินเถิด คราวก่อนเห็นว่าม้ามังกรของท่านแก่แล้ว ดังนั้นจึงทำขึ้นมาให้ท่านหนึ่งตัวใช้สำหรับเดินทาง” ฉินหลิวซีชี้ไปยังของเซ่นไหว้เหล่านั้น ยิ้มพลางกล่าวว่า “ฝากถามสาระทุกข์สุกดิบถึงท่านยมบาลด้วย ครั้งหน้าข้าจะไปเยี่ยมเขา สัญญาว่าจะไม่เผาเคราเขาอีก!”

ราชาเหยียนหลัว[2] “?”

อย่ามา ข้าไม่อยู่!

ยมทูตชุยสังเกตเห็นม้ามังกรตัวนั้นนานแล้ว รู้สึกชอบเป็นอย่างมาก เอ่ยด้วยความเกรงใจ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไหนเลยท่านจะต้องเกรงใจเช่นนี้”

ฉินหลิวซีร่ายคาถาเสกยันต์เผาเครื่องเซ่นไหว้ ทุกคนได้ยินเสียงร้องของม้า แสงสีทองส่องประกายอยู่ตรงหน้า กระดาษพับเหล่านั้นกลายเป็นของจริง

ยมทูตชุยยิ้มจนใบหน้าผีของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย โบกแขนเสื้อกวาดหยวนเป่าเข้ามาในกระเป๋า ขึ้นขี่ม้าพร้อมเอ่ยลาฉินหลิวซี แหวกความว่างเปล่าแล้วขี่ม้าผ่านเข้าไป

[1] เทพเหวินชาง เป็นเทพเจ้าจีน โดยนับถือว่าเป็นเทพแห่งการศึกษา การรับราชการ และการสอบเข้าจอหงวน

[2]ราชาเหยียนหลัว ยมบาลที่ปกครองอยู่ในยมโลก