บทที่ 351 กลับเมืองหลวงมาจับโจร

คำพูดของเฉินฉือทำให้เย่จิ่งฝูรู้สึกสนใจแผงยาของหย่งอันถังขึ้นมา

นางไม่ได้เซ้าซี้อีก แต่สั่งให้สาวใช้ไปสืบเรื่องของหย่งอันถังแทน

“เจ้าหมายความว่าหย่งอันถังก่อนหน้านี้เป็นแค่ร้านยาธรรมดา แต่ช่วงที่ผ่านมานี้กลับค่อย ๆ มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ยาของพวกเขาได้ผลดีเป็นอย่างมาก ตอนนี้หลายคนจึงมั่นใจแค่ยาของหย่งอันถังเท่านั้น”

สาวใช้สืบได้ความมาเช่นนี้ นางจึงเริ่มเข้าใจหย่งอันถังขึ้นมาบ้างแล้ว “คุณหนู หรือไม่พวกเราไปขอซื้อยามาสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ต้องรีบร้อน รอพรุ่งนี้พวกเขาตั้งแผงแล้ว พวกเราค่อยไปดูอีกที”

“ก็ได้เจ้าค่ะ ใบหน้าของธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ผู้นั้น ช่วยไม่ได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”

เย่จิ่งฝูกลอกตามองบน “หากว่านางอยากรักษาก็ยังพอรักษาได้อยู่ แต่ความคิดเพ้อเจ้อที่อยากงดงามราวกับบุปผาจันทราเช่นนั้น ต้องขออภัยด้วยที่ข้าไม่ใช่หมอเทวดาฮัวโต๋ จึงไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าไปเตรียมยารักษาขององค์ชายรองก่อนเถอะ”

เย่จิ่งฝูถือยาที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยมาหาเซี่ยหยางอีกครั้ง

ชายหนุ่มรูปงามนอนรออยู่บนตั่งแล้ว สาวใช้ข้างกายเพิ่งปรนนิบัติและชำระร่างกายให้เขาเสร็จ ร่างกายจึงยังปกคลุมไปด้วยไอน้ำ เดิมควรจะมองว่ามีเสน่ห์ แต่เย่จิ่งฝูกลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่มองแม้แต่น้อย จากนั้นก็เอ่ยด้วยความไม่พอใจขึ้นมา “ข้าบอกว่าห้ามโดนน้ำไม่ใช่หรือ?”

เซี่ยหยางจนปัญญา ทายาทของตระกูลหมอเทวดาผู้นี้ไม่รู้ถึงอารมณ์รักของหนุ่มสาวจริง ๆ สตรีธรรมดาเห็นเขาเช่นนี้ควรอายถึงจะถูก

เย่จิ่งฝูนั่งลงโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ก่อนจะทายาให้กับเขา “ครั้งหน้าอย่าทำอีก ตำหนักมีคนรับใช้มากมายเพียงนี้ ยังต้องให้ท่านอาบน้ำด้วยตัวเองอีกอย่างนั้นหรือ?”

เซี่ยหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้ ข้าจะเชื่อฟังเจ้า”

คำพูดที่คลุมเครือนี้ไม่สามารถทำอะไรเย่จิ่งฝูได้ นางจ้องมองไปที่บาดแผลบนข้อมือของเขาและพึมพำออกมา “องค์ชายรอง ข้าเคยบอกหรือไม่…”

“หืม?” เซี่ยหยางเลิกคิ้ว พลางขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด จนได้กลิ่นของสมุนไพรบนกายเย่จิ่งฝู

“เคยบอกหรือไม่ว่าคนที่ทำร้ายท่าน วิชาดาบไม่เลวเลย”

เซี่ยหยาง “…”

“แต่คงเป็นสตรีกระมัง พลังดูลดลงไปเล็กน้อย หากเป็นบุรุษอาจจะฟันข้อมือท่านจนขาดก็เป็นได้ ท่านดูรอยดาบนี่สิว่าประณีตเพียงใด ไม่ได้กรีดมั่วซั่ว มีเป้าหมายเพื่อจะทำลายท่านโดยเฉพาะ”

เซี่ยหยางได้ยินนางบรรยาย ความน่ากลัวของวันนั้นก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าตอนที่เย่จิ่งฝูพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาทั้งสองข้างกลับเป็นประกายเจิดจ้า!

เซี่ยหยางอยากจะชักมือกลับ ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรง “เป็นสตรีจริง ๆ”

เย่จิ่งฝูเอ่ยด้วยความสงสัย “เป็นผู้ใดกัน ยอดฝีมือท่านใด ไม่แน่ข้าอาจจะรู้จักก็ได้”

“นางชื่อเมี่ยป้า”

เย่จิ่งฝูเอียงหัวเล็กน้อย “ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่าข้าจะจับตาดูแทนท่านเอง คนที่กรีดแผลได้เรียบร้อยเช่นนี้ ต้องไม่ใช่คนที่ไม่มีใครรู้จักอย่างแน่นอน”

เซี่ยหยางบ่นในใจ เจ้าเลิกชมได้แล้ว

ค่ำคืนที่มืดมิดและมีน้ำค้างลงอย่างหนัก อู๋ซิ่วสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ “คืนนี้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว”

เดิมก็มีคนท้องเสียและมีไข้สูงอยู่ทุกที่อยู่แล้ว มิหนำซ้ำอากาศยังแปรปรวนอย่างมาก หากหนาวกว่านี้อีกสักหน่อยเกรงว่าคงมีหิมะตกเป็นแน่ ถึงเวลาคนป่วยก็จะมีมากขึ้นอีก

ทหารชั้นผู้น้อยที่เพิ่งไปเอาเหล้าอุ่นหนึ่งกากลับมา ก็รู้สึกถึงปลายจมูกที่เย็นเฉียบ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับพบว่าหิมะตกแล้ว

“ท่านนายกอง หิมะตกแล้วขอรับ! คนแก่ที่บ้านของพวกเรามักพูดว่า นิมิตจากสวรรค์จะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ ต้องเป็น…”

อู๋ซิ่วสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ คำพูดที่เหลือแค่คิดเขาก็รู้ได้ว่าคืออะไร

ยังไม่ถึงหน้าหนาวหิมะก็ตกเสียแล้ว คงเป็นเพราะมีความอยุติธรรม ดูท่าหน้าประตูวังวันพรุ่งนี้คงมีคนมาคุกเข่ามากกว่าเดิม

อู๋ซิ่วพ่นลมหายใจออกมาและมองไปที่ประตูเมือง

“ท่านนายกอง มองอะไรหรือขอรับ?”

อู๋ซิ่วลูบหนังตา “ปกติแล้วหากหนังตากระตุกครึ่งชั่วยาม หมายความว่าจะได้พบเผยยวน”บราวนี่ออนไลน์

ทหารชั้นผู้น้อยสงสัย “แม่นจริงหรือขอรับ?”

“พนันห้าตำลึงเงิน”

อู๋ซิ่วเอ่ยจบก็จ้องเขม็งไปที่ประตูเมือง สักพักก็มีรถม้าสี่ห้าคันมุ่งมาทางนี้จริง ๆ ภายในรถม้ายังได้ยินเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ อีกด้วย

อาชิงกำลังชะโงกหัวออกไปดูหิมะ “ว้าว งดงามจริง ๆ!”

อาอินรีบดึงเขากลับเข้ามา “เดี๋ยวก็แข็งตายหรอก”

อาชิงเบียดตัวเข้าไปนั่งในอ้อมแขนของไท่ซ่างหวง “ท่านทวดขอรับ พวกเรามาเมืองหลวงสามารถซื้อน้ำตาลปั้นเยอะ ๆ ได้หรือไม่ขอรับ?”

“ได้อยู่แล้ว อาชิงน้อยจะเอาเท่าใดหรือ? ทวดจะซื้อให้เจ้าหมดเลย” ไท่ซ่างหวงกอดเจ้าตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน พลางบีบแก้มยุ้ย ๆ ของเขา

“ดีเลยขอรับ” อาชิงดีใจอย่างมาก พลางหันหน้ามาและลืมตากลมโตราวกับผลองุ่นสีดำและเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่บอกว่าตอนนี้เด็กที่เหมือนกับพวกเราหลายคนอาศัยอยู่กับท่านน้าเซียงเซียง ข้าเก็บเงินค่าขนมเอาไว้เล็กน้อย ข้าก็จะซื้อน้ำตาลปั้นให้พวกเขาด้วยขอรับ”

น้ำเสียงของไท่ซ่างหวงอ่อนโยนลง “เด็กดี”

หากว่าตระกูลเซี่ยมีเด็กที่รู้ความเช่นนี้อีกสองสามคน เขาก็คงไม่ต้องคอยเป็นกังวลเช่นนี้

อู๋ซิ่วจ้องมองขบวนรถม้า ในที่สุดก็เห็นเผยยวนที่อยู่ด้านข้าง!

ดูสิ เขาบอกว่าอย่างไร หนังตากระตุกเผยยวนต้องมาแน่!

จางตงไหลให้ยอดฝีมือไปจัดการที่ประตูเมือง อู๋ซิ่วเดิมอยากจะเข้าไปทักทายเผยยวน สู้ไม่ชนะก็เข้าร่วมเลยก็แล้วกัน แต่ไหนเลยจะรู้ว่าครั้งนี้ยังไม่ทันได้พูด ก็ถูกหิ้วเข้าไปในห้องเล็กเสียแล้ว

“ข่าวที่แม่ทัพเผยเข้าเมืองหลวงมาห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” ยอดฝีมือนำป้ายของไท่ซ่างหวงออกมา

อู๋ซิ่วกะพริบตาปริบ ๆ ต่อให้ไม่เอาป้ายของไท่ซ่างหวงออกมา เขาก็ไม่มีทางพูดออกไปอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือ พูดไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์!

แต่ตอนนี้อู๋ซิ่วได้รู้แล้วว่าเผยยวนมีไท่ซ่างหวงหนุนหลังจริง ๆ เช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่าเขายังมีอนาคตอยู่ใช่หรือไม่? กอดขาของราชสำนักไม่ได้ ไปกอดขาของเผยยวนเอาก็ได้นี่นา!

กว่าอู๋ซิ่วจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด รถม้าก็เข้าเมืองไปอย่างเงียบ ๆ และตรงไปที่จวนของกลุ่มกองเรือแล้ว

“ท่านนายกอง คนเมื่อครู่เป็นผู้ใดหรือขอรับ?”

อู๋ซิ่วดื่มเหล้าอุ่นไปหนึ่งอึก “นกแจ้งข่าวดี!”

มาถึงก็บอกข่าวดี จะไม่ใช่นกแจ้งข่าวดีได้อย่างไร?

ทหารชั้นผู้น้อย “???”

อู๋ซิ่วตบบ่าของทหารชั้นผู้น้อยผู้นั้นเบา ๆ ทันใดนั้นแสงระยิบระยับก็เปล่งประกายออกมาจากดวงตา “จู่ ๆ ข้าก็พบเป้าหมายแล้ว”

เกาะราชสำนัก เฝ้าประตูเมืองทั้งชีวิต เกาะเผยยวน นั่นก็ไม่แน่ เพราะอนาคตมีความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด!

คิดได้ดังนั้น อู๋ซิ่วก็รู้สึกเห็นทางสว่างขึ้นมา!

จวนตระกูลฮวา

เผยยวนลงจากหลังม้าและเดินมาที่ข้างรถม้า อุ้มเด็กทั้งสองลงมา จากนั้นจึงได้ช่วยกันกับจี้จือฮวนประคองไท่ซ่างหวงลงจากรถม้า

เสี่ยวลิ่วจื่อเข้าไปก่อน เพื่อแจ้งฮวาเส้าจงว่ามีแขกสูงศักดิ์มาพบ

เดิมทีฮวาเส้าจงเข้านอนไปแล้ว หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จก็พาคนออกมาต้อนรับที่ประตู เมื่อพบไท่ซ่างหวงก็รีบทำการคารวะ

“ไม่ต้องมากพิธี ตาแก่อย่างข้ายังต้องรบกวนเจ้าอีก”

ฮวาเส้าจงเองก็คิดไม่ถึงว่าชีวิตนี้ยังสามารถมีโอกาสได้พูดคุยกับไท่ซ่างหวงตัวต่อตัว “ท่านผู้เฒ่าพูดอะไรเช่นนั้นเล่าขอรับ เชิญด้านในดีกว่าขอรับ”

ฮวาเซียงเซียงเดินตามมาทางด้านหลัง จึงดึงจี้จือฮวนมากระซิบกระซาบ “ท่านผู้เฒ่าท่านนี้คือไท่ซ่างหวงหรือ? ก่อนหน้านี้เหตุใดข้าถึงไม่รู้เลยเล่า”

“ไท่ซ่างหวงไม่ให้พูด”

ฮวาเซียงเซียงพยักหน้ารับรู้ “โรคประหลาดในเมืองหลวงเจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่? ไท่ซ่างหวงมาอยู่บ้านพวกเรา จะไม่กลับวังหลวงอย่างนั้นหรือ?”

“วังหลวงตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยเท่ากับบ้านพวกเจ้า”

ไท่ซ่างหวงอยู่ด้านนอกยังสามารถหาวิธีติดต่อคนอื่นได้ แต่หากอยู่ในวังหลวงใครจะรู้ว่าข้างกายใครเป็นใครบ้าง พูดตรง ๆ ก็คือหากฮ่องเต้เซี่ยเจินรำคาญที่เขาเกะกะสั่งให้คนมาลอบทำร้าย พวกเขาไม่สามารถบินเข้าไปได้ ไหนเลยจะสามารถช่วยคนได้ทันท่วงที?

“ไป๋จิ่นกลับมาหรือยัง?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม